รับผลตัดสินคดี ชาวบ่อนอกป้องทรัพยากรชุมชนเป็นมิติใหม่ของสังคม

ประชาไท—17 ส.ค. 48  "ก็พอใจที่ศาลยอมรับ เพราะคดีนี้เป็นคดีของชุมชน  ปกติถ้าเราต้องขึ้นศาลที่ไหนชาวบ้านก็ไปด้วย  เพราะต่างเห็นว่าทรัพยากรคือชีวิตของทุกคน"  นางกรณ์อุมา พงษ์น้อย กล่าวหลังฟังคำพิพากษาของศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันนี้

 

ทั้งนี้  นางกรณ์อุมา   ภรรยาเจริญ  วัดอักษร  เป็นจำเลยที่ 4 ในคดีโรงไฟฟ้าบ่อนอกกล่าวหาว่าทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่บริษัทกัลฟ์  เพาเวอร์  เจเนอเรชั่น  โดยศาลได้ตัดสินในข้อหาทำร้ายร่างกาย  แต่เนื่องจากกระทำผิดกฎหมายเพื่อปกป้องทรัพยากรชุมชน  จึงลดโทษให้เหลือรอลงอาญากำหนด 2 ปี และบริการสังคมไม่ต่ำกว่า 24 ชั่วโมง

 

"ถือว่า ศาลได้ให้มิติใหม่ในสังคม  แต่คดีนี้มีการฟ้องศาลแพ่งที่ศาลจ.ประจวบคีรีขันธ์ด้วย  และชาวบ้านจะต้องขึ้นศาลในเดือนก.ย.นี้อีกครั้งหนึ่ง  ซึ่งถูกเรียกร้องค่าเสียหาย 2 ล้านกว่าบาท  ตอนนี้อยู่ระหว่างการสืบพยานโจทย์"  นางกรณ์อุมา  เล่าถึงดดีที่ยังไม่ได้จบสิ้นเพียงวันนี้

 

ขณะเดียวกัน  นางจินตนา  แก้วขาว  ประธานกลุ่มอนุรักษ์ฯ บ้านกรูด  แสดงความเห็นว่า  วันนี้ชาวบ้านคาดหวังว่าศาลจะยกฟ้องจำเลยทั้งหมด  เพราะชาวบ้านเป็นคนในพื้นที่และเป็นผู้เห็นเหตุการณ์เชื่อมั่นว่าไม่มีใครทำผิด  แต่ให้คนนอกเหตุการณ์มาตัดสิน  จึงไม่ได้ดังใจชาวบ้าน

 

"วันนี้ชาวบ้านไม่ได้มากดดัน แต่ชาวบ้านคาดหวังที่จะมารับรู้ความเป็นจริง  ซึ่งถ้ามากดดันก็คงเรียกร้องให้ศาลยกฟ้องไปแล้ว  โดยตามธรรมดาชาวบ้านก็มาอยู่แล้ว  แต่วันนี้เป็นวันพิพากษาคดีจึงคึกคักกว่าเดิม  ชาวบ้านกลัวว่าศาลจะไม่ให้ความเป็นธรรม  ส่วนหนึ่งชาวบ้านก็คาดการณ์ว่าคดีจะเจริญรอยตามเยาวชนที่อำเภอจะนะ  จ.สงขลา  ที่ถูกพิพากษาลงโทษตามข้อกล่าวหาว่าทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ไปคุ้มกันการก่อสร้างท่อก๊าซไทย-มาเลเซีย  จ.สงขลา ด้วย"  นางจินตนา  กล่าว

 

อย่างไรก็ดี  นางจินตนา  เห็นว่า  การตัดสินคดีในวันนี้นับเป็นทิศทางที่ดี  เท่ากับมีการปรับกระบวนการทางกฎหมายที่ไม่ใช่วัดเฉพาะความผิดทางอาญาเพียงอย่างเดียว แต่ได้ใช้สิ่งแวดล้อมและสิทธิมนุษยชนเข้ามาประกอบด้วย  ตอนนี้ชาวบ้านก็คงไม่ดำเนินการต่อแล้ว  คงเหลือแต่ทางโรงไฟฟ้าที่อาจจะมีการยื่นอุทธรณ์ต่อศาลต่อไปหรือไม่เท่านั้น

 

ด้าน นพ.นิรันดร์  พิทักษ์วัชระ  ส.ว.อุบลราชธานี แสดงทัศนะต่อคำพิพากษาในวันนี้ว่า  คดีนี้ถือเป็นความกรุณาของศาล  ซึ่งถือเป็นมิติใหม่ที่เน้นด้านสิทธิชุมชนที่ได้มีส่วนร่วมในเรื่องการดูแลรักษาทรัพยากร

 

"คำตัดสินวันนี้ทำให้ชาวบ้านมีกำลังใจต่อสู้ต่อไป  และทำให้ทุกส่วนเห็นว่าทรัพยากรเป็นของส่วนรวมไม่ใช่ของตัวบุคคล  ซึ่งพวกเขาต่อสู้เพื่อส่วนรวม  โดยการคัดค้านเป็นไปเพื่อปกป้องทรัพยากรอันเป็นสิทธิของชุมชน

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท