มุมคิดจากนักเรียนน้อย เป็นผลงานภาคปฏิบัติในชั้นเรียนของนักเรียน นิสิต นักศึกษา ที่ส่งมาให้ประชาไทพิจารณานำเผยแพร่ เยาวชนที่สนใจสามารถส่งผลงานมาได้ที่ netcord@prachati.com |
นวลนภา รุจิรามงคลชัย
คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
เป็นธรรมดาที่ใครๆ เมื่อได้รับของขวัญต้องดีใจไม่ว่าจะเป็นชิ้นเล็กหรือชิ้นใหญ่ แต่ไม่รู้ว่าของขวัญมูลค่า 738 ล้านบาทจากน้องสาวพจมาน ชินวัตร ชิ้นนี้ทำให้พี่ชายอย่างบรรณพจน์ ดามาพงศ์รู้สึกเช่นไร?
ดีใจหรือว่าเฉยๆ เพราะชาชินและคุ้นเคยเสียแล้ว
เมื่อวันที่ 7 พ.ย. 2540 คุณหญิงพจมานใช้เงินของตัวเอง 738 ล้านบาท ซื้อหุ้นบริษัทชินวัตร คอมพิวเตอร์ แอนคอมมิวนิเคชั่นส์ จำกัดของตัวเองจำนวน 4.5 ล้านหุ้น ที่ให้น.ส.
ผู้เขียนคิดในใจว่า คุณหญิงพจมานแกบ้าหรือเปล่า? ที่ใช้เงินตัวเองซื้อหุ้นตัวเองให้คนอื่น ทำไมถ้าจะให้ ไม่โอนไปให้เฉยๆ ต้องทำธุรกรรมผ่านตลาดหลักทรัพย์ ทำให้ต้องเสียค่านายหน้าไปตั้งหลายล้าน
คุณหญิงพจมาน เธอมีสติสัมปชัญญะดีกว่าที่ผู้เขียนคิดไว้มาก เพราะเธอคงเล็งเห็นว่าถ้าโอนให้นายบรรณพจน์แบบธรรมดาๆ นายบรรณพจน์จะต้องเสียภาษีรายได้ส่วนบุคคลธรรมดาที่เกิน 4 ล้านบาทในอัตราร้อยละ 37 หรือคิดเป็นเงินกว่า 310 ล้านบาท ในขณะที่ถ้าโอนผ่านแบบนี้เสียค่านายหน้าให้โบรกเกอร์แค่ 7.38 ล้านบาท ถูกกว่ากันตั้ง 300 ล้านบาท
งานนี้คุณหญิงคงสุขใจเป็นที่สุด เพราะนอกจากจะโอนหุ้นให้พี่ชายบุญธรรมได้ในราคาถูกและพี่ชายไม่ต้องเสียภาษีแล้ว การโอนหุ้นในวันดังกล่าว (7 พ.ย. 2540)ยังเป็นวันเดียวกับที่สามีตัวเองต้องยื่นแสดงรายการบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อ ป.ป.ช.ในวาระที่เข้ารับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีในสมัยนั้นอีกด้วย
หรือนี่อาจเป็นจุดประสงค์ที่แท้จริง?
เป็นไปได้ไหมว่า เธอแค่ทำให้เงินของครอบครัวลดลงแบบชั่วคราว โดยอ้างให้เป็นของขวัญแบบปลอมๆ กับนายบรรณพจน์ เพื่อลดการถูกเพ่งเล็งว่า รวยผิดปกติ
ดังนั้น เมื่อถูกตรวจสอบว่า หลีกเลี่ยงภาษี สรรพากร (พวกของเธอ?) บอกทันทีว่า การโอนหุ้นดังกล่าวเข้าข้อยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีตามประมวลรัษฎากรมาตรา 42(10) เนื่องจากได้รับจากการให้โดยเสน่หาเนื่องในพิธีหรือตามโอกาสแห่งขนบธรรมเนียมประเพณี และก็เข้าลักษณะเป็นการได้รับอุปการะโดยหน้าที่ธรรมจรรยาด้วย
แต่เหตุผลนี้ดูจะไม่เข้าเค้า เพราะระยะเวลาการให้ดังกล่าวห่างจากวันแต่งงานของนายบรรณพจน์เกือบ 2 ปีและห่างจากวันที่ลูกของนายบรรณพจน์เกิดเกือบ 1 ปี รวมทั้งไม่เข้าลักษณะได้รับอุปการะโดยหน้าที่ธรรมจรรยา เพราะนายบรรณพจน์มีอาชีพและครอบครัวเป็นหลักเป็นฐานแล้ว
9 ปีผ่านไป (หลังสิ้นอำนาจ) วันที่ 7 ธ.ค.2549 ป.ป.ช.จึงมีมติชี้มูลความผิดเจ้าหน้าที่สรรพากรที่เกี่ยวข้อง ฐานละเว้นไม่เก็บภาษีและเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญา และมีความผิดร้ายแรงตามพ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2535
แต่ถึงกระนั้นคุณหญิงพจมานก็ยังไม่จนมุม นาย
น่าแปลกดีเหมือนกันที่นักธุรกิจระดับพันล้านหมื่นล้านอย่างท่านแยกไม่ออกว่าอะไรต้องเสียหรือไม่เสียภาษี
งานนี้คงต้องรอให้ คตส.พิสูจน์ต่อไปว่า ของขวัญชิ้นนี้แท้หรือเทียม และถ้าเทียมของจริงคืออะไร?
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)