เมื่อ 3 อาจารย์เขียนถึง 3 ลูกศิษย์ในห้องขัง ลูกเกด หนุ่ย โรม

หลัง 14 นักศึกษาและนักกิจกรรม ถูกแจ้งข้อกล่าวและออกหมายจับเมื่อวันที่ 26 มิ.ย.2558 เจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบหลายสิบนายนำตัวพวกเขาออกจากสวนเงินมีมาในช่วงเย็น ไปยังสน.พระราชวัง และจบท้ายที่ศาลทหารในเวลา 22.00 น. พวกเขาใช้เวลา 2 ชั่วโมงเศษเพียงลำพังกับทนายความในการคัดค้านคำร้องขอฝากขังของพนักงานสอบสวน โดยจะไม่ขอยื่นประกันตัวหากอธิบายเหตุผลคัดค้านการฝากขังต่อศาลไม่สำเร็จ

ขณะที่ด้านนอกศาลทหาร บริเวณศาลหลักเมืองเต็มไปด้วยประชาชนและนักศึกษาที่มาให้กำลังใจ รวมถึงสื่อมวลชนที่มารอทำข่าว รวมแล้วราว 200 คน กระทั่งทราบผลว่าการคัดค้านฝากขังไม่ประสบผล ทั้งหมดจึงถูกนำตัวไปเรือนจำเพื่อคุมขังผลัดแรก 12 วัน ครบกำหนดฝากขังในวันที่ 7 ก.ค.นี้ ซึ่งต้องดูว่าตำรวจจะฝากขังในผลัดต่อไปหรือไม่ หรือส่งฟ้องต่ออัยการทหารเลย โดยตามอำนาจแล้วเจ้าพนักงานมีอำนาจฝากขังได้รวม 7 ผลัด กลางดึกคืนนั้น ผู้ชาย 13 คนถูกส่งตัวไปเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ผู้หญิง 1 คนถูกส่งตัวไปทัณฑสถานหญิงกลาง

หมายจับของทั้ง 14 คนที่นำมาจับกุมนั้นลงวันที่ 26 มิ.ย.เหตุสืบเนื่องมาจากการเคลื่อนไหววันที่ 25 มิ.ย.ที่คนหนุ่มสาวกลุ่มนี้ออกจากสวนเงินมีมาโหนรถเมล์มาเคารพปะติมากรรมประวัติศาสตร์ต่างๆ ทั้ง 6 ตุลา 14 ตุลา พฤษภา 35 แล้วจบที่กิจกรรมปราศรัยและผูกผ้าดำที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยซึ่งเป็นท้องที่ของสน.พระราชวัง ทั้งนี้ หมายจับมี 2 ข้อหาคือ 1. ขัดคำสั่งที่ 3/2558 ข้อ 12 ที่คสช.ออกตามมาตรา 44 เรื่องห้ามมั่วสุมทางการเมือง โทษจำคุก 6 เดือน 2. ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 เรื่องการยั่วยุปลุกระดมประชาชนให้เปลี่ยนแปลงการปกครองหรือกฎหมาย โทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี 

ก่อนหน้านั้นวันที่ 24 มิ.ย. พวกเขา 8 คนที่ถูกจับจากกิจกรรมที่หน้าหอศิลป์ เตรียมไปแสดงตัวที่ สน.ปทุมวัน โดยยืนยันว่าไม่ใช่การรายงานตัวตามหมายเรียกตำรวจ เขาระบุว่าการไปแสดงตัวเพื่อแสดงการไม่ยอมรับการใช้กฎหมายเช่นนั้นและยืนยันสิทธิในการแสดงออกอย่างสันติ พร้อมแจ้งความกลับผู้บังคับบัญชา 3 นายจากกรณีที่เจ้าหน้าที่ใช้ความรุนแรงในการจับกุมพวกเขาที่หน้าหอศิลป์ในวันที่ 22 พ.ค.2558 แล้วการก่อรูปของการชุมนุมก็เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ ณ วันนั้น

ถึงวันนี้สังคมเข้าสู่ ‘ความเงียบสงบ’ ไม่มี 14 คนออกมาทำกิจกรรมอะไรอีกแล้ว ความเคลื่อนไหวในโลกออนไลน์มีอย่างหลากหลายและรุนแรง ที่น่าสนใจคือ มุมมองของอาจารย์ที่กล่าวถึงลูกศิษย์ของเขา เป็นมิติที่เราอาจไม่ค่อยเห็นในข่าว

ปิยบุตร แสงกนกกุล คณะนิติศาสตร์ มธ. กล่าวถึง รังสิมนต์ โรม

ธิกานต์ ศรีนารา ภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ มศว. กล่าวถึง ลูกเกด ชลธิชา แจ้งเร็ว

เดชรัตน์ สุขกำเนิด คณะเศรษฐศาสตร์ มก. กล่าวถึง หนุ่ย อภิสิทธิ์ ทรัพย์นภาพันธ์

ประชาไทขออนุญาตรวบรวมจากเฟซบุ๊กมานำเสนออีกครั้ง

ธิกานต์ ศรีนารา

คุณเป็นอะไรกับคุณสุพจน์ แจ้งเร็ว"
"อ้อ แกเป็นปู่หนูค่ะ"

เสียงตอบนั่นดังมาจากท้ายห้อง หลังจากผมค่อยๆไล่ขานชื่อนิสิตปี 3 เอกประวัติศาสตร์ ที่มาเข้าเรียนในวิชา "ประวัติศาสตร์ไทยร่วมสมัย" ที่ผมเป็นคนสอน มันเป็นการสอนหนังสือครั้งแรกของผม และนั่นก็เป็นนาทีแรกๆ ที่ผมได้รู้จักกับ "ลูกเกด" หรือ "ชลธิชา แจ้งเร็ว" เด็กหญิงผอมแห้งผิวคล้ำเสียงแหลมใส่แว่นกลมๆใหญ่ๆ เด็กหญิงเพียงคนเดียวในกลุ่มนักศึกษา "ขบวนการประชาธิปไตยใหม่" 14 คน ที่ถูกจับเข้าเรือนจำเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2558 

"แล้วคุณรู้มั้ยว่าปู่ของคุณ เค้าเป็นปัญญาชนที่สำคัญมากคนหนึ่งของสังคมไทย" ผมถามเธอต่อ เธอทำหน้าแปลกใจก่อนจะตอบว่า "ไม่รู้ค่ะ" 

คำตอบของลูกเกดบอกให้รู้ว่า ก่อนหน้านี้ เธอก็เหมือนกับเด็กนักศึกษาปี 3 ทั่วๆไปที่ชีวิตมีแต่เรียนกับเล่นอยู่กับเพื่อนๆ ไปวันๆ ไม่ได้สนใจทั้งการเมืองและกิจกรรมทางการเมืองแม้สักนิด แต่ไม่รู้ว่าผมทำถูกหรือผิด การทำให้เธอรู้ว่าปู่ของเธอสำคัญอย่างไรในประวัติศาสตร์การเมืองไทย กลับกลายเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญในชีวิตของเธอ

สัปดาห์ถัดมา ลูกเกดเข้าห้องเรียนเร็วขึ้น เธอเล่าให้ผมฟังว่าเธอไปคุยกับปู่มาแล้ว ปู่ตอบบางเรื่องไม่ตอบบางเรื่องเล่าสั้นๆในบางเรื่องและเล่ายาวๆในบางเรื่อง หนังสือของปู่เยอะมากนี่หนูขโมยมาอ่านเล่มนึง ผมเหลือบไปมองหนังสือในมือของเธอ "ด้วยรักแห่งอุดมการณ์" ของ วัฒน์ วรรลยางกูร "เห้ย ! เล่มนี้ผมชอบมาก ตอนเรียนรามฯ ผมอ่านแล้วอ่านอีก เด็กกิจกรรมเขาชอบอ่านกัน" คุยกันต่ออีกนิดหน่อย เธอผละไปนั่งท้ายห้อง ผมเริ่มสอน 

ลูกเกดต้องเรียนวิชานี้กับผมไปอีก 15 สัปดาห์หรือ 1 เทอม นานวันเข้าเธอก็ค่อยๆเปลี่ยนไป ชอบถามนั่นโน่นนี่ในห้องเรียน ชอบอ่านหนังสือ บางวันผมก็เห็นเธอนั่งอ่านนิยายอยู่ใต้ตึกคณะสังคมศาสตร์ มศว. "ปีศาจ" บ้าง บางวันก็ "ฟ้าบ่กั้น" 

อันที่จริง ที่มหาวิทยาลัย ลูกเกดมีเพื่อนอยู่กลุ่มหนึ่ง ส่วนใหญ่ก็มีความคิดที่ค่อนข้าง "ก้าวหน้า" สนใจการเมืองและเข้าใจความเป็นลูกเกด ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ออกมาทำกิจกรรมการเมืองกับลูกเกดก็ตาม แต่มีอยู่วันหนึ่งลูกเกดกับเพื่อนๆ ก็ลุกขึ้นมาจัดกิจกรรม "จุดเทียน" ต่อต้านการเคลื่อนไหวทางการเมืองโดยใช้ความรุนแรงของ กปปส. ขึ้นที่ มศว จำได้ว่าวันนั้นมีคนมาร่วมจุดเทียนเป็นจำนวนมาก 

หลังจากวันนั้น มีรุ่นพี่ที่ผมเคารพคนหนึ่งโทรมาหาบอกว่าอยากชวนนักศึกษา มศว ที่จัดงานจุดเทียนไปคุยกับนักศึกษากลุ่มอื่นๆ จะได้รู้จักกันและแลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน จำได้ว่าวันนั้นผมกับลูกเกดและ "ข้าว" นิสิตปี 2 ไปร่วมประชุมตามคำชวน ค่ำๆ หลังประชุมเสร็จ ลูกเกดชวนผมไปกินข้าวกับเพื่อนๆนักกิจกรรมต่างมหาลัยที่เธอเพิ่งจะรู้จัก "เอ้อ พวกคุณไปเถอะ" เธอยิ้มยกมือไหว้กล่าวลา แล้วหันไปคุยกับเพื่อนๆหัวเราะร่าเริง ผมยืนมองจนกระทั่งพวกเขาเดินลับหายเข้าไปในเงามืด ลมเย็นพัดผ่านมาเบาๆ ผมรู้สึกมีความหวัง

หลังจากวันนั้น การทำกิจกรรมการเมืองของลูกเกดก็เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ เราได้คุยกันบ้างแต่น้อยลง จนกระทั่งเธอไปกินแซนวิสต้านรัฐประหารและถูกทหารจับตัวไป เธอขอให้ผมไปแสดงตัวเป็นผู้ปกครอง เพราะไม่อยากให้พ่อกับแม่รู้ข่าว

ปี 2558 ถึงจะทำกิจกรรมและหายหน้าหายตาไปจากห้องเรียนบ่อยๆ แต่ลูกเกดก็เรียนจนจบ สอบเสร็จวิชาสุดท้าย ยังไม่ทันเปลี่ยนชุดนักศึกษาก็ออกไปแสดงพลังต้านรัฐประหารที่หน้สหอศิลป์ฯจนถูกจับตัวไปอีก แต่คราวนี้ถูกพ่อกับแม่ด่ายับ เพราะมีหมายตำรวจส่งไปที่บ้าน เธอบอกผมว่า ถูกจับน่ะไม่เครียดหรอก แต่ถูกพ่อกับแม่ด่านี่สิ มันเครียดกว่า

ไม่กี่วันต่อมา เธอก็หนีออกจากบ้าน ไปพักอยู่กับเพื่อนๆ เธอบอกผมว่าวันที่ 24 มิถุนาฯ พวกหนูจะไปแจ้งความที่ สน.ปทุมวันให้ดำเนินคดีกับตำรวจที่ใช้ความรุนแรงกับพวกเธอที่หน้าหอศิลป์วันก่อน แล้วเธอก็ไปจริงๆ

เย็นวันที่ 26 มิถุนายน ขณะที่ผมกำลังประชุมอยู่ที่ต่างจังหวัด ลูกเกดส่งข้อความบอกให้ผมโทรหาหน่อย ผมโทรไป น้ำเสียงของเธอร่าเริงดี ไม่มีวี่แววของความหวาดกลัวใดๆ ถามผมว่า "ใบจบหนูต้องไปรับด้วยตัวเองรึเปล่า หนูอยากรีบไปเอามาเก็บไว้กับตัว" ผมแนะนำเธอนั่นโน่นนี่ร่ำลากันแล้วก็วางสาย ไม่กี่นาทีต่อมาเธอก็ถูกจับ

ณ นาทีนี้ ผมไม่รู้จะพูดอะไรอีกแล้ว นอกจากประโยคสั้นๆ

"ปล่อยลูกเกดกับเพื่อนๆ ออกมาเถอะ พวกเขาไม่ได้ทำอะไรผิด !!!!”

สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล

ทางข้างหน้าลางเลือนเหมือนว่างเปล่า

แดดจะเผาผิวผ่องเธอหมองไหม้

ที่ตรงโน้นมีหุบเหวมีเปลวไฟ 

ถ้าอ่อนแอจะก้าวไปอย่างไรกัน
.................

ใน ๑๔ นักสู้ "ขบวนประชาธิปไตยใหม่" ที่โดนจับเข้าคุกวันนี้ มีผู้หญิงคนหนึ่ง 
คุกหญิง ยังไงก็ลำบากกว่าคุกชายเยอะ และความที่เธอเป็นผู้หญิงคนเดียวใน ๑๔ คน ต้องถูกแยกออกไป ในแง่จิตใจ คงต้องใช้ความอดทนสูงทีเดียว

อ่านเรื่องของเธอ ซึ่งคุณ Tewarit Bus Maneechai เล่าไว้ ที่นี่ 
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=10205387041368544

(เข้าใจว่าเธอเป็นญาติผู้เยาว์ของเพื่อนรักผมคนหนึ่ง แต่ผมไม่เคยรู้จักเธอเป็นส่วนตัว ดูจากนามสกุลตรงกับของเพื่อนคนนั้น)

เดชรัตน์ สุขกำเนิด

หนุ่ย อภสิทธิ์ หนึ่งใน 14 นักศึกษาที่ถูกควบคุมตัว หนุ่ยเป็นลูกศิษย์ของผมที่ภาควิชาเศรษฐศาสตร์เกษตรและทรัพยากร คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ หนุ่ยเป็นนิสิตที่มีความตั้งใจและมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่และสังคมครับ

ท่านนายกฯ และ ผบ.ทบ. บอกว่า การเคลื่อนไหวของนิสิตกลุ่มนี้มีคนอยู่ "เบื้องหลัง"

ผมยอมรับครับว่า 2-3 ที่ผ่านมา ผมอยู่ "เบื้องหลัง" การเคลื่อนไหวของนักศึกษา เพราะผมไม่กล้าหาญพอที่จะอยู่ "เบื้องหน้า" หรือ "เคียงข้าง" พวกเขาในการเคลื่อนไหว

ในวันนี้ที่พวกเขาถูกจับกุม ผมก็จะยังคงอยู่ "เบื้องหลัง" ของ หนุ่ยและเพื่อนๆ ของพวกเขาต่อไป ผมมั่นใจว่าเบื้องหลังของเขาไม่ได้มีแค่ผม แต่ยังมีประชาชนที่เห็น คน=คน อีกจำนวนมากที่อยู่เบื้องหลังพวกเขา

ใครจะร่วมเป็นคนที่อยู่ "เบื้องหลัง" พวกเขากับผม ยกมือขึ้นครับ

ปิยบุตร แสงกนกกุล

นายรังสิมันต์ โรม หรือที่เพื่อนๆ เรียกว่า "โรม" เป็นนักศึกษาคณะนิติศาสตร์ มธ กำลังจบการศึกษา เป็นนิติศาสตรบัณฑิตในอีกไม่กี่เดือนนี้

ผมเริ่มรู้จักเขา เพราะ เขาและเพื่อนๆ มักมาซักถามผมหลังการบรรยาย เขาตามลงทะเบียนเรียนวิชาทางกฎหมายมหาชน กฎหมายรัฐธรรมนูญ กฎหมายปกครอง นิติปรัชญา กับพวกเรา คณะนิติราษฎร์

เท่าที่ผมรู้จัก โรมเป็นคนสุภาพ เรียบร้อย การพูดจามีระเบียบวิธี และนุ่มนวล แต่เป็นลักษณะ "อ่อนนอก แข็งใน" ภายใต้ความสุภาพเรียบร้อยนั้น หากอะไรที่ไม่ถูกต้องตามหลักการ เขาพร้อมที่จะยืนยันในหลักการที่ถูกต้อง

โรมและเพื่อนๆของเขาในนามของกลุ่มธรรมศาสตร์เสรีเพื่อประชาธิปไตย ทำกิจกรรมรณรงค์ต่อเนื่อง ตั้งแต่ คัดค้านมหาวิทยาลัยออกนอกระบบ โรงอาหารใหม่ ราคาแพง นิรโทษกรรม "เหมาเข่ง" ฯลฯ

โรมเริ่มสนิทกับพวกอาจารย์มากขึ้น เมื่อเขามาช่วยทำกิจกรรม โดยเฉพาะกรณีรณรงค์ให้การเลือกตั้ง 2 กพ 57

รัฐประหาร 22 พ.ค. 2557 ทำให้เขาเริ่มออกมายืนแถวหน้ามากขึ้นๆ เพราะ เขาเห็นว่ารัฐประหารเป็นสิ่งไม่ถูกต้อง การกระทำของ คสช ไม่ถูกต้อง และบรรดาอาจารย์ที่สอนเขาหลายคน หรืออาจารย์ในทางตำรา ไม่ประพฤติปฏิบัติตามหลักการที่พร่ำสอน

โรมบอกผมว่า อยากไปศึกษากฎหมายมหาชนที่ฝรั่งเศส เขาไม่มีเงินมากพอที่จะเรียนภาษาฝรั่งเศสที่ Alliance française จึงเรียนภาษาฝรั่งเศสที่คณะจัดให้ไปพลางก่อน

ผมแนะนำเขาว่า ระหว่างรอหาทุนการศึกษา ให้สมัครเรียนปริญญาโท สาขากฎหมายมหาชน ไปก่อน ส่วนเรื่องค่าเทอม หากมีปัญหา ก็เดี๋ยวมาหาทางกัน เพราะ ปีที่แล้ว คณะยอมให้นักศึกษาบางรายผ่อนจ่ายค่าเทอมได้

เขาและเพื่อนๆ แวะมาดื่ม กิน สนทนา กับผมบ่อยๆ ที่บ้านผมบ้าง ที่ร้านอาหาร ร้านเหล้า ร้านเบียร์บ้าง

ผมบอกเขาว่า หากไม่มีเงินซื้อหนังสือ ก็ให้มาหยิบยืมหนังสือของผมไปได้ เล่มที่เขายืมไป เพื่อใช้ทำรายงาน คือ เจตนารมณ์ของกฎหมาย ของ Montesquieu วันก่อน ยังเห็นหนังสือเล่มนี้ปรากฏอยู่ในคลิปข่าวสกู๊ปเรื่องเขา

หลังสอบเสร็จ เขาอยากสนทนากับผม เพื่อเล่าให้ฟังถึงการตัดสินใจสู้กับ คสช แต่ผมเดินทางไปเสวนาวิชาการที่ต่างประเทศ เลยยังไม่มีโอกาสได้ดื่ม กิน สนทนากัน เขาเลยแจ้งให้ผมทราบว่า เขาจะเดินตามแนวทาง ดื้อแพ่ง ต่อ คสช

เอาจริงๆ ผมไม่ค่อยเห็นด้วยนัก เพราะ เสี่ยง อันตราย และอาจสร้างความเดือดร้อนให้กับเขา แต่ก็นั่นแหละ เขาเติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว มีอัตวินิจฉัยของตนเอง

ผมก็ทำได้แต่สนับสนุนให้กำลังใจ

ผมเห็นว่า การตัดสินใจอย่างกล้าหาญสู้กับระบอบ คสช ที่เขาและเพื่อนๆกระทำอยู่นั้น คือ การนำสิ่งที่เขาได้เรียนมาใช้ในชีวิตจริง

คณะรัฐประหาร กระทำผิดกฎหมายอย่างร้ายแรง มีความผิดฐานกบฏ แต่กลับใช้อำนาจออกสิ่งที่พวกเขาให้ค่ามันว่าเป็น "กฎหมาย" เพื่อนิรโทษกรรมให้แก่ตนเอง ละเมิดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่นอย่างรุนแรง ใครไม่เชื่อฟัง ก็ลงโทษ

สำหรับโรม ซึ่งเป็นนักศึกษานิติศาสตร์ เป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ เขาจึงเลือกเดินทาง ดื้อแพ่งและต่อต้านอย่างสันติต่อ "กฎหมาย" ของระบอบ คสช

ผมบอกเขาว่า ผมพึ่งส่งคะแนนสอบคัดเลือกเข้าเรียน ป โท ไป

เขาบอกผมว่า เขาทำข้อสอบในส่วนของวิชากฎหมายมหาชน ได้ดีที่สุด

ผมบอกเขาว่า ถ้าผ่านข้อเขียน วันสอบสัมภาษณ์ วันที่ 18 ก.ค. นี้ ไม่ต้องกังวล หากมาสอบไม่ได้ ผมจะแจ้งทางคณะ เพื่อขอเว้นให้มาสัมภาษณ์ภายหลัง หรือถ้าไม่ได้จริงๆ ผมจะขอมาสอบสัมภาษณ์ในคุกนี่แหละ

ผมนับถือในความกล้าหาญของเขาและเพื่อน

เมื่อผมอายุเท่าเขา ผมยังไม่กล้าหาญเท่านี้

เมื่อผมอายุมากขึ้น ผมก็ทำได้แต่ให้กำลังใจสนับสนุน

พลังของคนหนุ่มสาว คือ ความเป็นไปได้

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท