Skip to main content
sharethis

เครื่องตรวจหาสารวัตถุระเบิด “จีที 200” ถูกวิภาควิจารณ์ถึงประสิทธิภาพอย่างมาก หลังจากความผิดพลาดจนเกิดเหตุการณ์ระเบิด 2 ครั้ง ติดกันในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้เมื่อช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งแม้จะมีการให้ข่าวกล่าวอ้างว่าเป็นความผิดของผู้ใช้งาน แต่ความเสียหายนั้นไม่ได้อยู่แค่เฉพาะกรณีที่เกิดขึ้น และไม่ใช่เพียงการตั้งคำถามถึงตัวเงินและระบบการจัดซื้อจัดจาง แต่มันได้สั่นคลอนความรู้สึกที่อ่อนไหวของคนในพื้นที่กับการแก้ปัญหาสถานการณ์ภาคใต้ของรัฐ และความผิดพลาดที่เกิดมาก่อนหน้านี้ ซึ่งอาจจะเกิดต่อไปอีกหากอุปกรณ์นี้ยังไม่ได้รับการตรวจสอบ

เมื่อวันที่ 15 พ.ย.52 สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยร่วมกับ สถาบันอิศรา จัดราชดำเนินเสวนา ครั้งที่ 15/2552 “เครื่องตรวจระเบิด จีที 200 ประสิทธิภาพเต็มร้อยจริงหรือ?” โดยมีแพทย์หญิงคุณหญิง พรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม นายจุฬา พิทยาภินันท์ นิสิตปริญญาเอก คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นางอังคณา นีละไพจิตร ประธานคณะทำงานยุติธรรมเพื่อสันติภาพ และผู้แทนประชาชนที่เคยได้รับผลกระทบจากเครื่อง จีที 200 ร่วมให้ข้อมูล

“หมอพรทิพย์” ชี้เครื่อง “จีที 200” หาเป้าระเบิดได้ผล แต่คนใช้ต้องผ่านการฝึก
พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ซึ่งมีประสบการณ์และถือเป็นผู้ชำนาญการในการใช้เครื่องดังกล่าว ให้ข้อมูลถึงเครื่องจีที 200 ว่า เครื่องมือดังกล่าวเป็นเครื่องมือตรวจสอบในเบื้องต้นไม่ได้ใช้ในการยืนยัน และมีความเซนซิทีฟสูง สามารถตรวจได้ระยะไกลมาก โดยที่มีความแม่นยำระดับหนึ่ง เหมาะกับการชี้เป้า และไม่ใช่เครื่องมือตรวจสอบคุณสมบัติทางเคมีของสารระเบิด แต่ใช้พลังสนามแม่เหล็กจากตัวคนเพื่อค้นหาสนามแม่เหล็กของสสารที่ต้องการตรวจจับ ซึ่งความแม่นยำขึ้นอยู่กับตัวแปร คือผู้ใช้ด้วย ไม่สามารถบอกได้ว่าได้ผล 100 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้ในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้มีการใช้เครื่อง จีที 200 ในการตรวจหาสารระเบิด กระสุนปืน สารเสพย์ติด และศพผู้เสียชีวิต ซึ่งก็ได้ผลดี

ในส่วนความผิดพลาดที่เกิดขึ้น พญ.คุณหญิงพรทิพย์ กล่าวว่าจากประสบการณ์ที่ใช้เครื่องนี้อยู่ ความแม่นยำของเครื่องขึ้นกับสมาธิของผู้ใช้และการฝึกฝน การใช้งานจึงต้องให้เจ้าหน้าที่ที่ไว้ใจได้ อย่างไรก็ตามยังยืนยันว่าเครื่องนี้ใช้งานได้และจำเป็นต้องมีเนื่องจากทำให้เจ้าหน้าที่ทำงานได้ง่ายขึ้น ทำให้กลุ่มเป้าหมายแคบเข้า

“เมื่อเรารู้ว่าจีที 200 เป็นเครื่องมือใช้เพื่อชี้เป้า แต่มันไม่ใช่เครื่องมือชี้เป็นชี้ตาย จำเป็นจะต้องให้ทหารตำรวจทุกคนรู้ว่าเครื่องมือนี้ใช้ชี้ว่ามี แต่ต้องมีการยืนยันด้วยวิธีอื่นอีก” พญ.คุณหญิงพรทิพย์ กล่าว พร้อมย้ำถึงกระบวนการพิสูจน์ทราบซ้ำ
 
สำหรับกระบวนการทำงานของเจ้าหน้าที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ที่ประกบทหาร พญ.คุณหญิงพรทิพย์ กล่าวว่า หากพบบ้านต้องสงสัยว่ามีความเกี่ยวข้องกับระเบิด ควรจะเริ่มต้นด้วยการเอาเครื่อง จีที 200 ชี้เป้า โดยเจ้าหน้าที่นิติวิทยาศาสตร์เป็นผู้ดำเนินการ หากเครื่องไม่ชี้ก็ต้องให้เกียรติ อย่าเพิ่งค้น ต้องมีหลักฐานอย่างอื่นก่อน และการตรวจต้องไม่เป็นไปในลักษณะละเมิดคือเจ้าของบ้านจะต้องอยู่ แต่ในระยะหลังเมื่อผู้ที่ไม่ได้ฝึกฝนนำไปใช้ก็อาจมีความผิดพลาด

แจงกรณีปุ๋ยยูเรีย ยันไม่จับมั่วชาวบ้าน
พญ.คุณหญิงพรทิพย์ กล่าวถึงกรณีปุ๋ยยูเรียที่นำมาประกอบระเบิดได้ ซึ่งในจังหวัดชายแดนภาคใต้มีการใช้เพื่อการเกษตร ทำให้เกิดความหวั่นเกรงว่าเครื่องจีที 200 อาจแสดงผลตรวจพบสารระเบิดทั้งที่จริงเป็นเพียงปุ๋ยว่า ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้การ์ดที่ใส่กับตัวเครื่องจีที 200 เพื่อหาสสารที่ต้องการไม่ใส่การ์ดไนเตรท เพราะเป็นสารที่ใช้ทางการเกษตร เป็นส่วนผสมของปุ๋ย แต่เครื่องก็ยังสามารถตรวจหาระเบิดได้ เพราะมีการ์ดที่ตรวจหาทีเอ็นที หรืออาร์ดีเอ็กซ์ ซึ่งเป็นสารประกอบในเชื้อปะทุกับดินขยาย ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของระเบิดเช่นกัน

ย้ำทดลองแล้วได้ผลจึงนำมาใช้ ชี้มีใช้ดีกว่าไม่มี
พญ.คุณหญิงพรทิพย์ กล่าวด้วยว่า ในฐานะที่เป็นนักวิทยาศาสตร์ แรกๆ ที่เห็นเครื่องมือชนิดนี้ก็ไม่ได้เชื่อว่าจะใช้ได้ผลจริง แต่เมื่อนำไปปฏิบัติพบว่าใช้งานได้ดี อย่างไรก็ตาม สถาบันฯ ไม่ได้ใช้เครื่องมือนี้เป็นหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ เป็นแต่เพียงใช้ตรวจชี้เป้าเท่านั้น ขอบอกว่าเครื่องจีที 200 ไม่ใช่เครื่องมือวิทยาศาสตร์ 100 เปอร์เซ็นต์ และไม่สามารถนำไปใช้เป็นหลักฐานยืนยันในกระบวนการยุติธรรมได้

อย่างไรก็ตามยังยืนยันว่าจะใช้เครื่องมือดังกล่าวเพราะถือเป็นเครื่องมือบ่งชี้ที่เป็นวิทยาศาสตร์ดีกว่าการเชื่อตามคำพูดว่าบ้านนี้เป็นแนวร่วม บ้านนี้ทำระเบิด อีกทั้งประสบการณ์ของทีมที่ใช้ทำให้ได้วงจำกัด คือได้งานง่ายขึ้น แต่ก็อยู่บนเงื่อนไขที่ไม่ไว้ใจคนอื่น ไม่เคยให้ทหารถือ ต้องเป็นชุดนิติวิทยาศาสตร์เท่านั้น การที่หน่วยทหาร ตำรวจซึ่งมีเครื่อง จีที 200 ใช้อย่างกว้างขวางนั้น ไม่สามารถยืนยันความแม่นยำได้ ส่วนการเปลี่ยนเป็นเครื่องมือแบบอื่นต้องมีการศึกษาข้อมูล และที่สำคัญไม่วาจะใช้อุปกรณ์ใดก็ตามผู้ใช้ต้องได้รับการฝึก

สำหรับกรณีที่กระทรวงยุติธรรมสหรัฐส่งหนังสือเตือนมาถึงไทยโดยระบุว่าเครื่องจีที 200 ไม่สามารถใช้เป็นเครื่องมือตรวจระเบิดได้นั้น พญ.คุณหญิงพรทิพย์ กล่าวแสดงความเห็นว่า เชื่อว่าคงเป็นเพราะสหรัฐไม่สามารถคุมคนได้มากกว่า อีกทั้งการใช้งานที่ทำมาเป็นไปเพื่อการตรวจค้นเพื่อให้พื้นที่เป้าหมายแคบเข้า ไม่ได้ใช้แบบทหาร

ทั้งนี้ พญ.คุณหญิงพรทิพย์ กล่าวถึงการเสวนาครั้งนี้ว่าน่าจะเป็นประโยชน์ในการนำเสนอต่อกองทัพและรัฐบาลว่า 1.ไม่ควรใช้เครื่องมือนี้โดยคนที่ไม่ได้รับการฝึกฝน 2.ไม่ควรนำผลที่ได้มาใช้ในงานข่าว เพราะเป็นเพียงข้อมูลในเบื้องต้น และ 3.ไม่ควรใช้ข้อมูลที่ได้ไปเป็นข้อมูลฐานความผิด จนกว่าจะใช้เครื่องมือในการตรวจที่น่าเชื่อถืออีกครั้งหนึ่ง เพราะผลการตรวจมีความคลาดเคลื่อนได้

นักวิทยาศาสตร์เผยการโฆษณาพรรคุณ จีที 200 มีปัญหา
ส่วนนายจุฬา พิทยาภินันท์ ในฐานะผู้ศึกษาเกี่ยวกับเครื่องจีที 200 กล่าวว่าความผิดผลาดของเครื่องมือดังกล่าวมีใน 2 ลักษณะ คือ การรายงานของเครื่องว่าไม่มีระเบิดแต่จริงๆ แล้วมี ดังเช่นข่าวเหตุการณ์ระเบิดที่เกิดขึ้น และการใช้เครื่องตรวจแล้วมีแต่ตรวจค้นแล้วไม่มีซึ่งทำให้เกิดปัญหาในพื้นที่ อย่างไรก็ตามในเชิงวิทยาศาสตร์แม้จะไม่มีความผิดพลาดดังกล่าวมาก่อน แต่จากรูปแบบและคำโฆษณาก็ทำให้เกิดคำถามในเรื่องหลักการทำงานที่ไม่น่าเป็นไปได้ อาทิ การที่เครื่องดังกล่าวทำงานตามหลักการคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (dia/para magnetism) ซึ่งสารทุกสารมีพลังที่จะดูดหรือผลักสารแม่เหล็กได้จริง แต่เป็นกำลังที่อ่อนมาก และการที่จะค้นหาสารได้ในระยะ 700 เมตร ต้องใช้สนามแม่เหล็กที่ใหญ่มาก ต้องใช้ไฟฟ้ามหาศาล แต่เครื่องจีที 200 น้ำหนักเพียง 450 กรัม และยังไม่ใช้แบตเตอร์รี่ จึงไม่น่าที่จะทำงานตามคุณสมบัตินี้ได้จริง

การที่ผู้ขายกล่าวว่าเครื่องเครื่องนี้สามารถตรวจทะลุได้ทุกอย่างไม่มีอะไรสามารถปิดกั้นการตรวจสอบได้แม้กระทั่งตะกั่ว แต่ในความเป็นจริง ตะกั่วเป็นธาตุที่หนัก ใช้ในการกันคลื่นทุกอย่างรวมทั้งรังสีนิวเคลียร์ ดังนั้นจึงเป็นการยากที่จะตรวจทะลุตะกั่วได้ ส่วนที่ระบุว่าเครื่องนี้มีความสูงสามารถตรวจพบสารได้แม้มีปริมาณน้อยมากๆ ในสัดส่วน 1 ส่วนล้านล้านกรัม สามารถตรวจสารเสพติดที่เข้าสู่ร่างกายมาแล้วเป็นเวลาสองสัปดาห์ได้ ในวงการวิทยาศาสตร์ไม่เคยมีเครื่องที่มีความสามารถสูงดังกล่าวแต่มีราคาต่ำมากเพียง 9 แสนบาท มีแต่เครื่องราคาหลักสิบล้าน ขนาดใหญ่มาก และมีกระบวนการเตรียมการที่ยุ่งยากมากกว่าจะตรวจสอบได้ ในขณะที่ประสิทธิภาพการตรวจจับและระบุชนิดสารด้อยกว่าที่ผู้ขายอ้างถึงเครื่องจีที 200

“จริงๆ คนที่ทำได้อย่างที่ จีที 200 ประกาศว่าทำได้ ควรได้รางวัลโนเบล เพราะเป็นนวัตกรรมใหม่ที่ยิ่งใหญ่มาก” นายจุฬากล่า

แจงหลักฐานการในต่างประเทศ ชี้ไม่มีประสิทธิภาพ ใช้ไม่ได้จริง
นายจุฬา ให้ข้อมูลต่อมาว่า ไม่เคยมีการใช้เครื่อง จีที 200 ในองค์กรที่เชื่อถือได้ แม้ผู้ผลิตจะอ้างว่ามีการใช้งานใน 25 ประเทศ แต่มีข้อมูลการยืนยันการใช้งานเพียงไม่กี่ประเทศเท่านั้น เช่น ฟิลิปปินส์ เม็กซิโก อินเดีย ปากีสถาน อิรัก และไทย ในกรณีที่มีการอ้างว่ากระทรวงกลาโหมอังกฤษใช้เครื่องดังกล่าว ได้มีการออกมาปฎิเสธจากกระทรวงกลาโหมอังกฤษแล้วว่าไม่เคยใช้เครื่องดังกล่าว และจะมีการติดต่อไปทางบริษัท Global Technical เพื่อให้เลิกอ้างกองทัพอังกฤษในการโฆษณาขายสินค้า

“หน่วยงานด้านความมั่นคงในต่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกาและอังกฤษ เคยมีการนำเครื่องจีที 200 ไปทดสอบการใช้งานแล้ว ปรากฏว่าไม่สามารถใช้งานได้จริง โดยเฉพาะกระทรวงยุติธรรมของสหรัฐฯ ได้ออกหนังสือเตือนไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า เครื่องจีที 200 ไม่สามารถตรวจระเบิดได้ ซ้ำยังมีการฟ้องร้องฐานหลอกลวงด้วย” นายจุฬา กล่าว

นิสิตปริญญาเอก ยังกล่าวอีกว่าลักษณะเครื่อง จีที 200 ซึ่งเป็นไม้ที่มีเสาอากาศหมุนได้นี้ ถูกเรียกว่าไม้ล้างป่าช้า ซึ่งอุปกรณ์เหล่านี้ถูกกวาดจับไปหลายครั้งแล้วในอเมริกา และถูกผลิตออกมาหลายยี่ห้อ ซึ่งก็มีการโฆษณาคล้าย เครื่อง จีที 200 อีกทั้งมีการใช้งานคล้ายกัน ในส่วน บริษัท Global Technical ซึ่งเป็นผู้ผลิต จีที 200 ในปี 2002 ได้มีการผลิตเครื่อง M.O.L.E ซึ่งมีการกล่าวอ้างสรรพคุณเหมือน เครื่องจีที 200 ทุกประการ นำไปขายในสหรัฐอเมริกา แต่ถูกกระทรวงยุติธรรมสหรัฐทดสอบแล้วพบว่าเครื่องดังกล่าวไม่สามารถใช้งานได้ เมื่อผลการทดลองออกมาเช่นนี้ทางบริษัทจำเลิกขายในอเมริกาแล้วนำมาปรับเปลี่ยนหน้าให้ชื่อใหม่ว่า จีที 200 แล้วนำไปขายในประเทศอื่น ส่วนที่จำหน่ายให้กับประเทศไทยนั้นผ่านบริษัท Avia Satcom

นายจุฬา กล่าวต่อมาถึงเหตุผลที่ว่าทำไมผู้ใช้จึงเชื่อว่าเครื่องมือนี้ใช้ได้ เพราะ 1.ไม่สามารถรู้ได้เมื่อเครื่องตรวจล้มเหลว คือ เมื่อระบิดผ่านด่านตรวจไปได้โดยไม่ระเบิดก็จะไม่รู้ว่าเครื่องล้มเหลว แต่หากบังเอิญตรวจพบก็ไม่อาจรู้ว่านั่นคือจำนวนระเบิดทั้งหมดที่มี 2.เครื่องมือมีรูปแบบการรายงานผลที่กำกวม และขึ้นอยู่กับผู้ใช้ 3.หากหาผิดพลาดสามารถโทษความไวของเครื่องได้เสมอ เพราะอ้างได้ว่าของมี เครื่องหาเจอ แต่คนหาไม่เจอเอง 4.เป็นปรากฎการณ์ทางจิตวิทยาเหมือนผีถ้วยแก้ว เกิดกล้ามเนื้อกระตุกตัวโดยไม่ตั้งใจ ทำให้เสาหันได้ 5.ขาดกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ในการทดสอบเครื่องนี้ ทั้งนี้ เครื่องดังกล่าวสามารถใช้วิธีการทดสอบทางวิทยาศาสตร์อย่างง่ายๆ ได้

“ในชุมชนวิทยาศาสตร์และชุมชนทั่วโลกหลายแห่ง จากหลักฐานที่มี เราไม่เชื่อว่าเครื่องนี้ทำงานได้ ไม่ใช่ว่าไม่มีประสิทธิภาพแต่มันทำงานไม่ได้” นายจุฬากล่าว

เขากล่าวด้วยว่า อย่างไรก็ตาม หลักฐานที่มีทั้งหมดไม่ได้ทำการทดสอบกับเครื่อง จีที 200 โดยตรง แต่ใช้กับเครื่องรุ่นใกล้เคียง และรุ่นก่อนหน้าของบริษัทเดียวกัน ดังนั้นที่ทางชุมชนนักวิทยาศาสตร์อยากจะเห็นก็คือให้มีการทดสอบเครื่องนี้ขึ้น ด้วยวิธีทางวิทยาศาสตร์ที่เชื่อถือได้ ถ้าผลการทดสอบออกมาว่าใช้ได้ตามหลักวิทยาศาสตร์ก็ถือว่าใช้ได้ แต่ถ้าใช้ไม่ได้อยากให้ฝ่ายนิติศาสตร์มีการนำไปดำเนินการต่อ เพราะคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ มีผลกระทบต่องบประมาณชาติ ชีวิตคน และสิทธิมนุษยชน

ส่วนคำถามที่ว่าหากไม่ใช้ เครื่อง จีที 200 จะเอาอะไรมาแทน ไม่มีอะไรสามารถแทนได้ เพราะด้วยเทคโนโลยีที่มีในตอนนี้ความสามารถที่มีการกล่าวอ้างนั้นไม่สามารถทำได้จริง ดั้งนั้นสิ่งที่ทำได้คือการใช้เครื่องมือที่มีมา อย่างการจับพิรุธ ใช้สัญชาตญาณ หรือใช้สัตว์ในการดมกลิ่น เคยทำอย่างไรก็ทำอย่างนั้น

ชาวบ้านไม่เชื่อใจ จีที 200 ใช้ได้จริง
นางแยนะ สาแลแม ผู้แทนประชาชนที่เคยได้รับผลกระทบจากเครื่อง จีที 200 กล่าวว่า ในพื้นที่มีการตั้งข้อสงสัยถึงความแม่นยำของเครื่องมือดังกล่าวและปัญหาที่ คนใช้ที่ใช้ไม่เป็น ชาวบ้านไม่เชื่อใจว่าจะใช้ได้จริง ซ้ำยังสร้างปัญหา เพราะทำให้คนถูกตรวจแล้วเครื่องบอกว่ามีสารระเบิดถูกจับ ถูกคุมตัว ทั้งที่จริงๆ แล้วคนๆ นั้นไม่ใช่คนร้าย

นางแยนะ ยกตัวอย่างกรณีความผิดพลาดของการตรวจสารวัตถุระเบิดที่ตัวเองประสบโดยตรง ในกรณีที่เจ้าหน้าที่นำเครื่องจีที 200 ไปตรวจค้นที่หมู่บ้าน แล้วเครื่องชี้ไปที่ยอดมะพร้าว แต่เมื่อปีนขึ้นไปดูพบว่าเป็นถุงน้ำมันมะพร้าวที่คาดว่าถูกหนูคาบขึ้นไปทิ้งไว้เท่านั้น และเหตุการณ์ที่โรงเรียนอิสลามบูรพา อ.เมือง จ.นราธิวาส ที่มีการปิดล้อมตรวจค้นแล้วจับกุมมือระเบิด เจ้าหน้าที่ใช้เครื่องจีที 200 ตรวจ ปรากฏว่าเครื่องชี้ไปที่กุโบร์ (สุสานของคนมุสลิม) เจ้าหน้าที่ไปขุดกุโบร์แต่ไม่เจออะไรนอกจากศพคนที่ฝังมาแล้ว 7-8 ปี

อีก ทั้งมีการตรวจหาสารวัตถุระเบิดไม่เจอแต่หลังจากนั้นในเวลาไม่ถึงชั่วโมงก็ เกิดระเบิดในบริเวณดังกล่าวในเหตุการณ์ที่โรงเรียนบ้านศาลาใหม่ (อ.ตากใบ จ.นราธิวาส) ซึ่งหลังเหตุการณ์ระเบิดเจ้าหน้าที่ก็นำเครื่องไปตรวจบุคคลต้องสงสัย ปรากฏว่าเครื่องชี้ไปที่ครูกับภารโรง ทำให้ 2 คนนี้ถูกจับ ทั้งๆ ที่ไม่ใช่คนร้าย แต่ต้องถูกควบคุมตัวไปสอบสวนนานเป็นสัปดาห์

“อังคณา” ชี้กระทบสิทธิเสรีภาพประชาชน จี้ฝ่ายจัดทดลองประสิทธิภาพ
นางอังคณา ประธานคณะทำงานยุติธรรมเพื่อสันติภาพ กล่าวว่า การควบคุมตัวประชาชนเจ้าหน้าที่ได้ใช้เครื่อง จีที 200 ในการตรวจค้นและนำตัวประชาชนไปควบคุม และแม้จะมีการระบุว่าผลตรวจของ เครื่องจีที 200 ไม่สามารถใช้เป็นหลักฐานยืนยันในศาลได้ แต่เจ้าหน้าที่หน่วยงานการข่าวของฝ่ายความมั่นคงก็มีการจัดทำทำเนียบกำลังรบที่ชาวบ้านเรียกว่าแบคลิสต์ในการควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยโดยใช่การตรวจจากเครื่องมือดังกล่าวร่วมด้วย สิ่งเหล่านี้จึงเห็นได้ว่าการใช้เครื่องมือชนิดนี้ได้ถูกนำมาใช้เป็นส่วนหนึ่งในกระบวนการยุติธรรมในจังหวัดชายแดนภาคใต้มาโดยตลอด นอกจากนี้การออกหมายจับก็มาจากงานการข่าวที่เจ้าหน้าที่อ้างว่าใช้เครื่องมือนี้ด้วย

“ดิฉันอยากจะตั้งคำถามว่าถ้าเครื่องมือนี้มีความแม่นยำ 50: 50 มันก็เหมือนแค่เหรียญ 2 ด้าน มันเพียงพอไหมกับการที่จะให้ความมั่นใจ ให้ความคุ้มครองเรื่องของสิทธิในร่างกาย ในชีวิต หรือในเรื่องสิทธิเสรีภาพของประชาชน” นางอังคณา กล่าว

นางอังคณา ให้ข้อมูลด้วยว่า จากการที่มีเจ้าหน้าที่ทหารมาให้ข้อมูลกับคณะกรรมการวุฒิสภา ขณะนี้ เครื่อง จีที 200 ในส่วนของกองทัพมี 535 เครื่อง และจะมีการสังซื้อเพื่อให้ทางองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) และองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ตลอดจนหน่วยงานในสังกัดกระทรวงมหาดไทยอีกหลายหน่วยงาน รวมทั้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นำไปใช้งาน ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าห่วงใยในเรื่องปัญหาความเชี่ยวชาญของผู้ใช้งาน และอาจนำมาสู่การที่ประชาชนจับกุมประชาชนด้วยกันเอง ซึ่งสร้างความไม่ไว้วางใจต่อกันในพื้นที่มากยิ่งขึ้น

“สิ่งที่เป็นข้อเรียกร้องในวันนี้ คือ อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีการทดสอบประสิทธิภาพ ของเครื่องจีที 200 ว่าใช้ได้จริงไหม สิ่งเหล่านี้ถ้าวันนี้มันทำให้เราไม่ไว้ใจกัน หวาดระแวงกันมันคุ้มไหม หากมันดีจริงก็มาพิสูจน์เลยว่ามันใช้ได้จริง สร้างความมั่นใจว่ามันใช้ได้ แต่ถ้ามันใช้ไม่ได้จริงก็ต้องหยุด” นางอังคณากล่าว

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net