เป็นที่ทราบกันดีว่า ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง ได้เกิด"ขบวนการเสรีไทย" ซึ่งเป็นองค์การลับใต้ดินของคนไทยผู้รักชาติและเอกราชอธิปไตยของประเทศไทย โดยมีนายปรีดี พนมยงค์ เป็นหัวหน้าขบวนการ ได้ทำเอกราชปกป้องอธิปไตยด้วยความกล้าหาญเสียสละอย่างใหญ่หลวง จนทำให้ประเทศไทยไม่ต้องตกเป็นผู้แพ้สงคราม รัฐบาลไทยไม่ต้องยอมจำนน กองทัพไม่ต้องวางอาวุธ และเมืองไทยไม่ต้องถูกยึดครอง
"ขบวนการเสรีไทย" เป็นการรวมพลังของบรรดาคนไทยผู้มีจิตสำนึกในความเป็นไท ทำงานรับใช้มาตุภูมิในการกอบกู้เอกราชและอธิปไตยของชาติไทย ซึ่งได้รับผลกระทบจาการที่กองทัพญี่ปุ่นได้เข้ามายึดครองประเทศไทยในระหว่างสงครามมหาเอเชียบูรพา
ในครั้งนั้น ไทยเราไม่มีกำลังเพียงพอที่จะต้านทานกองทัพญี่ปุ่นได้ ดังนั้น รัฐบาลไทยจึงมีความจำเป็นที่จะต้องยินยอมให้กองทัพญี่ปุ่นเข้ามาในประเทศไทย และส่วนหนึ่งก็เคลื่อนเข้าไปยึดครองดินแดนที่อยู่ติดกับประเทศไทย ซึ่งขณะนั้นอยู่ในความปกครองของอังกฤษ
เนื่องจากในช่วงแรกของสงคราม กองทัพญี่ปุ่นมีความได้เปรียบในการยุทธ และสามารถยึดครองดินแดนส่วนใหญ่ในภาคพื้นเอเชียอาคเนย์ได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว ซึ่งในขณะเดียวกันก็เรียกร้องความร่วมมือจากไทยในทุกๆ ด้าน รัฐบาลไทยในขณะนั้น เห็นว่าเมื่อไม่สามารถจะต่อต้านจากการยึดครองเบ็ดเสร็จของญี่ปุ่นที่อาจจะหลีกเลี่ยงไม่พ้น
ในวันที่ 21 ธันวาคม 2484 ภายหลังที่กองทัพญี่ปุ่นได้บุกประเทศไทยได้ 13 วัน ญี่ปุ่นกับไทยก็ได้ลงนามในกติกาสัญญาเป็นพันธมิตรกันทั้งในทางการทหาร การเมือง และการเศรษฐกิจ ต่อมาในวันที่ 25 มกราคม 2485 ประเทศไทยก็ได้ประกาศสงครามต่ออังกฤษ และสหรัฐอเมริกา ซึ่งหมายถึงว่าไทยได้เข้าร่วมสงครามเป็นฝ่ายญี่ปุ่นทั้งโดยนิตินัยและพฤตินัย
"ขบวนการเสรีไทย" ซึ่งได้ก่อกำเนิดตั้งแต่วันที่ 8 ธันวาคม 2484 เมื่อกองทัพญี่ปุ่นได้บุกประเทศไทย มีความเชื่อมั่นว่าแม้นกองทัพญี่ปุ่นจะเป็นฝ่ายได้เปรียบในการรบ เพราะเป็นฝ่ายเปิดฉากสงคราม แต่ในที่สุดญี่ปุ่นก็ต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้
ดังนั้น ประเทศไทยจะต้องหลีกเลี่ยงการล่มหัวจมท้ายกับญี่ปุ่น มิฉะนั้นก็จะต้องเป็นฝ่ายแพ้สงครามไปด้วย ซึ่งในขณะเดียวกัน ก็จะต้องพยายามติดต่อทำความเข้าใจกับฝ่ายสัมพันธมิตรอันได้แก่ สหรัฐอเมริกา จีนและประเทศอื่นๆ ว่าประเทศไทยและประชาชนคนไทย มิได้เห็นดีเห็นชอบกับการทำสงครามของญี่ปุ่น และมีความพร้อมที่จะร่วมมือกับฝ่ายสัมพันธมิตรในการต่อต้านญี่ปุ่นทุกวิถีทาง ในระหว่างเวลา 3 ปีครึ่งของสงครามมหาเอเชียบูรพา
ขบวนการเสรีไทยได้กระทำทุกอย่างตามเจตนารมณ์ดังกล่าวข้างต้น ปฏิบัติการทางการทหารที่แสดงความกล้าหาญ ท่ามกลางการเสี่ยงอันตรายด้วยเอาชีวิตเป็นเดิมพันของสมาชิกขบวนการเสรีไทย ความสุขุมรอบคอบ และเฉียบขาดในการตัดสินใจดำเนินการทางการทูตและการเมือง อีกทั้งความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของบรรดาคนไทยผู้รักชาติเหล่านี้ ได้สร้างความประทับใจในความจริงใจของขบวนการเสรีไทยแก่ฝ่ายสัมพันธมิตร
ดังนั้น เมื่อญี่ปุ่นได้ยอมจำนนโดยปราศจากเงื่อนไขเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2488 ฝ่ายสัมพันธมิตรจึงได้แจ้งให้ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ในรัชกาลที่ 8 ซึ่งเป็นหัวหน้าขบวนการเสรีไทยว่า สัมพันธมิตรไม่ถือว่าประเทศไทยเป็นผู้แพ้สงคราม ประเทศไทยไม่ต้องถูกยึดครอง กองทัพไทยไม่ต้องวางอาวุธ และรัฐบาลไทยไม่ต้องยอมจำนน
สัมพันธมิตรขอให้ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ "ประกาศสันติภาพ" ลบล้างข้อผูกพันทั้งหลายทั้งปวงที่รัฐบาลไทยในสมัยหนึ่งได้ทำไว้กับญี่ปุ่น รวมทั้งการประกาศสงครามต่อต้านฝ่ายสัมพันธมิตร และให้ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยกับนานาประเทศกลับคืนสู่สถานภาพเมื่อก่อนสงครามในวันที่ 8 ธันวาคม 2484
นายปรีดี พนมยงค์ ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ในพระปรมาภิไธย สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล ได้ประกาศสันติภาพ โดยมีสาระสำคัญว่า เมื่อกองทัพญี่ปุ่นยาตราเข้าสู่ประเทศไทย เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ.2488 ซึ่งแสดงว่า การประกาศสงครามต่ออังกฤษและสหรัฐอเมริกา โดยจอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2485 ตลอดจนการกระทำทั้งหลายที่เป็นปรปักษ์ต่อสหประชาชาตินั้น เป็น "การกระทำอันผิดจากเจตจำนงของประชาชนชาวไทย และฝ่าฝืนขืนขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญและกฎหมายบ้านเมือง" และคนไทยทั้งภายในและภายนอกประเทศก็ได้กระทำทุกวิถีทางในการช่วยเหลือสหประชาชาติ
ดังนั้น "ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ในพระปรมาภิไธยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงขอประกาศโดยเปิดเผยแทนประชาชนชาวไทยว่า การประกาศสงครามต่อสหรัฐอเมริกาและบริเตนใหญ่เป็นโมฆะ ไม่ผูกพันประชาชนชาวไทย"
และ "ประเทศไทยได้ตัดสินที่จะกลับคืนมาซึ่งสัมพันธไมตรีอันดีอันเคยมีมากับสหประชาชาติ ในการสถาปนาเสถียรภาพในโลกนี้" นอกจากนั้น "บรรดาดินแดนซึ่งญี่ปุ่นได้มอบให้ไทยครอบครอง ก็พร้อมที่จะมอบคืนให้อังกฤษและบรรดาความเสียหายใดๆ ก็จะชดใช้ให้โดยมิชอบ" นายทวี บุณยเกตุ เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
และเมื่อสิ้นสุดภารกิจลงแล้ว นายปรีดี พนมยงค์ ในฐานะหัวหน้าขบวนการเสรีไทย ได้ประกาศยกเลิกขบวนการ เมื่อวันที่ 25 กันยายน พ.ศ.2448 โดยได้กล่าวว่า "สิ่งที่เหลืออยู่ในความทรงจำของเราทั้งหลาย ก็คือมิตรภาพอันดีในทางส่วนตัวที่เราได้ร่วมรับใช้ชาติด้วยกัน" และ "ผู้ที่ได้ร่วมงานกับข้าพเจ้าคราวนี้ ถือว่าทำหน้าที่เป็นผู้รับใช้ชาติ มิได้ถือว่าทำหน้าที่เป็นผู้กู้ชาติ การกู้ชาติเป็นการกระทำของคนไทยทั้งปวงซึ่งแม้ผู้ไม่ได้เข้าร่วมในองค์การนี้โดยตรง ก็ยังมีอีกประมาณ 17 ล้านคน ที่ได้กระทำโดยอิสระของตน ในการต่อต้านด้วยวิถีทางที่เขาเหล่านั้นสามารถทำได้"
ปัจจุบัน รัฐบาลได้กำหนดให้วันที่ 16 สิงหาคม เป็น "วันสันติภาพไทย" และเป็นวันที่รำลึกถึงวีรกรรมกู้ชาติของขบวนการเสรีไทย ซึ่งมีความสำคัญยิ่งในประวัติศาสตร์ชาติไทย
ต่อมารัฐบาลโดยกรุงเทพมหานครได้จัดสร้าง "สวนเสรีไทย" ในเขตบึงกุ่ม เพื่อเป็นอนุสรณ์แก่ขบวนการเสรีไทย และบัดนี้ก็ได้ก่อสร้างอาคารเสรีไทยอนุสรณ์ ณ สวนเสรีไทย โดยจำลองแบบจากทำเนียบผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ที่ท่าช้างวังหน้า ซึ่งเป็นศูนย์บัญชาการของขบวนการเสรีไทยขึ้น
เหตุการณ์อันเกี่ยวกับขบวนการเสรีไทยได้ผ่านพ้นไป 60 ปีแล้ว ซึ่งส่วนใหญ่ของบุคคลที่อยู่ในเหตุการณ์ได้ล่วงลับไปแล้ว อย่างไรก็ตาม เรื่องราวของขบวนการเสรีไทยจะต้องคงอยู่เป็นตำนานในประวัติศาสตร์ของชนชาติไทยชั่วฟ้าดินสลาย ซึ่งการสืบทอดเรื่องราวในตำนานเสรีไทยจะต้องเป็นภารกิจอันสูงส่งของบรรดาเยาวชน ทั่งในปัจจุบันและในอนาคต
ที่มาข้อมูล : ตำนานเสรีไทย The FREETHAI Legend รวบรวมโดย : ดร.วิชิตวงศ์ ณ ป้อมเพชร ราชบัณฑิต บรรณาธิการโดย : เริงไชย พุทธาโร จัดพิมพ์โดย: บริษัท สำนักพิมพ์แสงดาว จำกัด
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)