หลังรัฐประหารเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ได้รับแจ้งจากบริษัท ทุ่งคาฮาเบอร์ จำกัด (มหาชน) (“ทุ่งคาฯ”) เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2557[1] ว่าบริษัท ทุ่งคำ จำกัด (“ทุ่งคำ”) บริษัทลูกซึ่งเป็นเจ้าของเหมืองทองคำในเขตท้องที่ตำบลเขาหลวง อ.วังสะพุง จ.เลย ตามสัญญาให้สิทธิสำรวจและทำเหมืองแร่ทองคำ แปลงที่สี่ พื้นที่น้ำคิว - ภูขุมทอง ขอหยุดกิจการชั่วคราวเป็นระยะเวลา 90 วัน นับแต่วันที่ 3 มิถุนายน 2557 เป็นต้นไป โดยอ้างเหตุการณ์คัดค้านการทำเหมืองของชาวบ้าน 6 หมู่บ้าน ที่จัดสร้างสิ่งกีดขวางทางเข้าออกเหมือง ทำให้พนักงาน ลูกจ้าง และคู่ค้าไม่สามารถเข้าไปปฏิบัติงานภายในเหมืองได้
วันที่ 4 มิถุนายน 2557 กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 8 ค่ายศรีสองรักจากจังหวัดเลย ส่งหน่วยเฉพาะกิจเขาหลวงมาปฏิบัติภารกิจในการรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ตำบลเขาหลวง อ.วังสะพุง จ.เลย เพื่อแก้ไขปัญหาข้อขัดแย้งระหว่างชุมชน 6 หมู่บ้าน (บ้านห้วยผุก บ้านกกสะทอน บ้านนาหนองบง บ้านแก่งหิน บ้านภูทับฟ้า และบ้านโนนผาพุง) กับเหมืองแร่ทองคำของทุ่งคำทันที
ช่วงเวลาที่สอดคล้องกันเช่นนี้ ถ้าไม่เป็นความบังเอิญ ก็เป็นการสมคบคิดกันระหว่างทหารกับทุ่งคาฯ และทุ่งคำ เพราะมีข่าวความเคลื่อนไหวในพื้นที่ว่า หน่วยเฉพาะกิจเขาหลวงจะเข้ามาจัดการแก้ไขปัญหาข้อขัดแย้งระหว่างชุมชนกับเหมืองแร่ทองคำให้ได้ภายในสามเดือน นับแต่วันที่เข้ามาปฏิบัติภารกิจ
หลังรัฐประหารอีกเช่นกัน ข่าวที่ถูกปิดเงียบในเดือนกรกฎาคม 2557 มีความเคลื่อนไหวที่ปิดลับสุดขีดภายในสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ว่า ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของทุ่งคาฯ คือ นางสาว Regina Wen Li Ng ใช้กลไก ISDS ฟ้องรัฐบาลไทยต่อ UNCITRAL โดยใช้ผ่าน BIT ไทย - ฮ่องกง[2] โดยอ้างว่าทุ่งคำไม่สามารถขนแร่ทองคำออกมาจากเหมืองได้ เพราะชาวบ้านต่อต้านจากเหตุที่ได้รับผลกระทบจากสารเคมีที่ใช้ในกระบวนการผลิตทองคำเกิดการรั่วไหล จนเป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของคนในชุมชน ซึ่งส่งผลกระทบต่อธุรกิจ
จนเวลาล่วงเลยมาได้เดือนกว่า ความลับที่ถูกปิดไว้ที่ ก.ล.ต. ก็ถูกเปิดเผยโดยหนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ ฉบับวันพฤหัสบดีที่ 21 – วันอาทิตย์ที่ 24 สิงหาคม 2557
ทั้งนี้ ISDS เป็นข้อตกลงระหว่างประเทศที่เปิดโอกาสให้นักลงทุนต่างชาติสามารถฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย หรือยกเลิกนโยบายสาธารณะของประเทศนั้นๆ ได้ หากพบว่าไปขัดขวางการดำเนินกิจการของเอกชน หรือทำให้กำไรของเอกชนที่คาดว่าจะได้ลดลง
ในเว็บไซต์ FTA Watch ได้เผยแพร่ข้อมูลเพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจต่อสาธารณชนเกี่ยวกับ ISDS ไว้น่าสนใจ ยกตัวอย่างเช่น นักลงทุนจากประเทศหนึ่งหอบเงินลงทุนมาตั้งโรงงานในประเทศไทย ถ้าอยู่ๆ รัฐบาลไปยึดที่ดินเขา เขาก็ฟ้องร้องต่อศาลไทยได้ แต่นักลงทุนอาจจะไม่มั่นใจในกระบวนการยุติธรรมของเรา รวมถึงไม่อยากให้คดีล่าช้า อยากให้เรื่องจบเร็วๆ ก็ไปฟ้องผ่านกลไก ISDS เพราะการไปฟ้องผ่านกลไก ISDS ไม่ต้องผ่านศาลไทย ซึ่งใช้เวลานานกว่าคดีความในศาลชั้นต้นจะถึงที่สุดในชั้นศาลฎีกา
โดย ISDS จะใช้ระบบอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศในการพิจารณาและตัดสินคดี โดยระบบของอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศตามกลไก ISDS จะเป็นการพิจารณาข้อพิพาทของคน 3 คน คือ หนึ่ง - ตัวแทนนักลงทุน สอง - ตัวแทนรัฐบาล สาม - คนที่ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกัน โดยสามคนนี้ไปประชุมกัน ศึกษาตัวสัญญา แล้วมีอำนาจตัดสินได้เลยว่า รัฐบาลผิดหรือไม่ ถ้าผิดแล้วจะต้องถูกลงโทษอย่างไร จ่ายค่าเสียหายเท่าไหร่ เป็นต้น
ทหารกับการระงับข้อพิพาทนอกศาลก่อนกระบวนการอนุญาโตตุลาการ
พันเอกสวราชย์ แสงผล รองผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 8 และในฐานะผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจเขาหลวง ได้กล่าวเอาไว้เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2557 ในการเจรจาครั้งแรกกับราษฎรกลุ่มคนรักษ์บ้านเกิดที่ต่อสู้คัดค้านการทำเหมืองแร่ทองคำว่า “พร้อมใช้กฎอัยการศึกเปิดทางเข้าเหมือง”[3] เพื่อขนแร่ทองคำและแร่พลอยได้อื่นออกมา ในครั้งนั้นถึงกับทำให้ชาวบ้านกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ เพราะสับสนกับท่าทีแข็งกร้าวของนายทหารระดับผู้บังคับบัญชาหน่วยเฉพาะกิจตั้งแต่การเจอกันครั้งแรกว่า มาเจรจาช่วยเหลือชาวบ้านจากเหตุการณ์ถูกทำร้ายร่างกายในคืนวันที่ 15 ต่อเนื่องจนถึงรุ่งเช้าของวันที่ 16 พฤษภาคม 2557 โดยชายฉกรรจ์อำพรางใบหน้า 300 นาย ใช้กำลังประทุษร้ายชาวบ้าน เพื่อขนแร่ทองแดงผสมทองคำและเงินออกไปจากเหมืองแร่ หรือมาเจรจาเพื่อขนแร่รอบใหม่ให้ทุ่งคำ
แต่การขนแร่รอบใหม่โดยกฎอัยการศึกก็ไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะทหารระดับปฏิบัติการในพื้นที่กับทหารระดับนโยบายในกรุงเทพฯ ไม่ได้เห็นคล้อยตามกันในกรณีนี้เสียทีเดียว เนื่องจากพื้นที่นี้มีการจับจ้อง สอดส่องจากสื่อมวลชนอย่างเกาะติด ต่อเนื่อง และถี่ยิบ รวมถึงความพัวพันของคดีความต่างๆ ที่ทุ่งคำฟ้องต่อชาวบ้านถึง 6 คดี รวมคดีที่ทุ่งคำกดดันให้นายก อบต. เขาหลวงเป็นฝ่ายฟ้องชาวบ้านอีก 1 คดี เป็น 7 คดี ซึ่งล้วนเกิดขึ้นจากเหตุแห่งการสร้างสิ่งกีดขวางจนไม่สามารถขนแร่ได้ทั้งสิ้น
ดังนั้น หากพันเอกสวราชย์ แสงผล จะขนแร่รอบใหม่ออกจากเหมืองทองคำจริงตามที่ขู่ไว้ ก็จะกลายเป็นว่า ข้ออ้างใช้กฎอัยการศึกครั้งนี้มีเหตุตรงกันกับเหตุแห่งคดีความทั้ง 7 คดี มากเกินไป
รวมถึงสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นเมื่อคืนวันที่ 15 ต่อเนื่องจนถึงรุ่งเช้าของวันที่ 16 พฤษภาคม 2557 ยังค้างคาใจ และอยู่ในความสนใจของชาวบ้านและสาธารณชนตลอดมา เพราะจนถึงวันนี้ทหาร ตำรวจ และหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องก็ยังไม่สามารถตามจับกุมผู้ก่อเหตุได้สักคนเดียว แม้จะสามารถชี้ชัดจากหลักฐานต่างๆ ที่ปรากฏให้เห็นหลังคืนเกิดเหตุได้แล้วว่า หัวหน้ากองกำลังอำพรางใบหน้า 300 นาย นำโดยพลโทปรเมษฐ์ ป้อมนาค และลูกชาย คือ พันโทปรมินทร์ ป้อมนาค ก็ตาม
เหตุการณ์ประจวบเหมาะที่อาจจะเป็นเรื่องบังเอิญ หรือไม่ก็สมคบคิดกันก็บังเกิดอีกครั้ง ก่อนเข้าสู่กระบวนการอนุญาโตตุลาการตามกลไก ISDS นั้น มีแนวทางใหม่ที่ถูกนำมาปฏิบัติใช้ นั่นก็คือ กระบวนการระงับข้อพิพาททางเลือก (Alternative Dispute Resolutions – ADR) ซึ่งก็คือ การระงับข้อพิพาทนอกศาลนั่นเอง
จากความพยายามของทหารในพื้นที่ตลอดสองเดือนกว่าที่ผ่านมา ที่พยายามเจรจา หารือ และไกล่เกลี่ยด้วยท่าทีแข็งกร้าวกับชาวบ้าน จนถึงขั้นบีบบังคับให้ผู้ใหญ่บ้านทั้ง 6 หมู่บ้าน ลงนามในบันทึกข้อตกลงเพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติ ระหว่างชุมชน 6 หมู่บ้าน กับเหมืองทองทุ่งคำ ในวันที่ 25 สิงหาคม 2557 ที่ผ่านมา (สถานการณ์ล่าสุด ทราบข่าวว่าการทำบันทึกข้อตกลงในวันดังกล่าวถูกเลื่อนออกไปก่อน) เริ่มมีการตั้งคำถามจากพื้นที่แล้วว่า ความพยายามของทหารตลอดสองเดือนกว่าที่ผ่านมานั้นเป็นการดำเนินการที่เป็นไปตามการระงับข้อพิพาทนอกศาลตามกลไก ISDS หรือไม่ อย่างไร?
บันทึกข้อตกลงเพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติระหว่างชุมชน 6 หมู่บ้าน กับเหมืองทองทุ่งคำ ที่ทหารพยายามบีบบังคับให้ผู้ใหญ่บ้านทั้ง 6 หมู่บ้าน ทำการลงนาม มีเป้าหมายที่ชัดเจนอยู่ที่ขอขนแร่ออกจากเหมืองทองคำก่อน แล้วจึงค่อยทำการปิดเหมืองชั่วคราว ฟื้นฟู และเยียวยาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และสุขภาพ ให้กับชุมชน 6 หมู่บ้าน ในภายหลัง
คำถามที่ง่ายและพื้นฐานที่สุดต่อกรณีนี้ คือ
หนึ่ง - หากขนแร่ออกไปแล้ว จะมีหลักประกันใดว่า ทุ่งคำและส่วนราชการที่เกี่ยวข้องจะทำการปิดเหมืองชั่วคราว ฟื้นฟู และเยียวยาให้กับชุมชน 6 หมู่บ้าน ตามที่ได้ตกลงกันไว้ในบันทึกข้อตกลงฯ
สอง - ลำพังเพียงลายมือชื่อของพลตรีวรทัต สุพัฒนานนท์ ผู้บังคับการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยจังหวัดเลย พันเอกสวราชย์ แสงผล รองผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 8 ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย ตัวแทนทุ่งคาฯ และทุ่งคำ และส่วนราชการอื่นที่เกี่ยวข้อง ที่ลงนามในบันทึกข้อตกลงฯ จะส่งผลให้บันทึกข้อตกลงฯ มีสถานะที่จะต้องนำไปปฏิบัติอย่างเคร่งครัดได้หรือไม่ อย่างไร
สาม - หากปล่อยปละละเลย เพิกเฉย ไม่นำข้อตกลงที่อยู่ในบันทึกข้อตกลงฯ ไปปฏิบัติอย่างเคร่งครัด จะมีผลทางกฎหมายที่สามารถเอาผิดต่อผู้ลงนามในบันทึกข้อตกลงได้หรือไม่ อย่างไร
ในเมื่อไม่สามารถตอบคำถามทั้งสามข้อนี้ได้ จึงเห็นว่า บันทึกข้อตกลงฯ มีความหละหลวม มีลักษณะลวงให้เชื่อว่า ทหารจริงใจแก้ไขปัญหาให้กับชาวบ้าน จึงเป็นเหตุให้ราษฎรกลุ่มคนรักษ์บ้านเกิด 6 หมู่บ้าน ทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. รวมทั้งส่วนราชการอื่นที่เกี่ยวข้องว่า ไม่ยอมรับบันทึกข้อตกลงฯ เนื่องจากเห็นว่า ทหารกำลังลับ ลวง พราง กับชาวบ้าน ไม่มีความจริงใจในการแก้ไขปัญหา จนเป็นเหตุให้ทหารต้องเลื่อนการเจรจาลงนามในบันทึกข้อตกลงฯ ที่กำหนดจัดขึ้นในวันที่ 25 สิงหาคม 2557 ออกไปก่อน
อะไรคือแรงจูงใจ
หนึ่ง - ลำพังเพียงแค่ทหารใช้กฎอัยการศึกก็สามารถขนแร่ออกไปได้ เหมือนกับกรณีอื่นๆ ที่ทหารแสดงพฤติกรรมแข็งกร้าวกับประชาชนเสมอ เช่น กรณีบังคับย้ายชาวบ้านออกจากสวนป่าโนนดินแดง อ.โนนดินแดง จ.บุรีรัมย์ แต่สำหรับกรณีนี้ ทหารเรียนรู้การประสานผลประโยชน์ ในเมื่อนางสาว Regina Wen Li Ng ฟ้องตามกลไก ISDS โดยใช้องค์กร กฎระเบียบ และวิธีการที่กำหนดใน UNCITRAL Arbitration Rules ของสหประชาชาติ เรื่องนี้ก็กลายเป็นปัญหาระหว่างประเทศ
และเรื่องนี้ทหารใช้สร้างภาพต่อนักลงทุนได้ และเป็นผลดีต่อภาพลักษณ์ของประเทศ ด้วยแนวคิดที่ว่า ไม่ว่าการเมืองจะอยู่ในระบอบใด เช่นในระดับที่เลวร้ายที่สุดอย่างรัฐประหาร รัฐบาลไทยก็มุ่งมั่นที่จะคุ้มครองผลประโยชน์ของนักลงทุน ถ้าหากสามารถเจรจาไกล่เกลี่ยจนถึงขั้นประนีประนอมยอมความนอกศาลได้ ก็จะทำให้กรณีพิพาทนี้ไม่ต้องเข้าสู่กระบวนการอนุญาโตตุลาการเหมือนกรณีค่าโง่ทางด่วนในอดีต
สอง - หากแม้ไม่สามารถระงับข้อพิพาทนอกศาลได้ จนทำให้กรณีนี้ต้องเข้าสู่กระบวนการอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ การที่ต้องขนแร่ออกจากเหมืองทองทุ่งคำด้วยคำตัดสินของอนุญาโตตุลาการจะส่งผลดีต่อทหารมากกว่าที่จะขนแร่ด้วยการบังคับใช้กฎอัยการศึกแต่เพียงอย่างเดียว
สาม - เป็นที่น่าสังเกตว่านางสาว Regina Wen Li Ng ที่ถือหุ้นทุ่งคาฯ ไว้ทั้งหมด 40,318,300 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 5.33 เป็นลูกสาวของนายโรนัลด์ อึ้ง วาย ชอย อดีตกรรมการผู้จัดการทุ่งคาฯ (ปัจจุบันนายโรนัลด์ ครอบครองหุ้นของทุ่งคาฯ จำนวน 4,517,441 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 0.60) ซึ่งทุ่งคาฯ ได้เคยฟ้องคดีต่อนายโรนัลด์ กับพวกรวม 7 คน เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2555 เพื่อขอให้ศาลแพ่งเพิกถอนสัญญาเงินกู้ที่นายโรนัลด์ทำกับบริษัท สินธนาโฮลดิ้งส์ จำกัด และบริษัท ซิโนแพค ดีเวลอปเมนท์ (ประเทศไทย) จำกัด ให้ตกเป็นโมฆะ ปัจจุบันไม่ทราบว่าคดีดังกล่าวสิ้นสุดแล้วหรือไม่
ในวันเดียวกันกับที่หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจฉบับวันพฤหัสบดีที่ 21 – วันอาทิตย์ที่ 24 สิงหาคม 2557 ออกจำหน่ายเป็นวันแรก ทุ่งคาฯ ได้ทำหนังสือแจ้งต่อ ตลท.[4] ว่าตามที่ปรากฏข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ว่าผู้ถือหุ้นทุ่งคาฯ ยื่นฟ้องรัฐบาลไทยนั้น กรณีดังกล่าวเป็นการใช้สิทธิของผู้ถือหุ้นชาวต่างชาติ ส่วนในกรณีที่ว่าทุ่งคำซึ่งเป็นบริษัทในเครือของทุ่งคาฯ ได้รับประทานบัตรทำเหมืองทองคำแต่ไม่สามารถขนแร่ออกจากพื้นที่ได้ เพราะชาวบ้านต่อต้านจนส่งผลกระทบต่อการทำธุรกิจนั้น ขณะนี้ทางทุ่งคาฯ และทุ่งคำอยู่ในระหว่างการแก้ไขปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ กรณีที่ผู้ถือหุ้นชาวต่างชาติได้ใช้สิทธิดังกล่าวนั้น เป็นการใช้สิทธิที่มิได้รับทราบถึงปัญหาและไม่สอดคล้องกับแนวทางในการแก้ไขปัญหาของทางทุ่งคาฯ และทุ่งคำ
ต่อเหตุการณ์นี้ อาจจะเป็นไปได้ว่านายโรนัลด์มีความขัดแย้งจริงกับทุ่งคาฯ จนเป็นเหตุให้นางสาว Regina ซึ่งเป็นลูกสาวต้องทวงแค้นคืน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็อาจเป็นความลวงต่อสาธารณชนได้ เพราะมีอยู่มากมายหลายกรณีที่ความขัดแย้งของผลประโยชน์เป็นละครตบตาคนดู จะเห็นได้ว่านายโรนัลด์เองก็ยังคงเป็นผู้ถือหุ้นอยู่ในทุ่งคาฯ ซึ่งอยู่ในกลุ่มผู้ถือหุ้นรายใหญ่ โดยไม่สะทกสะท้านต่อความขัดแย้งที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด
ข้อเตือนสติ
หนึ่ง - เหตุแห่งการฟ้องคดีตามกลไก ISDS ของนางสาว Regina Wen Li Ng คือ เหตุแห่งการสร้างสิ่งกีดขวางจนไม่สามารถขนแร่ได้นั้น เป็นเหตุเดียวกันกับคดีความต่างๆ ที่ทุ่งคำฟ้องต่อชาวบ้านถึง 6 คดี รวมคดีที่ทุ่งคำกดดันให้นายก อบต. เขาหลวงเป็นฝ่ายฟ้องชาวบ้านอีก 1 คดี เป็น 7 คดี ดังนั้น คดีความตามกลไก ISDS ที่ต้องใช้กระบวนการอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศตัดสินคดี และคดีทั้ง 7 คดี ตามกระบวนการยุติธรรมของระบบศาลไทยจึงซ้อนทับกัน
ถึงแม้กระบวนการอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศตามกลไก ISDS จะเปิดโอกาสให้ข้ามหัวกระบวนการยุติธรรมของระบบศาลไทยได้ ซึ่งก็ยังคงเป็นที่ถกเถียงว่า แท้จริงแล้ว กลไก ISDS สามารถข้ามหัวกระบวนการยุติธรรมของระบบศาลไทยได้จริงหรือไม่ แค่ไหน อย่างไร แต่อย่างไรก็ตาม หากรัฐบาลทหาร คสช. ปล่อยให้กลไก ISDS ข้ามหัวกระบวนการยุติธรรมของระบบศาลไทยได้ ก็จะเป็นบทเรียนที่สร้างความถดถอยให้กับการปกครองของรัฐบาลทหาร คสช. ที่ให้ความสำคัญต่อการคุ้มครองผลประโยชน์นักลงทุน มากกว่าความเจ็บไข้ได้ป่วยที่ประชาชนในประเทศนี้ได้รับจากการทำเหมืองทองทุ่งคำ
สอง - ถึงแม้การระงับข้อพิพาทระหว่างรัฐกับเอกชน (Investor - State Dispute Settlement – ISDS) อันเป็นกลไกภายใต้ความตกลงเพื่อการส่งเสริมและคุ้มครองการลงทุน (Bilateral Investment Treaties – BITs) หรือความตกลงการค้าเสรี (Free Trade Agreements – FTAs) กับรัฐบาลของประเทศที่ตนเข้าไปลงทุน จะเปิดโอกาสให้ข้ามหัวกระบวนการยุติธรรมของระบบศาลไทยได้ แต่ ISDS ก็ยังต้องคำนึงถึงการให้ความคุ้มครองนักลงทุนเพียงแค่ผลกระทบจาก ‘มาตรการที่ออกโดยรัฐ’ เท่านั้น โดยไม่คุ้มครองนักลงทุนจาก ‘ความเสี่ยงที่เกิดจากการประกอบธุรกิจตามปกติ’ แต่อย่างใด
แต่ความเจ็บไข้ได้ป่วยของประชาชนในชุมชนทั้ง 6 หมู่บ้าน รอบเหมืองทองทุ่งคำเกิดจากความอ่อนแอ และอ่อนด้อยประสิทธิภาพของมาตรการที่ออกโดยรัฐ จนเป็นเหตุให้ประชาชนต้องเผชิญความเสี่ยงที่เกิดจากการประกอบธุรกิจตามปกติของเหมืองทองทุ่งคำต่างหาก
อ้างอิง
[1] หนังสือบริษัท ทุ่งคาฮาเบอร์ จำกัด (มหาชน) ที่ ทค. 151-081/6/2557 ลงวันที่ 9 มิถุนายน 2557
[2] การระงับข้อพิพาทระหว่างรัฐกับเอกชน (Investor - State Dispute Settlement – ISDS) เป็นกลไกภายใต้ความตกลงเพื่อการส่งเสริมและคุ้มครองการลงทุน (Bilateral Investment Treaties – BITs) หรือความตกลงการค้าเสรี (Free Trade Agreements – FTAs) กับรัฐบาลของประเทศที่ตนเข้าไปลงทุน เช่น หากรัฐภาคีละเมิดพันธกรณีตามที่กำหนดในความตกลงฯ และส่งผลให้การลงทุนของนักลงทุนได้รับความเสียหายอย่างแท้จริง นักลงทุนก็จะมีสิทธิใช้กลไก ISDS ในการระงับข้อพิพาท ซึ่งได้แก่ กระบวนการระงับข้อพิพาททางเลือก (Alternative Dispute Resolutions) และกระบวนการอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ (International Arbitration) ภายใต้องค์กร กฎระเบียบ และวิธีดำเนินการที่กำหนดในความตกลงฯ เช่น UNCITRAL Arbitration Rules ของสหประชาชาติ หรือ ICSID Additional Facility ของธนาคารโลก
ในส่วนของกระบวนการระงับข้อพิพาททางเลือก (Alternative Dispute Resolutions – ADR) คือการระงับข้อพิพาทนอกศาล โดยอาจใช้วิธีการเจรจาและการหารือ (Consultation and Negotiation) การไกล่เกลี่ย (Mediation) และการประนีประนอมยอมความ (Conciliation) เช่น การระบุให้มีบุคคลที่สามเข้ามาช่วยไกล่เกลี่ยและระงับข้อพิพาท โดยใช้วิธีการเชิงปฏิบัติการที่เหมาะสมและเป็นธรรมต่อคู่กรณีทั้งสองฝ่าย มากกว่าการใช้ข้อบทกฎหมาย การใช้วิธีการระงับข้อพิพาทนอกศาลเป็นแนวทางใหม่ในการบังคับใช้พันธกรณีการคุ้มครองการลงทุนที่มีประสิทธิภาพ รวดเร็ว ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการระงับข้อพิพาท และทำให้ได้รับความนิยมมากขึ้น เนื่องจากเป็นกลไกที่นักลงทุนและรัฐผู้รับการลงทุนชะลอการใช้กระบวนการอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศได้; คัดลอกจากแผ่นพับเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ "การคุ้มครองการลงทุนและการระงับข้อพิพาทระหว่างรัฐกับเอกชน" จัดทำโดย กรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ. 5/28/14. คัดลอกเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2557; สืบค้นข้อมูลได้ที่ ศูนย์บริการข้อมูลเศรษฐกิจระหว่างประเทศ
[3] น.ส.พ.เลยไทม์ออนไลน์ สืบค้นเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2557; ข้อความ “พร้อมใช้กฎอัยการศึกเปิดทางเข้าเหมือง” ใส่เครื่องหมายคำพูดโดยผู้เขียน
[4] หนังสือบริษัท ทุ่งคาฮาเบอร์ จำกัด (มหาชน) ที่ ทค.151-028/8/2557 ลงวันที่ 21 สิงหาคม 2557
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)