นักข่าวพลเมือง:เสียงจากบางสะพาน ผ่านเวทีรับฟังความเห็น เรื่อง ขอบเขตการประกาศเขตพื้นที่ชุ่มน้ำ

            พรุแม่รำพึง ป่าชุ่มน้ำแห่งเดียวในอำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ที่ชาวบ้านโดยรอบทั้งตำบลแม่รำพึง และตำบลใกล้เคียงพยายามผลักดันให้มีการประกาศให้เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่มี ความสำคัญระดับชาติมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2549 โดยมีเจ้าหน้าที่ และหน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญเรื่องพื้นที่ชุ่มน้ำ เช่น มูลนิธิคุ้มครองสัตว์ป่าและพันธุ์พืชในราชินูปถัมภ์ สำนักความหลากหลายทางชีวภาพ รวมถึงนักวิชาการทั้งภาครัฐฯ และเอกชน มาร่วมกันสำรวจความหลากหลายทางชีวภาพของพื้นที่พรุแม่รำพึง และพบว่าพื้นที่พรุแม่รำพึงแห่งนี้จัดเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่สามารถประกาศ เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระดับชาติได้ โดยในปัจจุบันได้ผ่านกระบวนการตามขั้นตอนแล้วทุกกระบวนการคงรอเพียงการ ประกาศอย่างเป็นทางการจากมติคณะรัฐมนตรีเท่านั้น

            ซึ่ง ก่อนที่จะมีการประกาศนั้นทางสำนักนโยบายและแผนสิ่งแวดล้อมได้จัดเวทีรับฟัง ความคิดเห็นในเรื่องขอบเขตการประกาศเขตพื้นที่ชุ่มน้ำไปเมื่อวันที่ 13 พ.ค. 51 ที่หอประชุมอำเภอบางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์โดยมีชาวบ้านที่สนใจโดยรอบพื้นที่พรุแม่รำพึงเข้าร่วมรับ ฟังการกำหนดขอบเขตในครั้งนั้นกว่า 300 คน รวมถึงตัวแทนด้านสิ่งแวดล้อมบริษัทสหวิริยา นายเอกลักษณ์  สังข์ทอง และเจ้าหน้าที่หน่วยงานราชการท้องถิ่น


เวทีรับฟังความคิดเห็นการประกาศขอบเขตป่าชุ่มน้ำ วันที่ 13 พ.ค. 51

            และ จากกรณีที่นายสุเทพ สุขเกษม ประธานองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) แม่รำพึง อ.บางสะพานให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์ไทยโพสต์ วันที่ 15 พ.ค. 52 ว่า สำนักงานนโยบายและแผนสิ่งแวดล้อม (สผ.) ควรทำประชาคมตามหลักธรรมาภิบาลเพื่อรับฟังความคิดเห็นของชาวบ้านเรื่องการ ประกาศป่าพรุแม่รำพึงเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำ เนื่องจากชาวบ้านไม่เข้าใจกลัวที่จะเสียสิทธิ์ในการเข้าใช้ประโยชน์ในที่ดิน สาธารณะหรือป่าพรุแห่งนี้ ด้านนายวิรัตน์ ร่วมดี ชาวบ้านหมู่ที่ 7 ต.แม่รำพึง กล่าวว่า ทาง สผ.ได้มีการจัดรับฟังความคิดเห็นในเรื่องการประกาศเขตพื้นที่ชุ่มน้ำ พรุแม่รำพึง มาแล้วที่หอประชุมอำเภอบางสะพาน เมื่อวันที่ 13 พ.ค. 51 โดยในวันนั้นมีทั้งชาวบ้านที่สนใจ ตัวแทนบริษัทสหวิริยา อดีตกำนัน รวมถึงตัวนายสุเทพ เองก็ได้เข้าร่วมรับฟังความคิดเห็นในเรื่องการพิจารณาขอบเขตการประกาศเขต พื้นที่ชุ่มน้ำป่าพรุแม่รำพึง โดยที่มีหลักฐานยืนยันทั้งรูปถ่าย และวิดีโอ ว่าประชาชนจากหลายหมู่บ้านโดยรอบพรุแม่รำพึงได้เข้าร่วมรับฟังและแสดงความ คิดเห็นในเรื่องดังกล่าวเป็นจำนวนกว่า 300 คน และการที่นายสุเทพอ้างถึงเรื่องชาวบ้านเกรงว่าจะเสียสิทธิ์ในการเข้าใช้ ประโยชน์จากป่าพรุดังกล่าวนั้นก็มิได้เป็นเช่นนั้น แต่จากการที่กลุ่มอนุรักษ์แม่รำพึงนำป้ายห้ามจับสัตว์น้ำเข้าไปติดเนื่องจาก พบเห็นว่ามีการเผาป่า และลอบเบื่อปลาหลายครั้ง จึงต้องการให้ชาวบ้านงดจับสัตว์น้ำในช่วงหน้าแล้งเพื่อให้ธรรมชาติได้ฟื้น ตัวเอง และที่ผ่านมาการประกาศพื้นที่ชุ่มน้ำก็ยังไม่เคยเป็นการสร้างปัญหาให้แก่ชาว บ้านในพื้นที่นั้นเลย แต่กลับเป็นการให้ชาวบ้านตระหนักถึงความสำคัญของทรัพยากรธรรมชาติ และมีการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน


ชาวบ้านนำป้ายห้ามจับสัตว์น้ำไปติดเพราะมีการลอบเบื่อปลา และเผาป่าบ่อยครั้ง

            ด้านนายสมหวัง  พิมสอ ชาวบ้านหมู่ที่ 1 ต.แม่รำพึงกล่าวว่า การ ที่มีกลุ่มบุคคล ร่วมลงชื่อกันยื่นหนังสือคัดค้านการประกาศพื้นที่ชุ่มน้ำต่อนายกรัฐมนตรี นั้น ผมคิดว่าน่าจะมีผลประโยชน์ทับซ้อนอยู่กับกลุ่มเหล็กบางสะพาน โดยเฉพาะนายสักรินทร์ สังข์แดง ก็เป็นพนักงานประจำในกลุ่มอุตสาหกรรมเหล็กที่บางสะพาน ส่วนชาวบ้านที่ร่วมลงชื่อก็เคยอยู่ในกลุ่มสนับสนุนการสร้างโรงถลุงเหล็กใน นามกลุ่มพัฒนาบางสะพาน และที่สำคัญกลุ่มคนกลุ่มนี้บางคนรวมถึงผู้นำท้องถิ่นก็ยังเคยลงมติเห็นชอบ ให้ทางบริษัทสหวิริยาเช่าพื้นที่วนอุทยานแม่รำพึง จำนวน 1,200 ไร่เมื่อปี 2548 ที่ อบต.แม่รำพึง อ.บางสะพานโดยที่ตัวผมเองเข้าร่วมในเวทีนั้นด้วยและเป็นผู้ยกมือคัดค้านการ เช่าที่ดังกล่าว แต่ทำไมเมื่อครั้งหนึ่งคนกลุ่มนี้ไม่เห็นความสำคัญของพื้นที่ป่าพรุแต่มาวัน นี้มีการเรียกร้องคัดค้านการประกาศเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำเนื่องจากเกรงว่าจะไม่ ได้ใช้ประโยชน์จากป่าพรุ

            ด้านนายวิฑูรย์ บัวโรย ประธานกลุ่มอนุรักษ์แม่รำพึงกล่าวถึงเรื่องนี้ว่า สำหรับ เรื่องการประกาศพรุแม่รำพึงให้เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระดับชาติ นั้นผมเห็นว่าสมควรเร่งการประกาศเป็นอย่างยิ่งอีกทั้งการประกาศพื้นที่ชุ่ม น้ำที่ต่างๆ ที่ผ่านมาก็ไม่เคยสร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านในพื้นที่ กลับเป็นการทำให้ชาวบ้านเห็นถึงความสำคัญและช่วยกันดูแลรักษารวมถึงมีการใช้ ประโยชน์อย่างยั่งยืนมากกว่า ส่วนเรื่องที่มีผู้คัดค้านการประกาศนั้นชาวบ้านในพื้นที่ก็ทราบกันอยู่แล้ว ว่าเป็นพนักงานในเครือสหวิริยา และโดยเฉพาะอย่างยิ่งบริษัทในเครือสหวิริยาก็ได้รับรางวัลผู้นำในการดูแล สิ่งแวดล้อมมากมาย แต่ทำไมพนักงานในเครือฯ กลับไม่ทราบถึงความสำคัญในการดูแลสิ่งแวดล้อมและกลับมาคัดค้านการประกาศเขต พื้นที่ชุ่มน้ำเช่นนี้  และสำหรับพรุแม่รำพึงแห่ง นี้ ทางชาวบ้านก็ได้ร่วมกันจัดงานวันพื้นที่ชุ่มน้ำโลกซึ่งตรงกับวันที่ 2 ก.พ. ของทุกปีมาแล้ว 2 ครั้งโดยในครั้งล่าสุดท่านรองผู้ว่าราชการจังหวัดยังเดินทางมาเป็นตัวแทนผู้ ว่าราชการจังหวัดเพื่อเปิดงานโดยยังกล่าวแก่ชาวบ้านที่เข้าร่วมงานว่า พื้นที่ชุ่มน้ำเป็นพื้นที่ที่มีความสำคัญต่อระบบนิเวศน์และต่ออำเภอบางสะพาน เพราะเป็นแก้มลิงธรรมชาติแห่งเดียวในอำเภอบางสะพานที่สามารถช่วยบรรเทาปัญหา การเกิดน้ำท่วมซ้ำซากได้จึงขอให้ชาวบ้านช่วยกันดูแลรักษาพื้นที่ชุ่มน้ำโดย การใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน   


ภาพวันพื้นที่ชุ่มน้ำวันที่ 2 ก.พ. 52

            อย่างไร ก็ดีตามที่ นายสมบูรณ์ ภู่งาม กำนัน ตำบลแม่รำพึง และนายสุเทพ สุขเกษม ประธานองค์การบริหารส่วนตำบลแม่รำพึง รวมถึงกลุ่มบุคคลบางกลุ่มที่ออกมาแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้ผมถือว่าเป็น สิ่งที่ดี และขอให้ภาครัฐที่เกี่ยวข้องกับการประกาศพื้นที่ชุ่มน้ำนี้เร่งดำเนินการ เพราะจากทุกเหตุผลของคนหลายกลุ่มก็ล้วนแสดงให้เห็นว่าทุกคนต่างมีการใช้ ประโยชน์ในพื้นที่ป่าชุ่มน้ำแห่งนี้และหากผืนป่าชุ่มน้ำแห่งนี้ไม่ได้รับการ ปกป้องคุ้มครองก็จะเกิดผลกระทบจากคนทุกกลุ่ม” นายวิฑูรย์ กล่าว

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท