ประชาไท8 ส.ค.48 กรมเจรจาการค้าฯ ระบุปัญหาเอฟทีเอ เลิกสนใจใครได้-เสียประโยชน์ แต่ต้องเน้นความพร้อมการปรับตัว เน้นความโปร่งใสในกติกาภายในระหว่างรัฐ-เอกชน
วันนี้ในเวทีสัมมนาเรื่อง "นโยบายการค้าระหว่างประเทศของไทย: ปัจจุบันและอนาคต" ที่คณะเศรษฐ ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดย ดร.
ดร.ภาวิญญ์ กล่าวถึงการเปิดเอฟทีเอว่า "ผมฟันธง เปิดไม่เปิดไม่ใช่คำถาม และต้องเปิดต่อไป เพราะรัฐบาลมุ่งหน้าใช้ยุทธศาสตร์เอฟทีเอเป็นตัวชูโรง ผมเชื่อว่าไทยดำเนินต่อไปแน่ทั้งทวิภาคีและในภูมิภาค ซึ่งมันไม่สำคัญ แต่สำคัญอยู่ที่ผู้ประกอบการหรือบรรดาชาวนา จะปรับตัวอย่างไรต่อกระแสการเปิดเสรี ที่จะต้องรองรับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้มากกว่า"
อย่างไรก็ตาม นักวิชาการจากกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศเห็นว่า ประเด็นต่อจากนี้ไปขึ้นอยู่กับการดำเนินการและการรับรู้ของประชาชน ซึ่งนโยบายนำหน้าไปไกลแล้ว ส่วนอื่นก็ต้องปรับตัวตาม สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือใน 10-15 ปีนี้ ประเทศไทยจะให้ความสำคัญกับการเจรจาในองค์การการค้าโลก (WTO) มากขึ้น แต่ขณะนี้มาตรการที่ต้องต่อสู้ในระดับทวิภาคีก็ต้องคุยกันมากขึ้น
"ท้ายที่สุดไทยจะกลับสู่บ้านเก่า และจะปฏิรูปอีกครั้งเมื่อตลาดสำคัญเราได้เปิดไปหมดแล้ว ถ้าเรากลับไปใน WTO ก็ง่ายขึ้น ผมเห็นว่าเมื่อเราทำเอฟทีเอกับสหรัฐแล้ว ต่อไปเราก็จะทำได้กับทุกประเทศทั่วโลก" ดร.ภาวิญญ์กล่าว
ด้านนางจันทวรรณ สุจริตกุล ผู้อำนวยการฝ่ายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ธนาคารแห่งประเทศไทย มองว่า โครงสร้างด้านกฎหมายที่ประเทศไทยยังต้องปรับยังมีอีกมาก ซึ่งต้องใช้เวลาและต้องมีความโปร่งใสด้วย เมื่อทุกคนเห็นประโยชน์นโยบายการค้าระหว่างประเทศแล้ว กฎหมายก็จำเป็นต้องมีการหารือกับภาคเอกชนด้วย ขณะที่เอฟทีเอรุกคืบเข้ามา มีเรื่องใหม่ที่เรายังต้องปรับตัวการทำงานค่อนข้างเยอะ
"โดยรวมความโปร่งใส กลไกความพร้อมในการปฏิบัติ และการหารือกับเอกชน ต้องสร้างให้เกิดขึ้น ไม่เช่นนั้นจะเกิดการฟ้องร้องขึ้นได้ ทุกฝ่ายต้องหารือกันอย่างใกล้ชิด เพราะเป็นเรื่องของการปรับตัวของกลไกการทำงานเพื่อให้ทุกคนเข้าใจตรงกัน" นางจันทวรรณกล่าว
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)