Skip to main content
sharethis


 


วันที่ 1 พ.ค.52 ครบรอบวันแรงงานสากล หรือเมย์เดย์ กลุ่มเครือข่ายองค์กรแรงงานหลายกลุ่มได้ออกมาเคลื่อนไหวรณรงค์เรียกร้องและยื่นข้อเสนอต่างๆ โดยตั้งแต่เวลาประมาณ 8.00 น. ที่หน้ารัฐสภา มีการนัดรวมตัวของสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) และคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย (คสรท.) จากนั้นได้เคลื่อนขบวนผ่านบริเวณลานพระบรมรูปทรงม้ามาปักหลักชุมนุมที่เชิงสะพานชมัยมรุเชฐ ถนนพิษณุโลก ข้างทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลาประมาณ 10.45 น. โดยใช้รถ 6 ล้อเป็นเวทีปราศรัย และมีการปิดเส้นทางดังกล่าว


 


ในการชุมนุมดังกล่าวปราศรัยถึงข้อเรียกร้องต่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี 7 ข้อ คือ 1.แก้ไขปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจที่ส่งผลกระทบต่อคนงาน โดยให้กระทรวงแรงงานตั้งคณะกรรมการตรวจสอบสถานประกอบการที่มีปัญหาและกระทรวงแรงงานต้องตั้งกองทุนให้ความช่วยเหลือจ่ายเงินชดเชยแก่คนงานที่ไม่ได้รับค่าชดเชย 2.ให้รัฐบาลประกาศใช้ พ.ร.บ.แรงงานสัมพันธ์ ฉบับเดียว (ฉบับขบวนการแรงงาน)


 


3.ให้รัฐบาลประกาศใช้ พ.ร.บ.สถาบันส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน (ฉบับบูรณาการร่วมของผู้ใช้แรงงาน) 4.รัฐบาลต้องยกเลิกนโยบายการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ แต่ให้มีนโยบายในการปฏิรูปรัฐวิสาหกิจให้มีศักยภาพ กระทรวงการคลังต้องจัดตั้งกองทุนพัฒนารัฐวิสาหกิจ ส่งเสริมให้มีผู้แทนของ สรส.ในคณะกรรมการกำกับนโยบายในรัฐวิสาหกิจ (ระดับชาติ) และให้มีผู้แทนของสหภาพแรงงานในคณะกรรมการของรัฐวิสาหกิจแต่ละแห่ง


 


5.รัฐต้องรับรองอนุสัญญา ILO ฉบับที่ 87 และ 98 6.ประกันสังคม ต้องมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการบริหารงานสำนักงานประกันสังคม มีความโปร่งใส มีส่วนร่วมของผู้ประกันตน และขยายการคุ้มครองไปสู่แรงงานนอกระบบ 7.ให้รัฐตั้งกองทุนประกันความเสี่ยงให้แก่สมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ที่จะได้รับผลกระทบจากการบริหารงานที่ผิดพลาดของแต่ละกองทุน


 


นอกจากนี้ ในปีนี้กลุ่มผู้ชุมนุมยังมีการ ชูคำขวัญ "สามัคคีกรรมการ ต้านทุนนิยมครอบโลก สร้างสังคมใหม่ ประชาธิปไตยประชาชน" ด้วย


 


นายสมศักดิ์ โกศัยสุข ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการรถไฟแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ตอนนี้ประเทศเราอยู่ในระบบทุนนิยมสามานย์ที่ครอบโลก นายจอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช อดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ทำเศรษฐกิจ หายนะไปทั่วโลก ส่วนของประเทศไทยนั้นองค์กรจัดความโปร่งใสระหว่างประเทศ จัดอันดับว่าประเทศไทยทุจริตเป็นอันดับ 2 รองจากประเทศอินโดนีเซียในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค ประเทศไทยทุจริตกันมากในรัฐวิสาหกิจ ด้วยนโยบายของนักการเมืองขี้โกง เมื่อมีวิกฤตเศรษฐกิจ ก็จะเลิกจ้างแรงงาน รัฐบาลไม่ได้เหลียวแลผู้ใช้แรงงาน ตราบใดทั่งไม่มีตัวแทนพรรคหรือนักการเมืองของกรรมกร


 


นายสมศักดิ์ กล่าวถึงทางออกว่า ต้องไม่มีการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ และต้องมีการดูแลสวัสดิการแรงงานทั้งระบบ ที่จะดูแลผู้ใช้แรงงาน แต่ต้องไม่ใช่การแก้รัฐธรรมนูญเพื่อชวยเหลือคนรวย ควรช่วยคนยากจน เกษตรกร คนในสลัมให้อยู่ดีกินดี ผู้ใช้แรงงานต้องรวมตัวเรียกร้องให้รัฐบาลรับข้อเสนอองค์กรแรงงานระหว่างประเทศ ผู้ใช้แรงงานจะต้องเชื่อมั่นในพลังของตนเอง สามัคคีร่วมกันต้านทุนนิยมครอบโลก สร้างสังคมใหม่ และสร้างการเมืองใหม่ที่มีตัวแทนกรรมกรเข้าไปทำงานในสภา เหมือนชนชั้นนายทุน


 


จากนั้นบนเวทีได้มีการผัดเปลี่ยนกันขึ้นปราศรัยโดยเครือข่ายต่างๆ ที่เข้าร่วม อาทิ ผู้แทนเครือข่ายปฏิบัติการเพื่อแรงงานข้ามชาติ  นางกิมอัง พงษ์นารายณ์ ผู้ประสานงานเครือข่ายองค์กรประชาชนแห่งประเทศไทย (สคปท.) นางประทิน เวคะวากยานนท์ ประธานเครือข่ายสลัม 4 ภาค เครือข่ายผู้ติดเชื้อ HIV เอดส์ ประเทศไทย และเครือข่ายแรงงานภาคบริการ นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มผู้ใช้แรงงานสระบุรีและใกล้เคียง และกลุ่มสหภาพแรงงานย่านอ้อมน้อย-อ้อมใหญ่ เข้าร่วมชุมนุมด้วย


 


จนกระทั่งเวลา 12.14 น. นายสาวิทย์ แก้วหวาน เลขาธิการสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ และนางวิไลวรรณ แซ่เตียว ประธานคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย ซึ่งได้เข้าพบนายกรัฐมนตรี พร้อมตัวแทนผู้ใช้แรงงาน เมื่อเวลา 11.30 น.เพื่อยื่นข้อเรียกร้องเนื่องในวันแรงงานแห่งชาติ ทั้ง 7 ข้อ ได้ขึ้นเวทีชี้แจงผลการพูดคุยแก่ผู้ชุมนุม


 


นางวิไลวรรณกล่าวว่านายกรัฐมนตรีได้รับข้อเรียกร้องและจะเร่งดูแล ซึ่งขอเสนอทั้ง 7 ข้อก็มีการรับปากทุกเรื่องในการดำเนินการแก้ปัญหา และนอกจากนี้ยังได้พูดคุยให้รัฐบาลติดตามข้อเรียกร้องที่กลุ่มผู้ใช้แรงงานเคยเสนอมาก่อนหน้านี้ อาทิ กรณีอัตราค่าจ้างที่เป็นธรรม การคุ้มครองสิทธิแรงงาน การขยายระบบประกันสังคมเพื่อคุ้มครองแรงงานนอกระบบ คุ้มครองแรงงานข้ามชาติ รวมถึงประเด็นผู้ติดเชื่อเอชไอวี ที่สามารถทำงานร่วมกับคนปกติได้


 


ด้านนายสาวิทย์ กล่าวว่าการประชุมมีขึ้นที่ห้องรับรอง 2 อาคารรัฐสภา โดยมีตัวแทนจากเครือข่ายแรงงานต่างๆ 10 คนเข้าร่วม และใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง ในการพูดคุย ซึ่งข้อเสนอเป็นเรื่อเดิมๆ ที่เคยเสนอมาแล้วแต่ไม่ได้รับการแก้ไข ในครั้งนี้มีการรับข้อเสนอก็จะต้องมีการติดตามการดำเนินการอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ปัญหาได้รับการแก้ไข


 


ในส่วนบรรยากาศการชุมนุมนอกจากจะมีการถือป้ายผ้ารณรงค์และธงของแต่เครือข่ายแล้ว ยังได้มีการจำลองอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยและทำรถเมล์จำลอง ระบุสาย 111 ที่มีรูปนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และภาพแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) มาตั้งอยู่ด้านหน้าเวทีปราศรัย ซึ่งก่อนการยุติการชุมนุมได้มีการเผารถเมล์จำลองดังกล่าว


 


ทั้งนี้มีกลุ่มคนเสื้อแดงแสดงสัญลักษณ์โลโก้ความจริงวันนี้อย่างชัดเจนจำนวน 5 คน มาสังเกตการณ์ในตอนต้นของการชุมนุม แต่ก็ไม่ได้เกิดเหตุการณ์ความรุนแรงขึ้นแต่อย่างใด


 


 


แรงงานร่วมขบวนนักศึกษาชุมนุมหน้ารัฐสภา หนุนรัฐสวัสดิการ


 


กลุ่มสหภาพแรงงานย่างรังสิตและใกล้เคียง ร่วมกับสหภาพแรงงานไทรอัมพ์อินเตอร์เนชั่นแนลแห่งประเทศไทยสหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนนท.) กลุ่มสังคมนิยมประชาธิปไตยธรรมศาสตร์ กลุ่มเวียงผาสัมมนาราม และกลุ่มประกายไฟ กว่า 200 คน ร่วมกันจัดกิจกรรมเนื่องใน "วันกรรมกรสากล" โดยเมื่อเวลา 10.00 น.มีการตั้งขบวนบนถนนสุโขทัย บริเวณหน้าสวนสัตว์เขาดิน จากนั้นได้เดินขบวนไปชุมนุมที่หน้ารัฐสภา


 


ในการชุมนุมได้เชิญชวนให้ประชาชนและคนทำงานทั่วไป ร่วมรณรงค์ให้รัฐบาลดำเนินการใน 3 ข้อ คือ 1.ให้ประเทศไทยเป็นรัฐสวัสดิการ 2.ให้รัฐบาลรัฐบาลยกเลิกการจ้างงานเหมาค่าแรง และควบคุมดูแลไม่ให้มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนสิทธิแรงงานในทุกมิติ และ 3.รัฐบาลต้องควบคุมราคาสินค้าอุปโภค บริโภค เพื่อประชาชนอย่างเหมาะสม


 


ส่วนกิจกรรม มีการปราศรัยเกี่ยวกับข้อเสนอต่างๆ ของผู้เข้าร่วม มีการแสดงดนตรี การแสดงละครสะท้อนชีวิตของคนงาน และในตอนท้ายได้มีการประกาศเจตนารมณ์ร่วมกันว่า กลุ่มสหภาพแรงงานย่างรังสิตและใกล้เคียง ร่วมกับองค์กรเพื่อนมิตรทุกองค์กร ขอสัญญาร่วมกันว่าจะร่วมกิจกรรมรณรงค์ร่วมกันอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างพลังในการเรียกร้องต่อรัฐร่วมกัน และจะมีการมาพบกันอีกครั้งที่ตรงนี้


 


ด้านกลุ่มประกายไฟมีแถลงการณ์เสนอรัฐสวัสดิการคือทางออกในวิกฤติ โดยแรงงานต้องเรียกร้องรัฐสวัสดิการ สังคมใหม่ที่สะท้อนความเสมอภาค และเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ทั้งนี้ รัฐสวัสดิการคือสังคมที่ให้หลักประกันในทุกด้าน ตั้งแต่เกิดจนตาย โดยจะนำสู่สังคมที่เป็นประชาธิปไตย เพิ่มอำนาจให้ประชาชนอย่างแท้จริง ไม่ใช่แค่ตัวอักษรตามรัฐธรรมนูญ โดยงบประมาณรัฐสวัสดิการต้องมาจากการเก็บภาษีที่ดิน ภาษีมรดก ภาษีเงินได้ในอัตราก้าวหน้า ดังนั้นรัฐสวัสดิการจึงไม่ใช่การร้องขอ หรือความใจดีของชนชั้นปกครอง แต่ต้องมาจากการต่อสู้ ซึ่งจำเป็นต้องมีพรรคการเมืองของตนเองเพื่อชูรัฐสวัสดิการอย่างแท้จริง


 


 


ขบวนแรงงานคึกคัก ร่วมงานวันแรงงานแห่งชาติที่สนามหลวง


 


เมื่อเวลาประมาณ 10.00 น.องค์การลูกจ้างสภาแรงงานแห่งประเทศไทย ราว 1,000 คน ซึ่งส่วนใหญ่ใส่เสื้อโปโลสีขาวปกน้ำเงิน ที่รวมตัวกันบริเวณพระบรมรูปทรงม้าเพื่อตั้งต้นขบวน ได้ร่วมกันเดินเท้าไปร่วมงานงานวันแรงงานแห่งชาติ ประจำปี 2552 ที่ท้องสนามหลวง


 


ส่วนบรรยากาศการจัดงานวันแรงงานแห่งชาติ ประจำปี 2552 ที่ท้องสนามหลวง มีประชาชนผู้ใช้แรงงาน ทยอยเดินทางมาร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมาก โดยปีนี้องค์การลูกจ้างสภาแรงงานแห่งประเทศไทย เป็นหน่วยงานหลักที่ร่วมกับกระทรวงแรงงานในการจัดงาน โดยกิจกรรมภายในงานในส่วนของกระทรวงแรงงาน มีการออกบู๊ธให้คำปรึกษาปัญหาแรงงาน แนะแนวอาชีพ ลงทะเบียนรับสมัครงาน 236 ตำแหน่ง 2,973 อัตรา พร้อมเปิดศูนย์บริการผู้ประกันตนให้มาตรวจสอบสิทธิ และปรึกษาปัญหาด้านประกันสังคม


 


อีกทั้งยังมีการจัดนิทรรศการ และการจัดกิจกรรมให้ผู้ประกันตนมีส่วนร่วม โดยการนำบัตรมาแสดงสิทธิผู้ประกันตน มาลงทะเบียนชิงโชคของรางวัลจำนวนมาก นอกจากนี้ ยังมีหน่วยงานภาครัฐและเอกชนมาร่วมออกบูธด้วย สำหรับกิจกรรมที่ได้รับความสนใจจากผู้ใช้แรงงานเป็นจำนวนมาก คือการบริการแจกอาหาร และเครื่องดื่มฟรี โดยในปีนี้ อาหารยอดนิยมที่มีประชาชนต่อแถวเป็นจำนวนมาก คือ ไข่พะโล้สามเทวดา ที่มีบริการให้รับประทานฟรีกว่า 10,000 ใบ


 


ทั้งนี้ กิจกรรมวันแรงงานแห่งชาติที่ท้องสนามหลวงมีไปจนถึงเวลา 17.00 น. โดยในเวลา 11.30 น. พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี เดินทางมาเป็นประธานเปิดงานอย่างเป็นทางการ และในช่วงบ่าย จะมีการแสดงดนตรีจากศิลปินมากมาย


 


 


สภฟ.จี้ รัฐบาลยกเลิกกฎหมายขายชาติ


 


ก่อนหน้านั้น เมื่อเวลา 07.30 น.สมาชิกสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการไฟฟ้านครหลวง (สภฟ.) และลูกจ้าง กฟน.กว่า 500 คน นำโดย นายเพียร ยงหนู ประธาน สภฟ.ได้มารวมตัวกันที่หน้ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ถ.ราชดำเนินนอก จัดกิจกรรมเดินขบวนไปทำเนียบรัฐบาลเพื่อยื่นข้อเรียกร้อง 7 ข้อต่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชวี นายกรัฐมนตรี เนื่องในวันแรงงานแห่งชาติ ให้แก้ไขหรือยกเลิกกฎหมายขายชาติ 11 ฉบับ โดยเฉพาะ พ.ร.บ.ทุนรัฐวิสาหกิจ ที่เป็นการต้นเหตุแห่งความขัดแย่งในสังคมทั้งหมด


 



ทั้งนี้ ข้อเรียกร้อง 7 ข้อ ประกอบด้วย รัฐบาลประกาศยกเลิก พ.ร.บ.ทุนรัฐวิสาหกิจ พ.ศ.2542  โดยไม่มีเงื่อนไข พิจารณาปรับเพิ่มเงินสมทบกองทุนสำรองเลี้ยงชีพในส่วนของนายจ้าง ปรับปรุงโรงพยาบาลที่จัดตั้งขึ้นในหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ เพิ่มสิทธิการรักษาพยาบาลของพนักงานเกษียณอายุให้เทียบเท่าพนักงานปัจจุบัน  แต่งตั้งคณะกรรมการการไฟฟ้านครหลวงอย่างโปร่งใส และตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้างของฝ่ายบริหารไม่ให้เกิดทุจริต ยกเลิกระบบการสรรหาผู้ว่าการ โดยกลับมาใช้วิธีการแต่งตั้งบุคคลภายในองค์กรตามเดิม รวมทั้ง ครม.ควรมีมติเห็นชอบค่าครองชีพชั่วคราวของการไฟฟ้านครหลวงโดยเร็ว


 


และเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีเร่งสร้างสมานฉันท์เพื่อชาติและคนไทยทุกคน ด้วยการนิรโทษกรรมคืนความเป็นธรรม คืนสิทธิ์ทางการเมืองให้กับทุกคนที่ได้รับผลกระทบจากรัฐธรรมนูญ 2550 รวมทั้งยุติการทำร้ายกลุ่มคนเสื้อแดง ให้ท้ายส่งเสริมคนเสื้อเหลือง บริหารประเทศสองมาตรฐานอย่างไม่เป็นธรรม และยุติการใช้เล่ห์เหลี่ยมทางการเมืองสร้างสถานการณ์เพื่อให้ทหารติดอาวุธ สงครามออกมาปราบปรามประชาชนที่ชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ


 



โดยตลอดเส้นทางได้มีการแสดงละครล้อการเมือง วิพากษ์การบริหารประเทศของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ว่า คนไทยอายที่นายอภิสิทธิ์ปล้นเขาเข้ามาบริหารประเทศ จึงต้องบริหารแบบ 2 มาตรฐาน และเป็นนายกรัฐมนตรีได้เพราะมี สื่อ ศาล ทหาร ห้อยคอยสนับสนุน รวมทั้งเสียดสีเหตุการณ์รัฐบาลใช้ทหารการสลายชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ด้วยการให้ชายคนหนึ่งแต่งชุดทหารถือปืนเข้าทำร้าย เตะและเอาปืนจ่อหัวคนเสื้อแดงที่สวมเสื้อความจริงวันนี้ ขณะที่ไม่มีการทำอะไรคนเสื้อเหลืองเลย สร้างความสนใจให้ผู้ที่สัญจรในบริเวณเป็นจำนวนมาก


 



จากนั้น แกนนำ สภฟ. ได้ยื่นหนังสือข้อเรียกร้องทั้งหมดผ่านทางนายสุธรรม ลิ้มสุวรรณเกษม รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง และเผาโลงศพกฎหมายหมายขายชาติ 11 ฉบับ เป็นการส่งท้าย ก่อนจะสลายการชุมนุมอย่างสงบในเวลา 09.15 น.ที่ผ่านมา


 


 


แรงงาน อค.ตบเท้าบุกศธ.ยื่นหนังสือคัดค้านโยก "ชินภัทร" พ้นปลัดศธ.


 


เวลา 09.00 น. สหภาพแรงงานองค์การค้าของคุรุสภา นำโดยนายอนันต์ นุชเทศ ประธานสหภาพแรงงานองค์การค้าของคุรุสภา พร้อมพนักงานองค์การค้า (อค.) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) ประมาณ 100 คน ได้เดินทางยื่นหนังสือให้นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เพื่อคัดค้านการโยกย้าย ดร.ชินภัทร ภูมิรัตน ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ปลัด.ศธ.) ออกจากตำแหน่ง ซึ่งจะส่งผลให้ดร.ชินภัทรต้องพ้นจากตำแหน่งรักษาการผู้อำนวยการ อค.ไปด้วย ทั้งนี้ นายบุณย์ธีร์ พานิชประไพ เลขานุการ รมว.ศธ.ออกมารับเรื่องแทน


 


นายอนันต์ กล่าวว่า ขณะนี้มีขบวนการต่างๆ พยายามที่จะโยกย้ายปลัด.ศธ.ออกจากตำแหน่ง แต่เจ้าหน้าที่ อค.ขอคัดค้าน เพราะเห็นว่า ปลัด.ศธ.มีความจริงใจที่จะแก้ปัญหาให้อค.เมื่อเข้ามาทำหน้าที่รักษาการ ผอ.อค.ได้พยายามดูแลและแก้ไขปัญหาเป็นอย่างดี แต่ปลัด ศธ.ถูกย้ายไป จะทำให้งานแก้ไขปัญหา อค.เป็นหมัน เพราะฉะนั้นขอให้ รมว.ศธ อย่าโยกย้าย ปลัด.ศธ.โดยเด็ดขาด ถ้ามีการโยกย้ายปลัด.ศธ.จริง พนักงาน อค.จะมาปักหลักประท้วงคัดค้านที่นี่


 


นายอนันต์ กล่าวต่อไปว่า นอกจากนั้น เนื่องในวันแรงงานแห่งชาติ สหภาพแรงงานฯ จึงมาติดตามการแก้ไขปัญหาต่างๆ ขององค์การค้าฯ ซึ่งก่อนหน้านี้ สหภาพแรงงานฯ ได้เดินทางมายื่นหนังสือกับ รมว.ศธ.ครั้งหนึ่งแล้ว เมื่อวันที่ 2 ก.พ.ที่ผ่านมา และ รมว.ศธ.ได้มอบหมายให้ ปลัด.ศธ.ดำเนินการแก้ไขปัญหาต่างๆ ให้ เช่น เรื่อง จ่ายเงินเดือนเจ้าหน้าที่ไม่ตรงเวลา เรื่องการปรับปรุงโครงสร้างของ อค.ที่สำคัญสหภาพฯ ต้องการความคืบหน้า ในการตรวจสอบกรณีทุจริตและไม่ชอบมาพากลใน อค.ทั้งหมด 11 คดี ซึ่งคณะกรรมการ สกสค.เคยมีมติกำหนดให้สอบสวนเรื่องดังกล่าวให้แล้วเสร็จ 120 วัน แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่เกิดความคืบหน้าแต่อย่างใด


 


"อค.ถูกสังคมบีบบังคับมาตลอด ขณะที่สถานภาพองค์กรก็ยังไม่ชัดเจน ซ้ำผู้บริหาร ศธ.ยังเอาเหลือบหลายตัวมาปล่อยไว้ใน อค.อีก ซึ่งหากไม่แก้ไขปัญหาทุจริตอย่างจริงจังแล้ว อค.คงหนีไม่พ้นต้องจบลงแบบเดียวกับ รสพ.และถ้าไม่มี อค.อยู่ไว้ตรึงราคาตำราเรียนแล้ว ตำราเรียนของสำนักพิมพ์เอกชนก็สามารถขึ้นราคาได้ตามใจชอบ" นายอนันต์ กล่าว


 


ต่อมาเวลา 9.30 น. ดร.ชินภัทรได้ออกมาชี้แจงกับสหภาพฯ ว่า ไม่ยึดติดกับตำแหน่งใดๆ แต่ทำงานแบบยึดเป้าหมายเป็นหลัก โดยได้ตั้งเป้าหมายในการทำงานไว้ 3 เรื่อง เมื่อดำเนินการเรียบร้อยแล้ว ก็พร้อมจะส่งไม้ต่อให้กับ ผอ.อค.คนต่อไป ทั้ง 3 เรื่องนี้ คือ 1.พยายามให้ อค.สามารถจัดพิมพ์ตำราเรียนได้อย่างตลอดรอดฝั่ง ซึ่งตนก็ได้พยามยามแก้ไขปัญหา ไม่มีเงินซื้อกระดาษ จนในที่สุด แท่นพิมพ์ตำราเรียนของ อค.ก็สามารถเดินเครื่องได้ 2.แก้ไขปัญหาการขาดทุนของ อค.จนทำให้ อค.เกิดปัญหาขาดสภาพคล่อง กระทบต่อสวัสดิการของพนักงานด้วย และ 3.การทำความชัดเจน ในเรื่องของสถานภาพ อค. และสถานภาพพนักงานของ อค.


 


ขณะที่ นายบุณย์ธีร์ กล่าวว่า จะรับเรื่องร้องเรียนจาก สหภาพฯ รายงานกับ รมว.ศธ ต่อไป 


 


 


 


 


ข่าวบางส่วนเรียบเรียงจาก: เว็บไซต์เดลินิวส์, เว็บไซต์แนวหน้า, เว็บไซต์ไทยรัฐ, เนชั่นแชนแนล

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net