Skip to main content
sharethis

28 ส.ค.2557 ที่รัฐสภา ในการพิจารณาของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2558 สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่มี พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ ประธาน กมธ.ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ซึ่งพิจารณากระทรวงกลาโหม วงเงิน 193,499,805,500 บาท ปรากฏว่ามีการปรับลด 2 หน่วยงานคือ กองทัพเรือ ที่เสนอเข้ามา 37,587,312,500 บาท ปรับลด 20,442,500 บาท กองบัญชาการกองทัพไทย เสนอเข้ามา 14,811,976,600 บาท ปรับลด 25,310,000 บาท คิดเป็นยอดปรับลดทั้งสิ้น 45,752,500 บาท

ทั้งนี้ กมธ.ได้ตั้งข้อสังเกตในส่วนกระทรวงกลาโหม 3 ข้อ ดังนี้

1.กองทัพควรจัดสรรงบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นค่าใช้จ่ายในการวิจัยและพัฒนาด้านอาวุธยุทโธปกรณ์เพื่อพัฒนาศักยภาพของกองทัพในการป้องกันประเทศ โดยการนำเทคโนโลยีระดับสูงมาใช้พัฒนาพร้อมกับบูรณาการความร่วมมือระหว่างกระทรวงกลาโหมกับสถาบันทางการศึกษาต่างๆ เพื่อต่อยอดผลการวิจัยหรือนวัตกรรมใหม่ สู่การผลิตยุทโธปกรณ์ที่มีความทันสมัย พร้อมกับการจัดการอาวุธที่มีความทันสมัยทดแทนให้เหมาะสมต่อภารกิจเพื่อให้ทันต่อสภาวการณ์ความเปลี่ยนแปลงของโลกที่ต้องเผชิญกับภัยคุกคามด้านความมั่นคงหลากหลายรูปแบบ และซับซ้อนมากขึ้น รวมทั้งเพื่อสร้างหลักประกันความมั่นคงธำรงไว้ซึ่งเอกราชของประเทศ

2. กองทัพควรต่อยอดการพัฒนาเทคโนโลนีด้านดาวเทียมให้ทันสมัย และสามารถสนับสนุนภารกิจตามแผนป้องกันประเทศ การรักษาความมั่นคงภายใน การรักษาความสงบเรียบร้อยภายใน และการปฏิบัติภารกิจอื่นๆ ในด้านการสื่อสารและภูมิศาสตร์ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในกิจการด้านความมั่นคง และสามารถนำไปใช้ในการพัฒนาประเทศ และการวางแผนป้องกันประเทศต่อไป

3.ควรบูรณาการการทำงานร่วมกันระหว่างกองทัพเพื่อให้เกิดการปกป้องผลประโยชน์ความมั่นคงของประเทศ จากภัยคุกคามในรูปแบบใหม่ โดยการบริหารจัดการ และกำกับดูแล งานในแต่ละสายงานให้มีความรวดเร็ว มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยใช้กฎระเบียบ งบประมาณและแผนงานที่มีอยู่แล้ว ให้บังเกิดเป็นผลสัมฤทธิ์ที่จับต้องได้ พร้อมกับการเพิ่มขีดความสามารถในการปกป้องอธิปไตยตามแนวชายแดน การรักษาความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ และการช่วยเหลือประชาชนที่ประสบปัญหาภัยพิบัติได้อย่างยั่งยืน

นอกจากนี้ กมธ.ยังมีความเห็นและข้อห่วงใยเกี่ยวกับการใช้จ่ายงบประมาณในการเดินทางศึกษาดูงานต่างประเทศ โดยให้พิจารณาการเดินทางเฉพาะประเทศที่ได้มีพันธสัญญาเท่านั้น พร้อมทั้งมีข้อห่วงใยเกี่ยวกับการพัฒนาด้านการข่าว ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อนำไปใช้ในการแก้ไขสถานการณ์แรงงานต่างด้าวที่เข้ามาอย่างไม่ถูกต้องตามกฎหมาย อาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 27 ส.ค. พล.ท.ชาตอุดม ติตถะสิริ โฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 แถลงผลการประชุมคณะกรรมาธิการฯ ว่า ที่ประชุมได้พิจารณางบประมาณกระทรวงศึกษาธิการ วงเงิน 520,000 ล้านบาท โดยร้อยละ 67 เป็นงบของครูและบุคลากร ร้อยละ 10 เป็นงบครุภัณฑ์ ขณะที่งบของเด็กมีเพียงร้อยละ 3

พล.ท.ชาตอุดม กล่าวว่า คณะกรรมาธิการฯ ได้ปรับลดงบประมาณของกระทรวงศึกษาธิการลง 396 ล้านบาท เป็นงบประมาณของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน 59 ล้านบาท สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา 66 ล้านบาท ที่เหลือเป็นของสำนักงานปลัดกระทรวงฯ และหน่วยงานอื่นๆ ส่วนใหญ่เป็นงบลงทุนค่าที่ดินที่ยังไม่มีความพร้อม จึงได้ตัดออกไป

สำหรับงบประมาณของสภากาชาดไทยนั้น พล.ท.ชาตอุดม กล่าวว่า คณะกรรมาธิการฯ เห็นว่า เป็นองค์กรพิเศษอยู่ในพระบรมราชูปถัมภ์ และตอบสนองความต้องการของประชาชน มีเงินสนับสนุน 5,900 ล้านบาท ที่ประชุมจึงเพียงรับทราบ ไม่มีการปรับลด เพียงแต่เพิ่มข้อเสนอแนะเรื่องศักดิ์ศรีของมนุษย์ และการใช้ยุวกาชาดให้เป็นประโยชน์ในด้านจิตอาสา


ที่มา: มติชนออนไลน์ และสำนักข่าวไทย

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net