มีข่าวว่าคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเตรียมตรวจสอบมติของมหาเถรสมาคมที่ห้ามบวชภิกษุณีโดยอ้างว่าเป็นการละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และริดรอนเสรีภาพการเข้าถึงศาสนา ซึ่งตามวินัยปิฎก เล่ม 7 หน้า 320 ถึง 326 เป็นเรื่องประวัติความเป็นมาของนางภิกษุณีซึ่งพระพุทธเจ้าเคยตรัสห้ามพระนางมหาปชาบดี โคตมี ถึงสามครั้งมิให้บรรพชาเป็นภิกษุณี แม้พระอานนท์เถระทูลขอให้บรรพชามาตุคามอีกถึงสามครั้ง พระพุทธเจ้าก็ทรงตรัสห้ามเช่นเคยว่า การที่มีสตรีมาบวชในพระพุทธศาสนา จะทำให้พระธรรมวินัยตั้งอยู่ไม่ได้นานเท่าที่ควร แม้ภายหลังทรงอนุญาตให้สตรีบวชได้แต่ก็ทรงวางเงื่อนไขไว้ 8 ประการ เรียกว่าครุธรรม นอกจากนี้ภิกษุณีจะต้องบวชในภิกษุณีสงฆ์ก่อน แล้วจึงบวชในภิกษุสงฆ์
ยิ่งไปกว่านั้นภิกษุณีจะต้องรักษาศีลถึง 311 ข้อ ซึ่งแม้ภิกษุตั้งแต่สมัยพุทธกาลจนถึงปัจจุบันต้องรักษาศีลให้ครบถ้วน 227 ข้อ ก็ยังยากนักดังที่ปรากฏในพระไตรปิฎกและเห็นได้ตามข่าวในสื่อต่างๆ ประกอบกับในปัจจุบันเป็นที่ยอมรับในฝ่ายเถรวาทว่าภิกษุณีได้ขาดสายจากการบวชโดยพระพุทธเจ้าแล้ว หากมีการบวชภิกษุณีได้ก็มิใช่ภิกษุณีที่มีสายตรงมาจากการบวชโดยไม่ขาดสายจากพระพุทธเจ้า
อย่างไรก็ดีมีการอ้างหลักการในรัฐธรรมนูญชั่วคราวและหลักการพึ่งพาพุทธบริษัท 4 เพื่อสนับสนุนให้มีการบวชภิกษุณี แต่การอ้างดังกล่าวก็มิได้เป็นการอ้างตามหลักในพระไตรปิฎก ทั้งธรรมะของพระพุทธเจ้านั้นก็มิจำต้องสอดคล้องกับหลักกฎหมายหรือตรรกะเหตุผลของปุถุชนทั่วไป เนื่องจากเป็นเรื่องของสงฆ์โดยแท้ โดยพระพุทธองค์ทรงเล็งเห็นผลดีผลเสียของการบวชภิกษุณีดังที่กล่าวมาแล้ว กลายเป็นว่าบุคคลที่กำลังเรียกร้องให้มีการบวชภิกษุณีหรือกระทั่งบุคคลที่ประสงค์จะบวชเป็นภิกษุณีเองก็กำลังพยายามจะกระทำการฝ่าฝืนความประสงค์ของพระพุทธเจ้าเองทั้งที่ยังไม่ได้เริ่มบวชเข้ามาเป็นสาวกของท่านเลย หากได้บวชเข้ามาเป็นภิกษุณีแล้วยังเป็นที่สงสัยว่าจะประพฤติปฏิบัติตนตามวินัยของพระพุทธองค์ได้มากน้อยเพียงใด
ฝ่ายสนับสนุนให้มีการบวชภิกษุณีอาจอ้างว่าพระภิกษุจำนวนมากก็ประพฤติปฏิบัติตนเสื่อมเสียอยู่แล้ว หากมีการอนุญาตให้บวชภิกษุณี เหล่าภิกษุณีจะพิสูจน์ตนเองว่าประพฤติปฏิบัติตามพระวินัยให้เท่าเทียมหรือเคร่งครัดยิ่งกว่าภิกษุในปัจจุบันเสียอีก แต่ข้ออ้างดังกล่าวก็ยากที่จะเป็นจริงได้เนื่องจากตามพระไตรปิฎกนั้นภิกษุณีจะต้องพึ่งพาภิกษุมาก แม้ภิกษุณีที่บวชมาแล้ว 100 ปี ก็ต้องทำอภิวาท ลุกขึ้นต้อนรับ อัญชลีกรรมและสามีจิกรรมแก่ภิกษุผู้บวชในวันนั้น (ไม่ถึง 1 วัน)
ภิกษุณีจะตั้งตนเป็นอิสระจากภิกษุเลยย่อมไม่ได้และอาจเป็นเหตุทำให้พระธรรมวินัยตั้งอยู่ไม่ได้นานเท่าที่ควรดังที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ ซึ่งตามความเป็นจริงแล้วสตรีแม้จะมิได้บวชเป็นภิกษุณีก็สามารถปฏิบัติธรรมตามคำสั่งสอนของพระพุทธองค์จนบรรลุธรรมขั้นสูงได้ในเพศฆราวาสหรือแม้เพียงบวชชี โดยไม่กระทบต่อความตั้งมั่นของพระธรรมวินัยเลย
ท้ายสุดแล้วหากยังมีกระแสผลักดันให้มีการบวชภิกษุณีจนมหาเถรสมาคมยินยอม ตลอดจนครูบาอาจารย์ซึ่งเป็นภิกษุที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบยินยอม ก็เป็นเรื่องที่พุทธบริษัท 4 จะต้องร่วมกันประคับประคองให้พระธรรมวินัยตั้งอยู่โดยมั่นคงโดยมีสำนึกว่าพุทธศาสนิกชนรุ่นเราได้รับเอาความเสี่ยงที่พระธรรมวินัยจะสั่นคลอนมากยิ่งขึ้นเอาไว้บนบ่าของตนแล้ว