Skip to main content
sharethis

‘อภิสิทธิ์’ ย้อนถาม ถ้าในขณะนั้น ไม่ดำเนินการใด ๆ เลย ก็จะเกิดคำถามว่าเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ หลัง ป.ป.ช. แจ้งข้อกล่าวหาส่อทำผิดต่อ ‘หน้าที่’ สั่งสลายเสื้อแดงปี53 จนมีคนตายจำนวนมาก

 

หลังจากที่วานนี้(24 ก.พ.58) คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)  มีมติแจ้งข้อกล่าวหา อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ  นายกรัฐมนตรี (ในขณะนั้น) และสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี (ในขณะนั้น)  มีพฤติการณ์ส่อกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ กรณีสั่งใช้กำลังทหารขอคืนพื้นที่จากกลุ่มผู้ชุมนุมแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.)  ระหว่างวันที่ 10 เม.ย. ถึง 19  พ.ค.53

วิชา มหาคุณ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แถลงด้วยว่า ที่ประชุมมีมติว่า ภายหลังจากที่ได้มีการใช้กำลังทหารเพื่อขอคืนพื้นที่ในวันที่ 10 เมษายน 2553 แล้วปรากฏว่ามีผู้เสียชีวิต และ ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก การที่ผู้ถูกกล่าวหาทั้งสอง ซึ่งเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและเป็นผู้มอบนโยบายในการขอคืนพื้นที่ กลับละเว้นไม่สั่งระงับ ยับยั้ง ทบทวนวิธีการ หรือปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้กำลังทหาร และวิธีการควบคุมการปฏิบัติงานให้รัดกุมยิ่งขึ้น รวมถึงไม่ได้ปรับแผนปฏิบัติให้สอดคล้องประสานกัน ทั้งในระดับนโยบาย การบังคับบัญชาและการปฏิบัติในพื้นที่ ในการใช้กำลังทหารเข้าขอคืนพื้นที่จากกลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งไม่ได้มีเฉพาะกลุ่มที่ใช้ความรุนแรงและอาวุธ แต่ยังมีกลุ่มผู้ชุมนุมที่เข้าร่วมชุมนุมโดยปราศจากอาวุธ และ ประชาชนอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับการชุมนุม (อ่านรายละเอียด)

ล่าสุด 25 ก.พ.58 สำนักข่าวไทย รายงานบทสัมภาษณ์ของ อภิสิทธิ์ ถึงกรณีดังกล่าวว่า พร้อมยอมรับกระบวนการตรวจสอบทุกอย่างจาก ป.ป.ช. ยืนยันว่าเหตุการณ์เมื่อปี 2553 ที่มีสถานการณ์การใช้อาวุธและก่อการร้าย ในฐานะนายกรัฐมนตรีขณะนั้น ได้สั่งการตามกระบวนการทางกฎหมาย ตามขั้นตอน มีนโยบายชัดเจนในการหลีกเหลี่ยงการสูญเสีย  รวมทั้งเมื่อสถานการณ์มีการพัฒนาไป มีการปรับเปลี่ยนแนวทางการปฎิบัติ เพื่อไม่ให้เกิดการสูญเสียเท่าที่จะทำได้  ซึ่งต้องไปชี้แจงข้อเท็จจริงกับทางป.ป.ช. เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ ว่ามีการดำเนินการปรับเปลี่ยนแผนการทำงาน ทั้งในการปฏิบัติและในระดับนโยบายตามสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา และมีการแจ้งเตือนประชาชนตามขั้นตอนอยู่ตลอด ว่าประชาชนต้องหลี่กเหลี่ยงสถานการณ์ในขณะนั้นอย่างไรบ้าง

อภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถ้าในขณะนั้น ไม่ดำเนินการใด ๆ เลย ก็จะเกิดคำถามว่าเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่  สถานการณ์ขณะนั้น เป็นความยากลำบาก และต้องประเมินเหตุการณ์ ขณะนั้นตามความเป็นจริง ที่ต้องควบคุมและคืนสถานการณ์ให้กลับสู่ภาวะปกติภายใต้กองกำลังที่มีอาวุธ  ขอยืนยันว่า ได้ทำตามกฎหมาย หลีกเหลี่ยงความสูญเสีย  และมั่นใจในความบริสุทธิ์  ซึ่งทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของป.ป.ช.

อภิสิทธิ์ กล่าวว่า ระหว่างรอหนังสือจากทาง ป.ป.ช. ก็จะเตรียมข้อมูลและเอกสาร เพื่อนำไปชี้แจง  เรื่องนี้ต้องปรึกษาหารือกับอีกหลายคน อาทิ พระสุเทพ ปภากโร หรือนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.)  ในขณะนั้น รวมถึงอยากปรึกษาผู้เกี่ยวข้องอีกหลายคน อาทิ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รองผู้บัญชาการทหารบก ซึ่งเป็นตำแหน่งในขณะนั้น เพราะหากป.ป.ช.ได้รับทราบข้อมูลจากบุคคลที่เกี่ยวข้องนี้ ก็จะเป็นประโยชน์ เพราะจะสามารถยืนยันหลักคิดการทำงาน และการปรับเปลี่ยนแผนงานที่เกิดขึ้นจริง แต่ก็ไม่ทราบว่าบุคคลทั้ง 3 จะสะดวกไปเป็นพยานหรือไม่

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net