องค์กรพุทธ-อิสลาม-ประชาสังคม ประณามฆ่าพระสายบุรี

องค์กรพุทธ-อิสลาม-ประชาสังคม ประณามเหตุรุนแรงที่สายบุรี ขอวอนยุติใช้ความรุนแรงต่อเป้าหมายอ่อนแอ ผู้บริสุทธิ์ที่ไม่ทางสู้ พระ นักบวชและประชาชน สำนักจุฬาราชมนตรียกคำสอนให้มุสลิมตอบแทนความอธรรมด้วยความดีงามบนฐานของความยุติธรรม

หลังเกิดเหตุลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่ชุดรักษาความปลอดภัยพระสงฆ์ บนถนนหลังสถานีตำรวจภูธรสายบุรี ในเขตเทศบาลตำบลตะลุบัน อ.สายบุรี จ.ปัตตานี เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 25 กรกฎาคม 2558 ที่ผ่านมา จนทำให้เจ้าหน้าที่เสียชีวิต 1 ราย ได้รับบาดเจ็บ 3 ราย และมีพระภิกษุมรณภาพ 1 รูป และบาดเจ็บอีก 1 รูป รวมทั้งมีชาวบ้านบาดเจ็บอีก 2 รายนั้น ทำให้มีองค์กรภาคประชาสังคม และองค์กรศาสนาทั้งพุทธและอิสลามได้ออกแถลงการณ์ต่อเหตุการณ์นี้ รวม 6 ฉบับ

เริ่มจากแถลงการณ์คณะสงฆ์จังหวัดปัตตานี ที่ประณามการกระทำดังกล่าวเป็นความโหดเหี้ยม ไร้มนุษยธรรมต่อพระภิกษุในพระพุทธศาสนาและผู้ได้รับบาดเจ็บทุกท่าน จึงวิงวอนขอความเมตตาได้โปรดหยุดการกระทำอันเป็นความรุนแรงถึงแก่ชีวิตและทรัพย์สินต่อเพื่อนมนุษย์ผู้บริสุทธิ์ โดยมีข้อเรียกร้อง 4 ข้อคือ

1.ให้ยุติความรุนแรงที่ส่งผลต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน 2.ให้มีมาตรการลงโทษผู้กระทำความผิดอย่างยุติธรรม
3.ให้มีมาตรการป้องกันปกป้องผู้บริสุทธิ์ และ 4.ให้มีการดูแลเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบอย่างเป็นธรรม

เครือข่ายอาสาสมัครปกป้องพุทธศาสนา จังหวัดยะลา ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้หยุดการกระทำอันเป็นความรุนแรงถึงแก่ชีวิตและทรัพย์สินต่อเพื่อนมนุษย์ผู้บริสุทธิ์ พร้อมกับขอ 1.ให้ยุติการเบี่ยงเบนคำสอนที่ไม่ถูกต้อง 2.ให้ยุติการกระทำความรุนแรงต่อชีวิตละทรัพย์สินของพุทธศาสนิกชน 3.ให้เจ้าหน้าที่เร่งหาตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษโดยเร็วที่สุด 4.ให้หามาตรการป้องกันความปลอดภัยให้แก่พุทธศาสนิกชน 5.ให้บังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด และเข้มแข็งต่อผู้ก่อเหตุทุกกรณี

ขณะที่เครือข่ายชาวพุทธเพื่อสันติภาพ ร่วมกับเครือข่ายชุมชนสันติสุขชายแดนใต้ (31 ชุมชน) ชมรมพุทธรักษาจังหวัดชายแดนใต้ เครือข่ายชาวพุทธจังหวัดปัตตานี และกลุ่ม “ชนพุทธ” กลุ่มน้อยจังหวัดยะลา ได้ร่วมกันออกแถลงการณ์ชาวไทยพุทธ ฉบับพิเศษ 1/2558  ประณาม “การฆ่า” ผู้นำศาสนาพุทธ ประชาชน และชุดคุ้มครองความปลอดภัยพระสงฆ์
แถลงการณ์ระบุว่า “การกระทำการอันโหดร้ายป่าเถื่อนต่อผู้นำศาสนาและผู้บริสุทธิ์เช่นนี้ ทำให้เรา ประชาชนชาวไทยพุทธที่เป็นคนส่วนน้อยของพื้นที่ต้องอยู่ในสภาพที่เห็นพี่น้องต้องตายเกือบทุกวัน รวมทั้งถูกคุกคามทั้งความเป็นอยู่และทรัพย์สิน ตลอดเวลาสิบปีที่ผ่านมา โดยที่มีความรุนแรง ความถี่และโหดร้ายขึ้นทุกวัน ทำได้แม้กระทั่ง ผู้หญิงและพระสงฆ์ ที่ไม่มีทางปกป้องตัวเอง และเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวไทยพุทธ”

แถลงการณ์ยังได้ประณามการก่อเหตุนี้ และได้เรียกร้องต่อฝ่ายต่างๆ ทั้งฝ่ายผู้ก่อเหตุ  ฝ่ายรัฐ องค์กรด้านศาสนาและองค์กรพัฒนาเอกชน สรุปได้ดังนี้

ข้อเรียกร้องต่อฝ่ายกระทำการที่ป่าเถื่อนโหดเหี้ยม 1.ขอให้ได้รับการลงโทษ ขอให้ได้รับโทษทัณฑ์ตามหลักศาสนานั้นๆ 2.หยุดการกระทำที่โหดเหี้ยมผิดมนุษย์

ข้อเรียกร้องต่อ ศอ.บต.(ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้) กองทัพและตำรวจ 1.ขอให้จัดมาตรการที่เหมาะสมเพื่อสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้กับเส้นทางการบิณฑบาตของพระสงฆ์ในพื้นที่ เพื่อให้ญาติโยมมีโอกาสทำบุญตามวิถีชาวไทยพุทธ2.ขอให้นำคนทำผิดมาลงโทษตามกฎหมายโดยเร็ว ไม่มีการยกเว้น 3.ขอให้ร่วมดูแล ปกป้องชุมชนชาวพุทธ และชุมชนชาวพุทธ-มุสลิมไม่ให้ตกเป็นเหยื่อทางการเมืองและผลประโยชน์ของผู้กระทำการทุกฝ่าย และเพื่อป้องกันการบาดหมาง และความแค้นที่อาจแปลงเป็นความรุนแรงต่อกัน รวมทั้งการสร้างสันติสุขในระยะยาว

ข้อเรียกร้องต่อองค์กรด้านศาสนาให้แสดงบทบาทใดๆ ที่แสดงถึงเจตนาในความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับผู้นำศาสนาพุทธในพื้นที่ซึ่งเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีกเช่นนี้ และหากประจักษ์ชัดถึงการกระทำว่าเป็นการกระทำจากศาสนิกของตน ขอให้มีการห้ามปรามหรือพูดคุยเจรจา เพื่อให้หยุดการกระทำต่อผู้นำศาสนาพุทธและพุทธศาสนิกชน

ข้อเรียกร้องต่อองค์กรพัฒนาเอกชน องค์กรด้านสิทธิมนุษยชน องค์กรประชาชน ประชาสังคมมุสลิมทั้งในและนอกพื้นที่ 1.ขอให้ร่วมแสวงหาข้อเท็จจริง เกี่ยวกับการทำการอันโหดร้ายข้างต้น ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อความเข้าใจที่ถูกต้องของสังคม เพื่อไม่ให้สังคมบาดหมางกันไปมากกว่าที่เป็นอยู่2.ร่วมออกแถลงการณ์ประณามหรือแสดงบทบาท เพื่อให้ผู้ก่อเหตุได้สำนึกและยุติการก่อเหตุรุนแรงต่อผู้นำศาสนาและประชาชน พร้อมให้กำลังใจและช่วยเหลือครอบครัวผู้ได้รับผลกระทบ

ด้านสำนักจุฬาราชมนตรีได้ออกแถลงการณ์ด้วยเช่นกัน โดยแสดงความสะท้อนใจและเสียใจอย่างสุดซึ่งกับเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นพร้อมกับขอประมาณผู้ที่กระทำการอันโหดร้ายอย่างไร้มนุษยธรรมไม่ว่าจะเป็นเป็นฝ่ายใดก็ตามที่ได้เข่นฆ่าประชาชนผู้บริสุทธิ์ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา

สำนักจุฬาราชมนตรีเรียกร้องให้ผู้นำและประชาคมมุสลิมทั่วประเทศ ปฏิบัติ โดยสรุปดังนี้
1.ตระหนักและยืนหยัดในคำสอนอันเป็นแก่นของศาสนาอิสลามดังกล่าวเพื่อการอยู่ร่วมกับเพื่อนต่างศาสนิกอย่างสันติ...ถึงแม้บางสถานการณ์ที่ชาวมุสลิมอาจจะถูกทดสอบจากการกระทำที่ไร้ความยุติธรรม แต่อิสลามกลับสอนให้มุสลิมตอนแทนความอธรรมด้วยความดีงามบนฐานของความยุติธรรม(อัลกรุอาน บทอัลมาอิดะห์ โองการที่ 8)
2.แสวงหาแนวทางความร่วมมือกันกับเพื่อนต่างศาสนิกในชุมชนเพื่อช่วยปกป้องภัยคุกคามชีวิต และทรัพย์สินของคนในชุมชน ดังปรากฏแบบอย่างงดงามในธรรมนูญมะดีนะฮ์สมัยท่านนบีมูฮำหมัด (ซ.ล.) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ต้องช่วยกันยับยั้งการมุ่งทำลายประชาชนผู้บริสุทธิ์ พระ นักบวช เด็ก สตรี และการทำลายศาสนสถาน
3.ขอจงช่วยกันให้กำลังใจและให้ความช่วยเหลือต่อเหยื่อของเหตุการณ์ความรุนแรงในทุกศาสนิก ตลอดจนช่วยกันขอพรจากอัลลอฮ (ซ.บ.) เพื่อให้เกิดความสันติสุขในทุกๆ พื้นที่โดยเร็ว

สหพันธ์นักเรียน นักศึกษาเพื่อสันติภาพชายแดนใต้ ออกแถลงการณ์ ฉบับที่ 4 /2558 ประณามการใช้ความรุนแรงต่อพระ ประชาชนผู้บริสุทธิ์และเป้าหมายอ่อนแอ โดยระบุว่าเป็นการกระทำที่โหดเหี้ยม ขาดเมตตาธรรมไร้มนุษยธรรมที่ผิดต่อกฎหมายและละเมิดสิทธิความเป็นมนุษย์ ทางสหพันธ์ฯ  ขอวิงวอนต่อผู้ที่ใช้ความรุนแรงต่อพระ ประชาชนผู้บริสุทธิ์และเป้าหมายอ่อนแอ โดยมีข้อเรียกร้อง 3 ข้อ คือ 1.ขอให้ยุติการใช้ความรุนแรงต่อผู้บริสุทธิ์ที่ไม่มีทางสู้ (พระ นักบวช ประชาชน)
2.ขอให้ทางเจ้าหน้าที่ปกป้องดูแลผู้บริสุทธิ์และเป้าหมายอ่อนแอ 3.ขอให้เจ้าหน้าที่นำผู้ที่กระทำความผิดรับโทษทางกระบวนการยุติธรรมให้เร็วที่สุด

สมาคมเพื่อสันติภาพชายแดนใต้ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 2/2558 ประมาณการใช้ความรุนแรงต่อพระ สตรี ประชาชนผู้บริสุทธิ์และเป้าหมายอ่อนแอ โดยขอแสดงความเสียใจต่อผู้เสียชีวิตและญาติมิตรในเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น ซึ่งหากเกิดเหตุการณ์เหล่านี้ยังดำเนินต่อไป คาดว่าจะนำไปสู่ความรุนแรง และความแตกร้าวยิ่งขึ้นในสังคมปาตานี/จังหวัดชายแดนภาคใต้ จนยากที่จะเยียวยา อันเป็นสิ่งประชาชนชาวปาตานี/จังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่ปรารถนา

สมาคมเพื่อสันติภาพชายแดนใต้ขอเรียกร้องให้ทุกภาคส่วนคำนึงถึงและควรปฏิบัติ 3 ข้อคือ 1.ต้องยุติการกระทำที่เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนทันที 2.เจ้าหน้าที่รัฐต้องเร่งสืบสวนและสอบสวนหาผู้กระทำความผิดมาลงโทษ 3.รัฐบาลต้องดูแลและเยียวยาผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตตามหลักมนุษยธรรมให้ความเป็นธรรมและเยียวยาทุกฝ่ายโดยไม่เลือกปฏิบัติ

“สมาคมเพื่อสันติภาพชายชายแดนใต้ ขอเชิญชวนทุกฝ่ายมุ่งใช้หลักการและแนวทางด้านสันติวิธีในการเรียกร้องสิ่งที่ฝ่ายตนต้องการและได้ร่วมกันสร้างสรรค์บรรยากาศสันติภาพให้กลับคืนมา ทดแทนสถานการณ์ความรุนแรงด้วยการสร้างสงบสันติ  งดเว้นการสร้างรอยรอยและบาดแผลที่มีมาอย่างยาวนานระหว่างกันจงขอความร่วมมือกันสร้างสันติภาพและกำหนดวิธีการต่อรอง เรียกร้องโดยใช้แนวสันติวิธี” แถลงการณ์ระบุ
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท