'เทียนฉาย' ยอมรับ 2 ปีทำเรื่องปรองดองไม่เสร็จ

ประธาน สปช.ยอมรับเวลา 2 ปีปรองดองไม่สำเร็จ เป็นปัญหาที่สะสมมานาน ทุกฝ่ายต้องลืมอดีตก่อนเลือกตั้งใหม่ ให้คู่ขัดแย้งพูดคุยกัน ต้องบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ หวั่นรัฐบาลใหม่มาเห็นต่าง เกิดขัดแย้งรอบใหม่
 
22 มี.ค. 2558 สำนักข่าวไทยรายงานว่านายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ให้สัมภาษณ์ถึงแนวทางการปรองดองว่า เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องระบุไว้ในรัฐธรรมนูญ และสามารถออกเป็นกฎหมายพิเศษได้ แต่หลายฝ่ายเกรงว่าจะดำเนินการไม่ทัน และเกรงว่าเมื่อมีรัฐบาลใหม่แล้วจะเกิดการโต้เถียงกันใหม่ และเป็นเหตุให้เกิดความขัดแย้งใหม่จึงเห็นควรให้กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ แต่หากดำเนินการได้ทันก็ไม่จำเป็นต้องเขียนไว้
 
ประธานสปช. กล่าวว่า ไม่แน่ใจว่ากระบวนการปรองดองจะเบ็ดเสร็จถึงขั้นสมานฉันท์ได้ภายใน 2 ปีนี้ เพราะเป็นปัญหาที่พอกพูนสะสมมานาน จึงต้องใช้เวลาพอสมควร ซึ่งนอกจากกำหนดเป็นแนวทางไว้ในรัฐธรรมนูญแล้ว จะต้องนำคู่ขัดแย้งมาพูดคุยและประนีประนอมกันด้วย ไม่เช่นนั้นการสร้างความปรองดองจะไม่สำเร็จ แม้ว่ารัฐบาลควรต้องทำเรื่องนี้ให้เสร็จเรียบร้อยก่อนแยกย้ายกันไป แต่เชื่อว่าเป็นเรื่องยาก เพราะระยะเวลาในการทำงานสั้นมาก แต่อย่างน้อยที่สุดจะต้องคลี่คลายถึงระดับหนึ่งก่อนจะเลือกตั้งครั้งใหม่
 
“อย่างน้อยที่สุดอาจจะบอกว่าลืมความหลังชั่วครู่ เข้าสู่สนามเลือกตั้งแล้วว่ากัน เลือกตั้งครั้งนี้ทุกคนต้องตั้งใจว่าเหตุของความขัดแย้งที่นำมาว่าจะต้องเอาชนะให้ได้ ไม่ว่าจะด้วยเวทย์มนต์คาถา เอาเงินทุ่ม จะต้องยุติลง”นายเทียนฉาย กล่าว
 
นายเทียนฉาย กล่าวว่า การปรองดองจะต้องแยกเป็น 2 ส่วนคือ การอภัยโทษ คือไม่เอาโทษเลย หมายความว่าคนที่เข้ามาร่วมชุมนุม แม้จะทำให้เกิดผลเสียกับประเทศ เช่น ทำให้เศรษฐกิจเดินหน้าไม่ได้ การจราจรติดขัด โดยพื้นฐานนี้ตามแนวคิดปรองดองคือการอภัยโทษ ไม่ต้องถือโทษ แต่หากถึงขั้นที่ไปขัดกับกฎหมายอาญา เช่น ทำลายทรัพย์สิน ทำร้ายร่างกาย ทำให้เสียชีวิต การดำเนินการตามกฎหมายยังมีความจำเป็น แต่เมื่อดำเนินการตามกฎหมายไปแล้ว รู้ผิด รู้ถูก แล้วไม่ได้กระทำโดยเจตนา ถือเป็นการนิรโทษกรรม
 
“หากเป็นไปในความหมายนี้ ยังต้องใช้ระยะเวลาและขั้นตอนนานพอสมควร เพราะเหตุความขัดแย้งที่เกิดขึ้นทุกวันนี้บานปลายจากคนที่โต้แย้งกันทางความคิด และมีคนที่สนับสนุนฝ่ายละมากขึ้นและใช้กำลังเอาชนะกัน เมื่อถึงวันที่เราจะรื้อเรื่องเหล่านี้กลับไปสู่จุดเดิมของความปรองดอง คงต้องผ่านกระบวนการเหล่านี้ จึงต้องเขียนเอาไว้ เพราะหากเลือกตั้งแล้วพรรคที่ได้เสียงข้างมากอาจจะไม่เดินเรื่องนี้ต่อ เพราะปรากฎการณ์ก่อน 22 พ.ค.57 บอกแล้วว่าไม่มีใครยอมใคร เพราะฉะนั้นต้องจัดการอีกฝ่ายให้ราบเรียบ ดังนั้น ประเด็นที่จะคาดหวังความปรองดองแบบนั้น คงไม่มีทาง และจะกลับมาเป็นปัญหาเหมือนเดิม” ประธานสปช. กล่าว
 
สำหรับการสร้างความปรองดองในส่วนของสภาปฏิรูปแห่งชาติ นายเทียนฉาย กล่าวว่าได้ตั้งคณะทำงานโดยมีนายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ สปช.เป็นประธาน ซึ่งทราบว่ามีความคืบหน้าไปมาก พูดคุยกับหลายฝ่าย แต่ขอไว้ว่าควรคุยกันในทางลับให้เรียบร้อยก่อนจึงเปิดเผย เพราะหากพูดมากไปจะทำให้การปรองดองไม่เกิดขึ้น แต่กลายเป็นเงื่อนไขใหม่ขึ้นมากอีก
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท