วานนี้ (21 ส.ค. 2557) เอบีซีนิวส์ รายงานว่า แนนซี ไรท์โบล และน.พ. เคนท์ แบรนท์เลย์ อาสาสมัครแพทย์ชาวอเมริกันที่ติดเชื้อไวรัสอีโบลาจากไลบีเรีย ออกจากโรงพยาบาลแล้ว
โดยทั้งคู่ได้ผ่านการตรวจเชื้อทั้งทางเลือดและปัสสาวะว่ายังมีเชื้อไวรัสอีโบลาอยู่หรือไหม ซึ่งแนนซีได้ผ่านการตรวจและออกจากโรงพยาบาลไปตั้งแต่วันอังคารที่ผ่านมา ขณะที่นายแพทย์เคนท์ ออกจากโรงพยาบาลอีมอรี ในแอตแลนตาวานนี้
รายงานข่าวระบุว่า น.พ.เคนท์ วัย 33 ปี เป็นมนุษย์คนแรกที่รับการฉีดเซรุ่ม ZMapp ซึ่งเป็นเซรุ่มสำหรับสร้างภูมิต้านทานเชื้อไวรัสอีโบลาก่อนที่จะถูกนำตัวไปรักษาต่อที่สหรัฐอเมริกา โดยเอบีซีระบุว่าเขาอาการดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อได้รับการฉีดเซรุ่มดังกล่าว ขณะที่แนนซี ก็ได้รับการฉีดเซรุ่มดังกล่าวและอาการดีขึ้นเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม น.พ.บรูซ ริบเนอร์ ผู้อำนวยการแผนกผู้ป่วยติดเชื้อ ของโรงพยาบาลอีมอรี ให้สัมภาษณ์ถึงประสิทธิภาพของ ZMapp ว่า เขายังไม่สามารถยืนยันได้ว่าในทางทฤษฎีแล้วเซรุ่มดังกล่าวทำงานอย่างไร และมันให้ผลในทางส่งเสริมการรักษา หรือไม่มีผลอะไร หรืออาจจะส่งผลให้คนไข้ฟื้นตัวช้ากว่าที่ควรจะเป็นก็ได้
อาสาสมัครสาธารณสุขทั้งสองราย ติดเชื้ออีโบลาเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ขณะที่พวกเขาทำงานอาสาดูแลผู้ติดเชื้ออีโบลาในเมืองมอนโรเวีย ประเทศไลบีเรีย พวกเขาถูกนำตัวไปรักษาต่อที่สหรัฐอเมริกาในวันเสาร์ที่ 2 ส.ค. ที่ผ่านมา โดยมีประชาชนบางส่วนไม่เห็นด้วยที่จะนำตัวอาสาสมัครทางการแพทย์ทั้งสองคนเข้าประเทศ เนื่องจากกังวลเรื่องการระบาดของเชื้ออีโบลา
อย่างไรก็ตาม ทั้งสองอาจจะยังต้องมีอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อและข้อต่อไปอีกเป็นปี ซึ่งเป็นอาการที่แพทย์คาดว่าจะเกิดขึ้นกับผู้ที่เคยติดเชื้อไวรัสดังกล่าว
สำหรับสถานการณ์ในไทย วานนี้ นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข แถลงข่าวกรณีมาตรการเฝ้าระวังโรคอีโบลา ว่า ขณะนี้มีหญิง อายุ 48 ปี ซึ่งทำงานอยู่ที่ประเทศไลบีเลีย ได้เดินทางมาจากประเทศไลบีเรีย วันที่ 18 ส.ค. เปลี่ยนเครื่องที่ประเทศเคนยา และมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิ วันที่ 19 ส.ค. ในระหว่างการเดินทางมีอาการปวดหัว และมีผื่นขึ้น แต่ไม่มีไข้ เมื่อเดินทางมาถึงประเทศไทย ได้ไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลเอกชน โดยแพทย์วินิจฉัยเบื้องต้นว่า เป็นลมพิษ จากนั้นได้เข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่ง แต่ก็ยังมีความกังวล จึงได้โทรแจ้งสายด่วนกรมควบคุมโรค 1422 เจ้าหน้าที่จึงได้ไปรับตัวมายังสถาบันบำราศนราดูร เพื่อเฝ้าระวัง โดยแพทย์ได้ตรวจสอบเบื้องต้น ไม่พบไข้ ซึ่งเป็นอาการบ่งชี้ของโรคอีโบลา แต่ตามมาตรฐานการเฝ้าระวัง จึงได้จัดให้เป็นผู้ที่อยู่ในระหว่างสอบสวนโรค ไม่ใช่ผู้ต้องสงสัยว่าป่วย
"ตามมาตรฐานการเฝ้าระวังโรค นอกจากติดตามอาการของหญิงรายดังกล่าว กรมควบคุมโรค ยังได้ติดตามผู้ใกล้ชิดอีก 13 ราย ซึ่งมีทั้งผู้ที่ร่วมเดินทางมาด้วยกัน ญาติผู้ใกล้ชิด และพนักงานในโรงแรมที่หญิงรายดังกล่าวเข้าพัก ซึ่งกระบวนการทั้งหมด เป็นมาตรฐานการเฝ้าระวังโรค ไม่อยากให้ประชาชนแตกตื่นหรือเข้าใจผิด ซึ่งการเปิดเผยถือเป็นการทำให้ประชาชนเชื่อมั่นในระบบเฝ้าระวัง" นพ.ณรงค์ กล่าว
นพ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ขณะนี้การแพร่ระบาดของโรคมี 4 ประเทศ คือ กินี เซียร์ราลีโอน ไลบีเรีย และเมืองลากอส ประเทศไนจีเรีย ส่วนกรณีผู้ต้องสงสัยชาวเวียดนามและพม่า 3 ราย กระทรวงสาธารณสุขกำลังประสานกับทั้ง 2 ประเทศอย่างใกล้ชิด และจะแจ้งประชาชนทันทีเมื่อได้รับผลการวินิจฉัยอย่างเป็นทางการ ทั้งนี้ ในการวินิจฉัยผู้ป่วยสงสัยโรคอีโบลา จะใช้เกณฑ์ที่กำหนดไว้เป็นมาตรฐาน รวมถึงการมีไข้สูงถึง 38 องศาเซลเซียส และมีประวัติเดินทางมาจากพื้นที่ระบาดของโรค เป็นต้น
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)