เมื่อวันที่ 14 เมษายน 2552 นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา แถลงภายหลังหารือร่วมกับสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) 77 คน เป็นกรณีพิเศษกว่า 4 ชั่วโมง ที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา อาคารสุขประพฤติ ว่า สมาชิกวุฒิสภามีความห่วงใยต่อวิกฤติทางการเมืองที่เกิดขึ้น

จึงมีข้อเสนอ 7 ข้อ คือ 1.การชุมนุมของประชาชนสามารถทำได้ตามสิทธิของรัฐธรรมนูญ แต่ขอให้สุขุม รอบคอบ อยู่ในกรอบของกฎหมาย เคารพสิทธิผู้อื่น ยึดประโยชน์ของประเทศชาติและส่วนรวม ไม่ทำลายทรัพย์สินของผู้อื่น 2.รัฐบาลควรใช้กฎหมายควบคุมการชุมนุมเป็นสิ่งที่ถูกต้อง แต่ต้องไม่ใช้ความรุนแรง และใช้กฎหมายอย่างยุติธรรม 3.วุฒิสภาเรียกร้องให้ทุกฝ่ายยุติและหันหน้ามาปรึกษาหารือกัน หาสาเหตุและทางออกร่วมกัน 4.รัฐบาลควรแก้ปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง

ด้วยการประกาศเจตนารมณ์ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญบางมาตราให้ชัดเจน ในประเด็นที่หลายฝ่ายไม่เห็นด้วยโดยเร็ว โดยให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วม 5.เมื่อเหตุการณ์สงบแล้ว รัฐบาลควรยกเลิก พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยเร็วเพื่อเยียวยาด้านเศรษฐกิจ 6.ควรเร่งจัดทำร่าง พ.ร.บ.การจัดระเบียบการชุมนุม เพื่อนำมาบังคับใช้ในระยะยาว และ 7.ให้รัฐบาลเสนอรายงานที่เกิดขึ้นต่อรัฐสภาตามมาตรา 179

นายประสพสุข กล่าวด้วยว่า วุฒิสภาขอขอบคุณที่รัฐบาลไม่ใช้ความรุนแรง และผู้ชุมนุมยุติการชุมนุม ทำให้กลับเข้าสู่ภาวะปกติ พร้อมแสดงความเสียใจต่อญาติ ผู้เสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง และร่วมมอบเงินช่วยเหลือประมาณ 1 แสนบาทด้วย

40 สว.ค้านวุฒิถกแก้ม็อบ

ก่อนหน้าการประชุม นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา กล่าวว่าจากการได้ร่วมหารือกับกลุ่ม 40 สว.ทั้ง นส.รสนา โตสิตระกูล, นายคำนูณ สิทธิสมาน, นายประสาร มฤคพิทักษ์ และนายมณเฑียร บุญตัน รวมถึง สว.บุคคลอื่น ต่างไม่เห็นด้วยอย่างต่อกรณีนายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา ได้นัดประชุมเพื่อหารือต่อกรณีแก้ปัญหาวิกฤตจลาจลทั้งที่รัฐบาลได้ดำเนินการแก้ปัญหาสถานการณ์ฉุกเฉินอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง ซึ่งเห็นว่าการดำเนินการดังกล่าวเป็นการนัดที่ผิดจังหวะอย่างยิ่ง เพราะก่อนหน้านี้ในการประชุมครั้งวันที่ 3 เมษายน 52 ทางตนเองได้ยื่นให้ที่ประชุมพิจารณาต่อกรณีปัญหา แต่ประธานในที่ประชุมได้ชิงหนีปิดการประชุมไปก่อน อย่างไรก็ตามหากที่ประชุมวันนี้ดำเนินการต่อก็ไม่ถือว่าเป็นมติของวุฒิสภา เพราะสมาชิกหลายคนอยู่ในพื้นที่ต่างจังหวัด และไปทำธุระในต่างประเทศ

นายสมชาย กล่าวว่า นอกจากนั้น กรณีที่สมาชิกวุฒิสภาบางราย เสนอให้นายกรัฐมนตรี ยุบสภาหรือลาออก เพื่อคลี่คลายวิกฤตก็ไม่น่าจะถูกต้อง เพราะสถานการณ์ตอนนี้กลุ่มเสื้อแดงไม่ได้ชุมนุมอย่างสงบ แต่ได้ดำเนินการก่อการจลาจล ยิงประชาชนที่ต่อต้านเสียชีวิต รวมถึงได้สร้างความเดือดร้อนและก่อการวุ่นวายไปทั่วตามที่ภาพข่าว และสาธารณชนได้รับทราบอย่างทั่วกันแล้ว จึงจำเป็นที่รัฐบาลจะต้องแก้ไขปัญหาให้สังคมส่วนรวม ซึ่งตามหลักสากลหลายประเทศทั่วโลกก็ได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาอย่างนี้ด้วย-

ส.ว.จี้รัฐบาลแก้ รธน.แก้วิกฤต แล้วยุบสภา - เลือกตั้งใหม่

นายสิริวัฒน์ ไกรสินธุ์ ส.ว.นครศรีธรรมราชและกรรมาธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภา (วิปวุฒิสภา) กล่าวว่า ขณะนี้ ส.ว.ส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่า รัฐธรรมนูญ ปี 2550 คือตัวปัญหา และเป็นสาเหตุสำคัญ ที่ทำให้เกิดวิกฤติการเมือง ดังนั้น รัฐบาลต้องผลักดันให้เกิดการปฏิรูปการเมือง โดยการแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างเร็วที่สุด จากนั้นก็ยุบสภา เพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่ ซึ่งผลออกมาอย่างไรทุกฝ่ายต้องยอมรับ เพราะถึงรัฐบาลจะอยู่ต่อไปก็คงไม่ราบรื่น หากจะดันทุรังเอาแต่ความคิดตัวเอง คงบริหารบ้านเมืองต่อไปไม่ได้

นายสิริวัฒน์ กล่าวต่อว่า บทบาทของวุฒิสภาควรเป็นผู้นำ เพราะมีฐานะเรื่องความเป็นกลาง ส.ว.จึงควรเป็นแกนหลักในการประสานกับทุกภาคส่วน และน่าจะมีความเป็นไปได้มากกว่าการให้ฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้านหรือสถาบันพระปกเกล้าดำเนินการ ซึ่งการประชุมวิปวุฒิสภาสัปดาห์หน้าคงมีการหารือกันในเรื่องนี้

เมื่อถามว่าหากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ยังปลาบปลื้มกับผลการสลายกลุ่มเสื้อแดง แล้วเดินหน้าบริหารงานต่อไป นายสิริวัฒน์ กล่าวเพิ่มว่า มองได้ 2 ด้าน คือความจำเป็นที่รัฐบาลต้องรักษากฎหมายเอาไว้ ซึ่งตรงนี้ถือว่าสำคัญ แต่ภาพที่มีการสลายการชุมนุมในช่วงกลางดึก โดยที่ยังไม่มีเหตุเพียงพอ รัฐบาลควรทบทวนเป็นบทเรียนหรือไม่ เพราะปัญหาได้ลุกลามทันทีหลังรัฐบาลสั่งให้ทหารออกมาพร้อมอาวุธครบมือ โดยข้ามขั้นตอนจากที่เคยเรียกร้องกันมา

"มท.1" เผยเตรียม ร่างพ.ร.บ.จัดระเบียบชุมนุมเข้าครม.นัดพิเศษ

นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่สมาชิกวุฒิสภา ยื่นข้อเสนอให้รัฐบาลแก้ปัญหาการชุมนุม โดยออกร่าง พ.ร.บ.จัดระเบียบการชุมนุม ว่า เห็นด้วยกับข้อเสนอดังกล่าว เพราะข้อเสนอนี้ก็เป็นทางออกของปัญหาอีกทางหนึ่ง เชื่อว่าร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวจะเป็นมาตรฐานควบคุมการชุมนุที่อาจเกิดขึ้นได้อีก ในอนาคต ทั้งนี้รัฐบาลอาจจะนำเรื่องดังกล่าวเข้าหารือในที่ประชุม ครม.นัดพิเศษในวันศุกร์ที่ 17 เมษายนนี้ ที่ทำเนียบรัฐบาล ส่วนกรณีที่กลุ่มเสื้อแดงระบุว่ามีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ที่บุกเข้า กระทรวงมหาดไทย เมื่อวันที่ 11 เมษายนที่ผ่านมานั้น ซึ่งในวันนั้นตนอยู่ในเหตุการณ์ด้วยยืนยันว่าไม่มีคนเสื้อแดงเสียชีวิตจาก เหตุการณ์ดังกล่าว ข่าวที่ออกมาเป็นข่าวโคมลอย แต่อย่างไรก็ตามยอมรับว่าอาจมีผู้บาดเจ็บบ้างเท่านั้น

ส.ส.เพื่อไทยยื่น นส.ประธานวุฒิฯ ขอลงชื่อเปิดประชุมร่วมสองสภาฯ

ในวันเดียวกัน ส.ส.พรรคเพื่อไทย นำโดยนายวิทยา บุรณศิริ ส.ส.พระนครศรีอยุธยา ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน), พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย ส.ส.นนทบุรี รองประธานสภาฯ คนที่ 2, นายมานิตย์ จิตต์จันทร์กลับ ส.ส.สัดส่วน, นายวุฒิพงษ์ ฉายแสง ส.ส.ฉะเชิงเทรา ยื่นหนังสือพร้อมด้วยลายเซ็น ส.ส.ของพรรคจำนวน 48 คน ต่อนายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา เพื่อขอให้ ส.ว.ร่วมลงชื่อขอเปิดประชุมร่วมกันของรัฐสภาเป็นการด่วนที่สุด เพื่อพิจารณาถึงปัญหาความขัดแย้งความแตกแยกในบ้านเมือง

หนังสือระบุว่า สถานการณ์บ้านเมืองเกิดวิกฤติขัดแย้งกันอย่างรุนแรง เกิดผลกระทบด้านความมั่นคง สังคม โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ รวมถึงภาพลักษณ์ของประเทศในประชาคมโลก ซึ่งได้มีการใช้อำนาจรัฐจำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชน อันจะนำไปสู่ความเสียหายของประเทศอย่างใหญ่หลวง จึงขอให้ประธานรัฐสภาได้โปรดมีดำริเปิดประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อหารือหาข้อยุติของความขัดแย้ง อันจะเป็นแนวทางให้รัฐบาลนำไปสู่การแก้ไขปัญหาโดยเร็ว ซึ่งต้องอาศัยเสียงของสมาชิกรัฐสภา 1 ใน 3 ซึ่งตอนนี้เสียงของฝ่ายค้านที่มีอยู่ไม่เพียงพอ

นายวิทยา กล่าวว่า ที่ผ่านมาฝ่ายค้านพยายามจะเสนอญัตติเข้าสู่ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรแล้ว แต่ประธานสภาฯ ก็ชิงปิดประชุมโดยระบุว่าจะขอรับผิดชอบเอง แต่จนบัดนี้ก็ยังไม่มีการใช้เวทีสภาฯ ในการแก้ไขปัญหา หากไม่สามารถเปิดประชุมร่วมกันของรัฐสภาได้ พวกตนก็อาจจะไปเปิดเวทีปราศรัยแสดงความคิดเห็นอยู่หน้าบ้านหรือตลาดสดเองก็ได้ ถือเป็นสิทธิส่วนบุคคล ไม่ใช่มติพรรค

ด้านนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ และเป็นประธานวิปรัฐบาล กล่าวถึงการที่ฝ่ายค้านเสนอให้เปิดประชุมร่วมกันของรัฐสภาเพื่อหาทางแก้วิกฤติของประเทศว่า ถ้าฝ่ายค้านจริงใจ ตนอยากให้วิปฝ่ายค้านชวน ส.ส.พรรคเพื่อไทยเข้าร่วมประชุมสภาฯ อย่างพร้อมเพรียงก่อน เพื่อแสดงเจตนารมณ์ว่าต้องการใช้สภาฯ ในการแก้วิกฤติของประเทศ ส่วนแนวทางการประชุมต่างๆ สามารถคุยกันได้ โดยเรื่องการแก้ปัญหาระยะยาว การตั้งคณะกรรมการปฏิรูปการเมือง ก็ต้องมาคุยกันว่าจะมีกรอบความคิดอย่างไร

"รัฐบาลยังไม่ทราบรายละเอียด ว่าฝ่ายค้านเสนอให้มีการประชุมร่วมกันของรัฐสภาอย่างไร และคงยังไม่ไปไกลถึงขนาดนั้น ที่สำคัญต้องการเห็นความจริงใจของฝ่ายค้านก่อน" ประธานวิปรัฐบาลกล่าว

ที่มา: เรียบเรียงจากมติชนออนไลน์, เนชั่น, ไทยโพสต์, เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์, เว็บไซต์สยามรัฐ