Skip to main content
sharethis

29 ก.ค.2558 สาระ ล่ำซำ นายกสมาคมประกันชีวิตไทย กล่าวถึงภาพรวมประกันชีวิตว่า เบี้ยประกันชีวิตรับรวมตั้งแต่เดือนมกราคม – พฤษภาคม มีทั้งสิ้น 214,579.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 2  แยกเป็นเบี้ยประกันชีวิตรับรายใหม่จำนวน 65,338.7 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 15.8 และเบี้ยประกันชีวิตรับปีต่อไปจำนวน 149,241.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.4 โดยมีอัตราความคงอยู่ร้อยละ 84 ซึ่งสาเหตุที่เบี้ยประกันชีวิตรับรายใหม่ลดลงเป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันชะลอตัว อัตราค่าครองชีพสูงขึ้นส่งผลต่อกำลังซื้อของประชาชนลดลง นอกจากนี้การปรับนโยบายการบริหารการขายของแต่ละบริษัทประกันชีวิต ให้เหมาะสมกับสภาวการณ์ปัจจุบัน เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายการปรับลดการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงิน ส่งผลให้ผลงานเบี้ยประกันภัยรับใหม่ มีอัตราชะลอตัว ขณะเดียวกันในส่วนของเบี้ยประกันภัยต่ออายุ ก็ค่อนข้างคงที่ถึงชะลอตัวเล็กน้อย จากการที่มีกรมธรรม์ฯที่ครบกำหนดชำระแต่ยังคงมีความคุ้มครองอยู่เป็นจำนวนมาก

สำหรับครึ่งปีหลัง คาดว่าธุรกิจประกันชีวิตจะยังมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่ในอัตราที่ชะลอตัวกว่าทุกปี สมาคมฯ คาดว่าอัตราการเติบโตของธุรกิจประกันชีวิตในปี 2558 จะเติบโตเพียงร้อยละ 7 จำนวนเบี้ยประกันภัยรับรวมประมาณ 539,000 ล้านบาท จากต้นปี คาดว่าจะเติบโตร้อยละ 13 เบี้ยประกันภัยรับรวมประมาณ 571,000 ล้านบาท

คลังรับเงินบาทมีโอกาสแตะ 35 บาท/ดอลลาร์ฯ

29 ก.ค. 2558 สมหมาย ภาษี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณีที่เงินบาทอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง ว่า ยอมรับว่าค่าเงินบาทมีโอกาสอ่อนค่าถึง 35 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ โดยปัจจัยหลักมาจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐ และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมมองว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการอ่อนค่าของค่าเงินบาทมาก

เสนอ 6 มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจให้ ครม.พิจารณา 4 ส.ค.นี้

สมหมาย เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศ เพื่อพิจารณาสถานการณ์เศรษฐกิจ ล่าสุดแนวทางการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปี 2588 และปี 2559 ด้วยว่า การแต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศ เพื่อดำเนิน 6 มาตรการ ประกอบด้วย 1.มาตรการด้านการเงินการคลัง 2.ส่งเสริมการลงทุนและเชิญชวนภาคเอกชนเข้าร่วมลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ 3.เร่งรัดปฏิบัติการขับเคลื่อนเศรษฐกิจระยะเร่งด่วนตามกรอบมาตรการกระตุ้น เศรษฐกิจปี 2558 – 2559 4.กระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงการที่มีงบประมาณประจำปี 5.กระตุ้นเศรษฐกิจผ่านกองทุนหมุนเวียน และ 6.การปรับปรุงบริหารจัดการสหกรณ์ที่มีอยู่ โดยจะมีการรายงานผลความก้าวหน้าและปัญหาอุปสรรคให้นายกรัฐมนตรีทราบทุก 2 สัปดาห์ พร้อมเตรียมเสนอให้ ครม. พิจารณาวันที่ 4 สิงหาคมนี้ ถ้าทำได้ตามเป้าหมายจะทำให้เศรษฐกิจขยายตัวได้มากกว่าร้อยละ 3 ซึ่งคาดว่าจากมาตรการดังกล่าวจะสามารถเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณในช่วง 2 เดือนที่เหลือของปีงบประมาณ 2558 ได้อีกประมาณ 350,000 ล้านบาท รวมถึงทำให้การเบิกจ่ายงบประมาณปี 2559 มีความรวดเร็วมากขึ้น เนื่องจากมีแผนบริหารจัดการที่ชัดเจนขึ้น

พาณิชย์เชื่อสหรัฐจะไม่แบนสินค้าไทย

วันเดียวกัน (29 ก.ค.ถค) อภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงกรณีที่ไทยถูกคงสถานะการค้ามนุษย์ไว้ที่อันดับเดิม หรือเทียร์ 3 ว่า ไม่อยากให้มองในแง่ร้าย เพราะที่ผ่านมาภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวของของไทยพยายามแก้ไขปัญหาก่อนหน้าที่จะมีการประกาศอันดับหลายเดือน ซึ่งไทยควรใช้วิกฤตินี้เป็นโอกาสที่ต้องเร่งผลักดันและแก้ไขปัญหาที่สะสมมานาน แม้ไทยจะถูกคงสถานะอยู่ที่เทียร์ 3 เช่นเดิมแต่เชื่อว่าสหรัฐจะไม่แบนสินค้าไทย เพราะสหรัฐก็ยอมรับว่าไทยมีการดำเนินการแก้ไขอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม ขณะที่กรณีการแก้ปัญหาการใช้แรงงานประมงผิดกฎหมาย หรือ IUUFishing รัฐบาลได้มีการปรับปรุงหลายหน่วยงานที่แต่งตั้งให้มากำกับดูแล ตลอดจนการแก้ไขกฎหมายเพื่อแก้ไขปัญหาให้ได้ในภาพรวม ซึ่งต้องยอมรับว่าอาจไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ภายใน 3-5 เดือน เพราะเป็นปัญหาที่สะสมมานานหลายปี และยังต้องพิจารณาผลกระทบที่มีต่อประมงพื้นบ้านด้วย ซึ่งเห็นว่าปัญหา IUU Fishing จะมีผลกระทบไม่มากและตอนนี้ไทยยังมีเวลาแก้ไขปัญหา โดยยืนยันว่าไทยมีความจริงใจในการแก้ปัญหา

เร่งรณรงค์ให้ปชช.ตระหนักการใช้ทรัพย์สินทางปัญญา หลัง พ.ร.บ.ใหม่ มีผลใช้ 4 ส.ค.นี้

อภิรดี กล่าวอีกว่า กระทรวงพาณิชย์จะเร่งรณรงค์ให้ประชาชนตระหนักการใช้ทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งการแก้ไขกฎหมายฉบับใหม่ที่จะมีผลบังคับใช้วันที่ 4 สิงหาคมนี้ ใน พ.ร.บ.ใหม่ 8 ข้อ ประกอบด้วย ห้ามลบหรือเปลี่ยนแปลงข้อมูลเกี่ยวกับลิขสิทธิ์ชื่อผู้สร้างสรรค์ ชื่อนักแสดงบุคคลจะมีความผิดฐานละเมิดการบริหารสิทธิ์ ผู้ที่มีสิทธิ์ลิขสิทธิ์ของตนในการคุ้มครองเทคโนโลยีของเจ้าของลิขสิทธิ์ในกรณีมีพาสเวิร์ส และมีการเผยแพร่ในระบบอินเทอร์เน็ต ทั้งนี้ หากมีการเปลี่ยนแปลงโดยเจ้าของสิทธิ์ไม่ยินยอมจะถือเป็นการละเมิดทางเทคโนโลยี กรณีการเรียกดูภาพยนตร์ หรือฟังเพลงผ่านเครื่องคอมพิวเตอร์และมีการฟังซ้ำทั้งงานเพลงและภาพยนตร์ในหน่วยความจำคอมพิวเตอร์ให้ถือว่าเป็นการทำซ้ำชั่วคราวไม่ถือเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ ให้ถือเป็นข้อยกเว้นในการละเมิดลิขสิทธิ์ชั่วคราว

นอกจากนี้ กรณีผู้ให้บริการทางอินเทอร์เน็ต เช่น เจ้าของเว็บไซต์โดยเฉพาะยูทูบ ไม่ต้องเสี่ยงต่อการถูกฟ้องร้องละเมิดลิขสิทธิ์ โดยเจ้าของสิทธิ์สามารถร้องขอศาลให้ผู้ให้บริการผ่านอินเทอร์เน็ตสามารถนำไฟล์ละเมิดออกจากเว็บไซต์ เพิ่มข้อยกเว้นการละเมิดลิขสิทธิ์ ในการจำหน่ายต้นฉบับ หรือสำเนางานที่มีลิขสิทธิ์ ซึ่งเป็นของมือ 2 เช่น ภาพเขียน หรือหนังสือ และยังเพิ่มสิทธิ์ทางศีลธรรมของนักแสดงให้เท่าเทียมกับผู้สร้างสรรค์งานอันมีลิขสิทธิ์ ซึ่งนักแสดงสามารถระบุชื่อตนเองในงานแสดงที่ตนแสดงได้เพิ่มบทลงโทษ โดยศาลมีอำนาจสั่งให้ผู้ละเมิดลิขสิทธิ์ หรือสิทธิ์ของนักแสดง จ่ายค่าเสียหายเพิ่ม ไม่เกิน 2 เท่า ของค่าเสียหาย กำหนดให้ศาลมีอำนาจสั่งริบ หรือทำลายสิ่งที่ใช้ในการละเมิดลิขสิทธิ์ และสิ่งที่ได้ทำขึ้นมา หรือนำเข้ามาในประเทศ ซึ่งเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ หรือสิทธิ์ของนักแสดง

 

ที่มา : สำนักข่าวไทย

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net