ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ (กรุงเทพโพลล์) สำรวจความเห็นจากกลุ่มตัวอย่างในเขตกรุงเทพฯ และปริมใณฑล3 จังหวัด ได้แก่ นนทบุรี สมุทรปราการ และปทุมธานี จากนั้นสุ่มถนนและประชากรเป้าหมายอายุ 25 ปีขึ้นไป จำนวน 1,416 คน เป็นชายร้อยละ 48.9 และหญิงร้อยละ 51.1 ในระหว่างวันที่ 7-9 พ.ย. โดยสอบถามความเห็นต่อโครงการพยุงหนี้นอกระบบของรัฐบาล ที่เปิดให้ประชาชนผู้เป็นหนี้นอกระบบสามารถกู้เงินจากรัฐบาล เพื่อนำไปชำระหนี้แล้วผ่อนชำระกับธนาคารที่เข้าร่วมโครงการในวงเงินไม่เกิน 2 แสนบาทต่อคน พบว่ากลุ่มตัวอย่างเห็นด้วย ร้อยละ 79.0 โดยให้เหตุผลว่า เป็นการช่วยเหลือประชาชนให้ผ่อนชำระด้วยอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลง และลดปัญหาการถูกทวงหนี้ด้วยวิธีรุนแรง
ขณะที่กลุ่มตัวอย่างที่ไม่เห็นด้วยร้อยละ 21.0ให้เหตุผลว่า เป็นหนี้ส่วนบุคคลก่อขึ้นมาเอง เชื่อว่าแก้ปัญหาหนี้สินไม่ได้ และเป็นการแก้ที่ปลายเหตุ
ความเห็นต่อทางออกหรือแนวทางในการแก้ปัญหาการเป็นหนี้นอกระบบของคนไทยที่ดีที่สุด คือ การรู้จักวางแผนการใช้จ่ายให้เหมาะสม ไม่ฟุ่มเฟือย ร้อยละ 51.2, ภาครัฐควรเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศให้ดีขึ้น ร้อยละ 28.1,สถาบันการเงิน เช่น ธนาคาร ควรกำหนดหลักเกณฑ์การกู้ให้ง่ายขึ้น ร้อยละ 16.6, อื่นๆ อาทิ มีการปราบปรามเจ้าหนี้นอกระบบอย่างจริงจัง ส่งเสริมให้ประชาชนมีรายได้เสริม เป็นต้น ร้อยละ 4.1
ทั้งนี้ กลุ่มตัวอย่างที่ทำการสำรวจเป็นคนที่ไม่มีภาระหนี้สิน ร้อยละ 45.6 มีภาระหนี้สินร้อยละ 54.4 โดยในจำนวนนี้เป็นหนี้ในระบบอย่างเดียวร้อยละ 29.2,เป็นหนี้นอกระบบอย่างเดียวร้อยละ 13.6 และเป็นหนี้ทั้งในระบบและนอกระบบ ร้อยละ 11.6
สำหรับประสบการณ์ที่ผู้ตอบหรือคนใกล้ชิดเคยถูกติดตามทวงหนี้ด้วยวิธีที่ทำให้เดือดร้อน อับอาย หรือเข้าข่ายละเมิดสิทธิส่วนบุคคล (สอบถามเฉพาะผู้ที่ระบุว่ามีภาระหนี้สินอยู่ในปัจจุบัน)พบว่ากลุ่มตัวอย่างที่ไม่เคยถูกติดตามทวงหนี้ด้วยวิธีที่ทำให้เดือดร้อนร้อยละ 71.3, เคยถูกติดตามทวงหนี้ด้วยวิธีที่ทำให้เดือดร้อน ร้อยละ 28.7โดยวิธีการที่พบคือใช้คำพูดหยาบคาย ร้อยละ 14.4,ข่มขู่ / กรรโชก ร้อยละ 6.9,เปิดเผยข้อมูล ประจานให้อับอาย ร้อยละ 3.6,ส่งคนติดตาม ร้อยละ 2.3, อื่นๆ อาทิ ทำร้ายร่างกาย ทำลายทรัพย์สิน ร้อยละ 1.5
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)