Skip to main content
sharethis
ประชาธิปไตยทางตรงในชุมชนเพื่อปกป้องทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมในท้องถิ่น กรณีตัวอย่างข้อบัญญัติตำบลเขาหลวง การยกระดับการต่อสู้เพื่อปกป้องถิ่นฐาน ตามวิถีทางประชาธิปไตยทางตรง ด้วยอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายในการออกมาตรการควบคุมการใช้ทรัพยากรในท้องถิ่นอย่างยั่งยืน
 
 
 
 
 
“...ข้อบัญญัติตำบลเขาหลวง คือการยกระดับการต่อสู้เพื่อปกป้องถิ่นฐาน สู่การใช้สิทธิตามวิถีทางประชาธิปไตยทางตรง ด้วยอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายในการออกมาตรการควบคุมการใช้ทรัพยากรในท้องถิ่นอย่างยั่งยืนและเป็นประโยชน์ต่อชุมชน เพื่อให้ท้องถิ่นได้กำหนดความเป็นอยู่ การดำรงชีวิตทั้งปัจจุบันและอนาคต” วิทูวัจน์ ทองบุ จาก ศูนย์กฎหมายสิทธิมนุษยชนเพื่อสังคม
 
ภายใต้ปัญหาความเสื่อมโทรมของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากการแย่งชิงทรัพยากรของชนบทสู่เมือง สถานการณ์เหล่านี้ได้สั่งสมมาและแสดงความรุนแรงให้เห็นอย่างชัดแจ้งในท้องที่ต่างๆ ทั่วประเทศ จนนำไปสู่หลักการในการกระจายอำนาจจากศูนย์กลางสู่ท้องถิ่น เพื่อให้อำนาจท้องถิ่นได้บริหารจัดการและกำหนดวิถีชีวิตของตนเอง นับเป็นพัฒนาการของระบอบประชาธิปไตยที่เน้นความเสมอภาคกันของประชาชน
 
ภายใต้โครงสร้างขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ที่ได้รับอำนาจในการถ่ายโอนภารกิจจากหน่วยงานต่างๆ กว่า 275 รายการ ในกว่า 11 กระทรวง หัวใจสำคัญหลัก คือ การจัดการบริการสาธารณะและการแก้ปัญหาในพื้นที่ให้แก่ประชาชน หรือที่เรียกว่าประเด็นปัญหาสาธารณะ ซึ่งในเขตตำบลเขาหลวงประชาชนในท้องถิ่นมีประเด็นปัญหาที่หลากหลาย ทั้งสารพิษปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อม มลพิษทางดินน้ำอากาศ การคมนาคม การใช้ถนน การขนส่งผลิตผลทางการเกษตร และสาธารณะสุข
 
ประเด็นปัญหาสาธารณะในหลายๆ ด้านเหล่านี้ ล้วนเกี่ยวข้องกับการประกอบกิจการที่ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตและเป็นอันตรายต่อสุขภาพ อีกทั้งในพื้นที่ยังมีทรัพยากรธรรมชาติที่เป็นเป้าหมายเพื่อจะนำไปพัฒนาเศรษฐกิจ แต่ด้านหนึ่งก็เป็นทรัพยากรที่มีคุณค่าความสำคัญต่อการดำรงชีวิตของประชาชนในตำบล ทั้งทางด้านประเพณี วัฒนธรรม และวิถีชีวิต
 
เมื่อต้นปีที่ผ่านมา หลังการประกาศใช้ ระเบียบชุมชนว่าด้วยการใช้ถนนชุมชนและการควบคุมน้ำหนักบรรทุก โดยห้ามรถบรรทุกเกิน 15 ตัน ใช้ถนนสาธารณะของชุมชนในการขนสารเคมีอันตราย และการขนแร่จากแหล่งอื่นผ่านถนนในชุมชน ซึ่งเป็นประชามติจาก 6 หมู่บ้าน
 
และหลังการปรึกษาหารือของชุมชนโดยรอบในเรื่องความต้องการที่จะยกร่างข้อบัญญัติตำบลเขาหลวงตามความต้องการของชุมชนมาจนสุกงอม กระบวนการในการจัดทำร่างข้อบัญญัติตำบลเขาหลวงได้เริ่มต้น
 
วิทูวัจน์ ทองบุ นักกฎหมายจาก ศูนย์กฎหมายสิทธิมนุษยชนเพื่อสังคม ที่อาสามาเป็นกระบวนกรในการร่างข้อบัญญัติตำบลเขาหลวง แสดงความเห็นต่อความเคลื่อนไหวในการออกข้อบัญญัติตำบลเขาหลวงครั้งนี้มีที่มาจากการประกอบกิจการเหมืองแร่ที่เป็นอันตรายและเสี่ยงต่อการละเมิดสิทธิของประชาชน ซึ่งรัฐต้องมีมาตราการควบคุมดูแลเป็นพิเศษ แต่การรวมศูนย์ในการตัดสินใจและการควบคุมดูแลนั้นแสดงให้เห็นชัดในท้องถิ่นว่า ไม่มีประสิทธิภาพ คุ้มครองสิทธิของประชาชนไม่ได้
 
“ความล้มเหลวจากการปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยงานรัฐส่วนกลางที่ละเลยสิทธิของประชาชน สิทธิของชุมชน และความตระหนักของชุมชนที่เห็นความสำคัญของหลักการมีส่วนร่วมของประชาชนในการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น ซึ่งเป็นการบริหารจัดการท้องถิ่นที่เกิดขึ้นจากความต้องการของประชาชนในท้องถิ่น เพื่อแก้ปัญหาที่มีในชุมชนได้อย่างแท้จริง ข้อบัญญัติตำบลเขาหลวง คือการยกระดับการต่อสู้เพื่อปกป้องถิ่นฐาน สู่การใช้สิทธิตามวิถีทางประชาธิปไตยทางตรง ด้วยอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายในการออกมาตรการควบคุมการใช้ทรัพยากรในท้องถิ่นอย่างยั่งยืนและเป็นประโยชน์ต่อชุมชน เพื่อให้ท้องถิ่นได้กำหนดความเป็นอยู่ การดำรงชีวิตทั้งปัจจุบันและอนาคต”
 
ตลอดเวลากว่าสามเดือนที่ผ่านมา คณะทำงานจากชุมชนในตำบล ร่วมกับสมาชิกสภา อบต. เขาหลวง ได้เริ่มวางเค้าโครงกิจกรรมเพื่อร่างข้อบัญญัติฯ โดยยึดมั่นในกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่ทั้งด้านการให้ข้อมูลที่ครบถ้วน การรับฟังความคิดเห็นต่อปัญหาและความต้องการอย่างทั่วถึง การเปิดโอกาสให้มีส่วนร่วมในการเสนอข้อเสนอในเรื่องต่างๆ เข้าสู่การพิจารณาที่จะต้องเปิดกว้างให้ทุกคนได้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจ และสุดท้ายที่มีความสำคัญมากที่สุด คือการเสริมอำนาจให้แก่ประชาชน โดยการให้อำนาจการตัดสินใจแก่ประชาชนต่อการแสดงความเห็น หรือพิจารณาต่อร่างข้อบัญญัติฯ ได้อย่างทั่วถึงทั้งตำบลอย่างอิสระ
 
ส่วนขั้นตอนระหว่างการทำความเข้าใจในรายละเอียดเรื่องข้อบัญญัติฯ ให้กับชุมชน คณะทำงานจะเชิญผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านทั้ง อาจารย์ทางกฎหมาย นักวิชาการ นักกฎหมายจากภายนอกมาให้ความรู้และช่วยตรวจสอบช่องว่างและความชอบธรรมทางกฎหมายอย่างเข้มข้น
 
รวมทั้งจะมีนักศึกษากฎหมาย ดาวดิน และสาขาวิชาที่เกี่ยวข้องจากมหาวิทยาลัยขอนแก่น ที่มีความสนใจในประเด็นปัญหาในตำบลเขาหลวงมาลงพื้นที่เพื่อทำการประชาสัมพันธ์ รวมรวบความคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็นปัญหาสาธารณะ และทำความเข้าใจกับประชาชนในท้องถิ่นในการจัดทำข้อบัญญัติฯ แบบเจาะลึก 
 
ฉัตรชัย แก่งจำปา สมาชิกสภาตำบล หนึ่งในคณะทำงานกล่าวถึงข้อบัญญัติตำบลเขาหลวงในครั้งนี้ คือ “อำนาจหน้าที่ตามกฎหมายของชุมชนที่สามารถจะออกมาตรการควบคุมการใช้ทรัพยากรในท้องถิ่นอย่างยั่งยืนและเป็นประโยชน์อย่างแท้จริงต่อชุมชน”
 
ฉัตรชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า ข้อบัญญัติฯ จะเป็นกลไกสำคัญในการจัดการบริการสาธารณะแก่ชุมชนของตนเองที่ประชาชนสามารถทำให้เกิดขึ้นได้จริง เพื่อให้ความต้องการของแต่ละชุมชนที่แตกต่างกันได้รับการตอบสนองอย่างรวดเร็วและเหมาะสมกับสภาพและความต้องการที่แตกต่างกันไปของแต่ละชุมชน ซึ่งจะมีทั้งปัญหาเฉพาะชุมชน ปัญหาสาธารณะที่ชุมชนมีร่วมกัน การดูแลป้องกันปัญหาต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และอาจจะมีการเพิ่มมาตราการอื่นๆ ในข้อบัญญัติฯ อันไม่เป็นการขัดต่อกฎหมาย เช่น การเพิ่มกลไกการรับฟังความคิดเห็นจากชุมชน โดยกำหนดระเบียบการทำการประชามติให้ชัดเจน โดยให้ความสำคัญกับสิทธิชุมชนและการตัดสินตามเจตจำนงของชุมชนมาเป็นอันดับแรก หรือจะเป็นการเพิ่มกลไกคณะกรรมการระดับหมู่บ้าน หรือตำบล ในการตัดสินใจต่อเรื่องใดเรื่องหนึ่งซึ่งอยู่ในอำนาจของ อปท.
 
ด้าน มนตรี คำไล้ สมาชิกสภาตำบล อีกหนึ่งในคณะทำงาน ยกตัวอย่างผลกระทบจากการทำเหมืองแร่ทองคำ ปัญหาใหญ่ของชุมชนในตำบลเขาหลวง ซึ่งเกิดจากนโยบายของรัฐบาล และกฎหมายจากส่วนกลางที่หน่วยงานราชการทำขึ้นเพื่อเอื้อประโยชน์ให้นายทุนโดยไม่คำนึงว่าจะสร้างปัญหาความเดือดร้อนให้ชุมชนในพื้นที่อย่างไร ดังจะเห็นได้ว่า หลายปีที่ผ่านมาผลกระทบจากกิจการเหมืองทองไม่ได้รับการแก้ไขจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อีกทั้งชาวบ้านในพื้นที่ที่ลุกขึ้นมาปกป้องทรัพยากร สุขภาพ และวิถีชีวิตของตนกลับถูกฟ้องคดีแพ่งและอาญาถึง 7 คดี เรียกค่าเสียหาย 270 ล้านบาท
 
เมื่อรัฐธรรมนูญให้อำนาจชุมชนในการจัดการ บำรุงรักษา การใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ และเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้าไปมีส่วนร่วมในการพิจารณาโครงการหรือกิจกรรมที่อาจจะส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิต คุณภาพสิ่งแวดล้อม หรือสุขภาพอนามัยของชุมชนทั้งในพื้นที่ของคนเองและนอกพื้นที่ ซึ่งรับรองสิทธิของประชาชนในชุมชนที่จะเสนอข้อบัญญัติชุมชน ตามมาตรา 286 โดยประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีสิทธิเข้าชื่อร้องขอต่อประธานสภาท้องถิ่น เพื่อให้สภาท้องถิ่นพิจารณาออกข้อบัญญัติท้องถิ่นได้
 
ข้อบัญญัติฯ ที่ยกร่างขึ้นมานี้ก็จะเป็นก้าวแรกแห่งความเสมอภาคกันตามกฎหมายของประชาชนที่ประชาชนเองเป็นผู้สร้างขึ้น และจะเป็นเครื่องมือที่ชุมชนท้องถิ่นนำมาใช้ในการดูแล ควบคุม ปกป้องสิทธิ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และวิถีชีวิตไม่ให้ถูกละเมิดหรือถูกทำลายเหมือนอดีตที่ผ่านมา
 
“เมื่อได้ร่างข้อบัญญัติตำบลเขาหลวงที่มีที่มาและกระบวนการในการทำร่างฯ มาจากความต้องการของประชาชนในตำบลเขาหลวงแล้ว ก็จะมีขั้นตอนตรวจสอบร่างฯ โดยนำร่างฯ ที่ได้มาไปเสนอต่อชุมชนผ่านเวทีวิพากษ์ร่างข้อบัญญัติ เพื่อรับฟังความเห็นจากประชาชนเพิ่มเติมในทุกหมู่บ้าน จากนั้นสมาชิกสภาตำบลจะนำร่างข้อบัญญัติตำบลเขาหลวงที่ได้เสนอเข้าสู่การพิจารณาของสภาตำบลตามกระบวนการออกข้อบัญญัติท้องถิ่นตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกำหนดไว้
 
“หากข้อบัญญัติฯ ซึ่งเป็นกฎหมายที่ประชาชนทุกคนต้องการและทำร่วมกันมาผ่านขั้นตอนต่างๆ จนมีการประกาศใช้ ก็จะช่วยให้เราสามารถแก้ปัญหาต่างๆ ในชุมชนได้ตามหลักการการมีส่วนร่วมของประชาชนได้อย่างแท้จริง” มนตรี กล่าว
 
ติดตาม ลำดับเหตุการณ์ ความคืบหน้าคดี สถานการณ์เหมืองทองเมืองเลย ได้ที่ loeiminingtown.org และ https://www.facebook.com/loeiminingtown

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net