Skip to main content
sharethis

‘ประวิตร’ ระบุ ซุปเปอร์เขตเศรษฐกิจพิเศษ  ต.ค.นี้ ชัดเจน สั่งเหล่าทัพหนุนสร้างความเข้าใจกลุ่มต้านโครงการรัฐ คลังเผยสัปดาห์หน้าคลอดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านรากหญ้า

26 ส.ค.2558 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผย ภายหลังการประชุมติดตามความคืบหน้าการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ ร่วมกับ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจ ว่า วันนี้ (26 ส.ค.) เป็นการประชุมต่อเนื่องจากครั้งที่แล้ว โดยคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ( BOI ) ได้ลงรายละเอียดในผลิตภัณฑ์แต่ละด้าน ซึ่งคณะกรรมการได้แบ่งเป็น 7 Cluster หรือ 7 ผลิตภัณฑ์

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ที่ประชุมได้ยกเว้นด้านผลไม้และอาหารไว้ก่อน เนื่องจาก BOI ต้องการให้กระทรวงอุตสาหกรรมเป็นผู้ดูรายละเอียด แต่นายสมคิด ต้องการให้รวมผลิตภัณฑ์ทั้งหมด จึงให้กระทรวงอุตสาหกรรม และ BOI เป็นเจ้าภาพร่วมกับนายสมคิด ในขอบเขตของกระทรวงการคลัง เพื่อศึกษารายละเอียดทั้ง 7 Cluster  ซึ่งจะประชุมครั้งต่อไป

“ภายในเดือนตุลาคมนี้  รูปแบบเขตเศรษฐกิจพิเศษจะมีความชัดเจนมากขึ้น   รวมถึง  ซุปเปอร์เขตเศรษฐกิจพิเศษ ที่ประชาชนจะได้รับสิทธิประโยชน์มากขึ้นด้วย” พล.อ.ประวิตร กล่าว และว่า เมื่อได้รายละเอียดชัดเจนแล้ว ก็จะนำเสนอต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่ออนุมัติต่อไป

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า นอกจากข้อมูลของ BOI  และกระทรวงอุตสาหกรรม แล้ว ยังจะต้องรวบรวมข้อมูลผังเมืองจากกระทรวงมหาดไทยด้วย  เมื่อครบทุกส่วนแล้ว จะทำโรดโชว์ในต่างประเทศ โดยทั้งภาครัฐและเอกชนต้องเดินหน้าไปพร้อมกัน ขณะเดียวกัน ประชาชนในพื้นที่อาจไม่เข้าใจในบางเรื่อง ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ และองค์กรท้องถิ่น ก็ต้องพูดคุยกันในรายละเอียด เพื่อให้คนในพื้นที่เข้าใจว่า เป็นสิ่งที่จะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น

สั่งเหล่าทัพหนุนสร้างความเข้าใจกลุ่มต้านโครงการรัฐ

วันเดียวกัน (26 ส.ค.58) พล.ต.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงภายหลังการประชุมสภากลาโหม ว่า พล.อ.ประวิตร ขอให้หน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหมและเหล่าทัพให้การสนับสนุนหน่วยงานของรัฐ หากได้รับการร้องขอให้เหล่าทัพช่วยชี้แจงกับกลุ่มต่อต้านการดำเนินงานโครงการของรัฐบาล เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องและตระหนักถึงการมีส่วนร่วมแก้ปัญหาและรับผิดชอบเพื่อพัฒนาอย่างยั่งยืน เนื่องจากปัจจุบันมีหลายโครงการที่อาจมีกลุ่มคนต่อต้าน และจะเป็นผลให้รัฐบาลต้องชะลอการดำเนินการ ซึ่งจะเสียโอกาสในการพัฒนาประเทศ

“ที่ประชุมขอความร่วมมือจากสื่อมวลชนในการนำเสนอข่าวสารในช่วงสถานการณ์ของประเทศที่มีการเปลี่ยนผ่าน โดยให้ตระหนักถึงปัญหาและผลประโยชน์ของชาติ ในการนำเสนอข่าวสารที่สร้างสรรค์ เพื่อสร้างการรับรู้และมีส่วนร่วมของกระชาชนเพื่อไปสู่ความสงบและพัฒนาอย่างยั่งยืน ก้าวข้ามปัญหาของประเทศชาติไปได้” โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าว

คลังเผยสัปดาห์หน้าคลอดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านรากหญ้า

อภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในงานสัมนาวิชาการสำนักงานเศรษฐกิจการคลังประจำปี 58 “นวัตกรรมการคลังการเงินเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย” ว่า เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจในระยะสั้น ในสัปดาห์หน้ากระทรวงการคลังเตรียมเสนอ ครม.พิจารณาแผนขับเคลื่อนเศรษฐกิจผ่านการช่วยเหลือในระดับรากหญ้า โดยเสนอเป็นแพ็กเก็จเพื่อช่วยเหลือในหลายด้านให้มีกำลังซื้อเพิ่มเติม เช่น แผนเติมเงินผ่านกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองนับว่าเป็นกรอัดฉีดเงินก้อนใหม่ไม่ใช่วงเงิน 40,000ล้านบาท เดิมที่ได้นำส่งไปแล้ว ผ่านการ ใช้เงินงบประมาณและเงินของแบงก์รัฐ เช่น ออมสิน ธ.ก.ส. ปล่อยกู้ให้กับกองทุนหมู่บ้านฯปลอดดอกเบี้ยหรือดอกเบี้ยต่ำ แล้วนำไปให้ปล่อยกู้ให้ชาวบ้านผู้เป็นสมาชิกกองทุนในอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าร้อยละ 5 อย่าแน่นอน

โดยมีเงื่อนไขห้ามนำไปชำหระหนี้เดิม แต่ให้นำไปใช้ในการประกอบอาชีพ เพราะไม่ต้องการให้เงินฟรีกับชาวบ้าน แต่ต้องการให้นำเงินไปใช้หมุนเวียนประกอบอาชีพ เพื่อให้มีต้นทุนลดลง เนื่องจากเห็นว่าการอัดฉีดเงินผ่านกองทุนหมู่บ้านรวดเร็วกว่าผ่านขั้นตอนภาครัฐ เพราะเงินลงไปถึงมือชาวบ้านได้รวดเร็ว ด้วยการให้กรรมการกองทุนหมู่บ้านผู้อยู่ใกล้ชิดกับสมาชิกช่วยกำกับดูแลการใช้เงิน เพราะรู้ว่าใครประกอบอาชีพอย่างไร หากกองทุนใดยังมีปัญหาบริการจัดการ จะเข้าไปดูแลโดยมีมาตรการจูงใจให้เร่งปรับตัวก่อนส่งเงินให้ในภายหลัง เพื่อให้กลุ่มชาวบ้านมีเงินทุนหมุนเวียน โดยไม่ใช่เงินให้เปล่าจากรัฐบาล เพื่อต้องการเติมเงินสู่ระบบในช่วงสั้น เนื่องจากขณะนี้ระดับรากหญ้าประสบปัญหาจากราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ปัญหาภัยแล้ง จึงขาดกำลังซื้อในชนบท

นอกจากนี้รัฐบาลจึงเตรียมออกมาตรการอัดฉีดเงินออกสู่ระบบผ่านโครงการลงทุนขนาดเล็กมีการลงทุนเร็ว เบิกจ่ายเร็ว เพื่อให้ผู้รับเหมาก่อสร้างขนาดเล็กในชนบทได้รับงาน และเกิดการจ้างงานในชุมชน ร้านค้าวัสดุก่อสร้างและการขายสินค้าต่อเนื่อง รวมทั้งต้องต้องการผลักดันให้ภาคเอกชนขยายการลงทุนเพิ่มเติม หากรายใดได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากBOI แล้ว หากเร่งลงทุนก่อสร้างจะได้รับสิทธิ์ประโยชน์เพิ่มเติมแก่ภาคเอกชน การส่งเสริมให้เอกชนจัดทำบัญชีเดียว และแผนนิรโทษกรรมการเสียภาษี เพื่อกลับมาเริ่มจ่ายภาษีให้กับภาครัฐอย่างถูกต้อง เพื่อให้รัฐบาลมีรายได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย การเสียภาษีผ่านระบบอินเตอร์เน็ต ทำให้การรั่วไหลลดน้อยลง แผนการปฏรูปจะเร่งรัดให้

‘ประยุทธ์’ ยันนโยบายเศรษฐกิจต่อเนื่อง

ขณะที่วานนี้(25 ส.ค. 58) ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. กล่าวว่า อยากให้เรียกคณะรัฐมนตรีชุดนี้ ว่า ครม.ชุด 2 และที่ประชุม ครม.วันนี้ได้แบ่งงานให้กับรองนายกรัฐมนตรีแล้ว ไม่ได้แบ่งงานเป็นแต่ละด้าน แต่เน้นแบ่งเป็นรายกระทรวง อาทิ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี จะดูแลกระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี จะดูแลกระทรวงเศรษฐกิจ 7 กระทรวง รวมกระทรวงการต่างประเทศ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี ดูแลกระทรวงวัฒนธรรม และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ให้ ครม.เดินหน้าสานต่องานจากคณะรัฐมนตรีชุดแรก ผลักดันให้เกิดผลเป็นรูปธรรม ตามยุทธศาสตร์ที่วางไว้ โดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจ ให้เกิดการลงทุนและวางรากฐานที่มั่นคง รวมถึงพิจารณาการลงทุนร่วมกับต่างประเทศ ที่ต้องดูตามกฎระเบียบ ทั้งโครงการรถไฟความเร็วสูง รถไฟทางคู่ และเส้นทางมอเตอร์เวย์

เตรียมกระตุ้นอำนาจซื้อผู้มีรายได้น้อย

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า มาตรการการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ ส่วนใหญ่เป็นไปตามแผนที่ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ได้เสนอ คือการกระตุ้นให้ผู้มีรายได้น้อยได้มีอำนาจในการซื้อ เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจ สร้างความมั่นใจด้านการใช้จ่าย พร้อมสร้างความเข้มแข็งให้กับโครงสร้างเศรษฐกิจ ที่ต้องลดต้นทุนภาคการเกษตร ใช้เทคโนโลยีเพิ่มมูลค่าให้ผลผลิตภายในประเทศ เช่นการผลักดันโครงการ Rubber City ที่ให้นายสมคิด ไปเร่งดำเนินการในเรื่องนี้ โดยหวังว่าการเป็นการเพิ่มปริมาณการใช้ยาง ร้อยละ 10-15

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยอมรับว่าการแก้ปัญหาเศรษฐกิจทั้งระบบต้องใช้เวลาและงบประมาณสูง  ต้องแบ่งงบประมาณออกเป็นสองส่วน ส่วนแรกเพื่อการช่วยเหลือ ส่วนที่สองเพื่อสร้างความยั่งยืน ในส่วนของกระทรวงการต่างประเทศ ต้องทำงานคู่ขนานกับกระทรวงด้านเศรษฐกิจ เพื่อเร่งทำความเข้าใจและสร้างความร่วมมือกับต่างประเทศ ให้เกิดความเชื่อมั่นด้านการลงทุน

เดินหน้าเศรษฐกิจดิจิตอล 

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า นโยบายที่ได้ดำเนินการมาก่อนหน้านี้ต้องเดินหน้าต่อ ทั้งเรื่องเศรษฐกิจดิจิตอล  การประมูล 4 จี และเรื่องดาต้าเซนเตอร์ หากเรื่องใดยังมีความขัดแย้งหรือมีความเห็นต่าง จะต้องนำมาทบทวนและต้องเดินหน้าต่อไปให้ได้ รวมถึงเรื่องการเปิดสัมปทานปิโตรเลียม ที่อยู่ระหว่างการพิจารณา การเลือกพล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ มาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เพราะเคยศึกษาเรื่องพลังงานมาก่อนหน้านี้ และเพื่อมาสร้างความเข้าใจระหว่างกัน

 

ที่มา สำนักข่าวไทย, 26 ส.ค.58 และ 25 ส.ค.58

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net