Skip to main content
sharethis

วานนี้(14 ต.ค.) เวลา 15.00 น. ที่ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล พ.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบมาตรการภาษีเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวและจัดอบรมสัมมนาในประเทศ โดยกำหนดให้บริษัทต่างๆ นำเงินที่จ่ายเป็นค่าห้องสัมมนา ค่าห้องพัก ค่าขนส่ง หรือรายจ่ายอื่นที่เกี่ยวข้องกับการอบรมสัมมนาภายในประเทศ ให้แก่ลูกจ้าง หรือรายจ่ายที่จ่ายให้กับผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวเพื่อการอบรมสัมมนา มาหักลดหย่อนภาษีได้ 100%

นอกจากนี้ยังกำหนดให้นักท่องเที่ยวนำเงินที่จ่ายเป็นค่าบริการให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยว หรือที่จ่ายเป็นค่าที่พักในโรงแรม สำหรับการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่รวมกันทั้งหมดแล้วไม่เกิน 15,000 บาท มาหักลดหย่อนภาษีได้เช่นกัน โดยทั้งหมดมีผลบังคับใช้ถึง 31 ธันวาคม 2558 นี้ เพื่อส่งเสริมและฟื้นฟูการท่องเที่ยวและให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบธุรกิจด้านการท่องเที่ยว รวมทั้งยังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศได้อีกทางหนึ่ง แม้ว่ารัฐต้องสูญเสียรายได้ประมาณ 1,000 ล้านบาท แต่สามารถช่วยกระตุ้นให้เกิดผลดีต่อธุรกิจนำเที่ยวในประเทศประมาณ 3,000 ล้านบาท

ด้านนางปิยะมาน เตชะไพบูลย์ อดีตประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) กล่าวว่ามาตรการครั้งนี้จะช่วยกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศได้ โดยเฉพาะการวางแผนท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดยาวเทศกาลปีใหม่ระหว่างวันที่ 31 ธ.ค.2557- 4 ม.ค. 2558

"ขณะนี้เริ่มมีคนไทยวางแผนไปท่องเที่ยวต่างประเทศบ้างแล้ว จากนี้อาจเปลี่ยนแผน และเลือกเดินทางท่องเที่ยวในประเทศแทน เพราะสามารถนำค่าใช้จ่ายมาหักลดหย่อนภาษีได้"

อย่างไรก็ดี จากนี้ หน่วยงานภาครัฐจะต้องเร่งประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวเกิดการรับรู้ให้มากขึ้น ทั้งการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ที่จะต้องประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างการรับรู้ในกลุ่มคนไทยที่นิยมท่องเที่ยวเอง และกรุ๊ปทัวร์

ด้านการประชุมสัมมนาของราชาการที่สามารถลดหย่อนภาษีได้ด้วยนั้น สำนักงานการจัดประชุมและนิทรรศการ (ทีเส็บ) ก็จะต้องเร่งออกมาทำการตลาดด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะการประชาสัมพันธ์ในเมืองตามภูมิภาคหลักและเป็นหัวเมืองทางการท่องเที่ยว อาทิ ขอนแก่น เชียงใหม่ ภูเก็ต เป็นต้น

ก่อนหน้านี้ สทท. ได้เสนอให้นำค่าใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวในประเทศมาหักค่าลดหย่อน ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ได้ในวงเงินไม่เกิน 2 หมื่นบาท เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และสร้างรายได้ 8 แสนล้านบาท ตามเป้าหมายของปี 2558 โดยมีจำนวนการเดินทางท่องเที่ยวของคนไทย 148 ล้านคนต่อครั้ง

มาตรการภาษีหนุนท่องเที่ยวไฮซีซัน

นายสุรพงษ์ เตชะหรูวิจิตร นายกสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) เชื่อว่ามาตรการนำค่าใช้จ่ายด้านท่องเที่ยวกับผู้ประกอบการที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายมาลดหย่อนภาษีได้ จะช่วยส่งเสริมให้คนไทยเดินทางในประเทศเพิ่มขึ้นในช่วงไฮซีซันปีนี้ และมองว่าเป็นมาตรการที่เหมาะสมแล้วสำหรับการกระตุ้นและจูงใจในช่วงสั้น เพราะหากเข้าสู่สถานการณ์ปกติ คาดว่ากำลังซื้อจะกลับมาเป็นปกติโดยไม่ต้องอาศัยมาตรการช่วยเหลือ

นายสุรพงษ์ กล่าวว่าสถานการณ์ธุรกิจโรงแรมในช่วงไตรมาสสุดท้าย แม้ว่าเริ่มปรับตัวดีขึ้นแต่ก็น่าจะมีอัตราเข้าพักเฉลี่ยลดลงราว 10-15% และมีผลกระทบต่อแรงงานในภาคธุรกิจโรงแรมที่จะได้รับส่วนแบ่งจากเซอร์วิสชาร์จที่ลดลง เนื่องจากตามปกติค่าบริการจะคิดอัตราส่วนจาก 10% จากราคารวมของห้องพักอยู่แล้ว

"แต่ปัจจุบัน ธุรกิจโรงแรมที่ยังมีปัญหาขาดแคลนคนงาน แต่ละแห่งจึงยังไม่มีนโยบายปลดคนงาน และยังคงรักษาอัตราจ้างเท่าเดิมไว้ ขณะที่รายได้ซึ่งลดลงของลูกจ้างก็ไม่ถึงระดับที่กระทบต่อการดำรงชีวิตแต่อย่างใด"

เครือเซ็นทรัลหวังชดเชยต่างชาติ

นายรณชิต มหัทธนะพฤทธิ์ รองประธานอาวุโสฝ่ายการเงินและการบริหาร บริษัทโรงแรมเซ็นทรัลพลาซ่า จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารโรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา เชื่อว่ามาตรการลดหย่อนภาษีจะทำให้เศรษฐกิจการท่องเที่ยวในประเทศในช่วงไฮซีซันคึกคักพอสมควร สอดคล้องกับการประกาศวันหยุดเพิ่มเติมก่อนหน้านี้

นอกจากนี้ ด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวไทยมีจำนวนสูงมากกว่า 130 ล้านคนต่อปี มองว่าอาจจะเข้ามาช่วยเสริมรายได้ให้กับธุรกิจโรงแรมที่ตลาดต่างชาติยังไม่ฟื้นกลับมาเต็มที่ โดยเฉพาะกลุ่มไมซ์ต่างประเทศจากยุโรปและอเมริกันที่มีข้อกำหนดด้านการประกันภัยที่ไม่ครอบคลุมการเดินทางมาไทยในช่วงที่มีกฎอัยการศึก

"ที่ผ่านมาเคยมีการประกาศใช้มาตรการภาษีในแบบเดียวกันไปแล้ว และค่อนข้างเห็นผลในการกระตุ้นตลาดที่เป็นรูปธรรม และทำให้การเดินทางในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ในจุดหมายที่นิยมอย่าง หัวหิน พัทยา มีคนไทยเข้าไปหนาแน่นมากขึ้น"

เรียบเรียงจาก มติชนออนไลน์, กรุงเทพธุรกิจ

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net