ตามที่ได้มีประชาชนคนเสื้อแดงจำนวนมาก ได้รวมตัวกันเคลื่อนไหวเรียกร้องให้รัฐบาลเปลี่ยนแปลงการเมืองการปกครองของประเทศจากระบอบที่พวกเขาเรียกว่า "ระบอบอำมาตยาธิปไตย" ให้เป็น "ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข" อย่างแท้จริง ในการนี้กลุ่มเสื้อแดงได้เปิดเผยข้อมูลว่าได้มีคณะบุคคล ซึ่งประกอบด้วยผู้ดำรงตำแหน่งองคมนตรี ผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูงด้านตุลาการ และคนอื่นๆ ได้ร่วมมือกันเพื่อล้มล้างรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งโดยเสียงข้างมากของประชาชน จนนำไปสู่การตอบโต้ไปมาของกลุ่มเสื้อแดงกับคณะบุคคลดังกล่าว ทำให้ประชาชนได้มองเห็นภาพความจริงชัดเจนว่า คณะบุคคลเหล่านี้ไม่ได้วางตัวเป็นกลางทางการเมือง

และตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2548 เป็นต้นมา เหตุการณ์ทางการเมืองในประเทศไทยถูกชี้นำโดยคณะบุคคลซึ่งจงใจใช้อำนาจตุลากร กำลังตำรวจ ทหาร เพื่อเปลี่ยนแปลงการปกครอง จนนำไปสู่การรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 และมีความพยายามสืบทอดอำนาจของคณะปฏิวัติผ่านรัฐธรรมนูญ พศ.2550 การแทรกแซงการเลือกตั้ง และการจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง จนก่อให้เกิดความร้าวฉานอย่างรุนแรงในสังคมไทย

ความจริงเหล่านี้แท้จริงก็ไม่ได้เกินความคาดหมายของประชาชน เพราะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าในสังคมนับตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงการปกครอง พศ.2475 เป็นต้นมา จะแตกต่างก็แต่เพียงว่าในครั้งนี้ได้มีการใช้อำนาจตุลาการมาผนวกกับกำลังทหารเป็นเครื่องมือสำคัญ และคณะปฏิวัติก็ไม่ได้สืบทอดอำนาจโดยตรงผ่านพรรคการเมืองเฉพาะกิจที่จัดตั้งขึ้น แต่หันมาใช้การสืบทอดอำนาจผ่านพรรคการเมืองเก่าแก่ที่ละทิ้งอุดมการณ์ประชาธิปไตยแทนเท่านั้น

            จากข้อเท็จจริงทางการเมืองที่กล่าวมาแล้ว กลุ่ม มสธ.เพื่อประชาธิปไตยดังรายนามข้างล่าง จึงขอแสดงจุดยืนเกี่ยวกับการเมืองไทยในเวลานี้ดังนี้

1)    ขอสนับสนุนการเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นพระประมุขของกลุ่มคนเสื้อแดง เพราะถือว่าเป็นการแสดงออกซึ่งสิทธิพื้นฐานตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 63 และเป็นการเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องให้กลุ่มบุคคลซึ่งมีพฤติกรรมแทรกแซงระบอบการเมืองการปกครองแบบประชาธิปไตยของ ปวงชนชาวไทย เพื่อเปลี่ยนแปลงให้เป็นระบอบประชาธิปไตยครึ่งใบ หรือระบอบอำมาตยธิปไตย ซึ่งไม่สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมไทย และสังคมโลกในยุคปัจจุบัน ให้ยุติพฤติกรรมหรือการกระทำที่ไม่ถูกต้องตามครรลองแห่งระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข

2)    ขอเรียกร้องให้คณะบุคคลที่มีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้องในการบ่อนทำลายการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข แสดงความรับผิดชอบต่อการกระทำของพวกตน ซึ่งถือว่าเป็นการวางตัวไม่เป็นกลางทางการเมือง และเป็นการกระทำที่ก่อให้เกิดความระคายเคืองต่อสถาบันพระมหากษัตริย์โดยเฉพาะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวองค์ปัจจุบัน ซึ่งทรงมีพระปณิธานแน่วแน่ว่า จะทรงเป็นพระมหากษัตริย์ของประชาชนคนไทยทุกคนทุกหมู่เหล่า ดังพระราชดำรัสที่ว่า "เราจะปกครองสยามโดยธรรม"

3)    ขอเรียกร้องให้รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หยุดการกระทำการในสิ่งต่างๆที่ขัดกับหลักการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข ดังนี้

3.1) ให้หยุดการแทรกแซงสื่อสารมวลชน โดยเฉพาะสื่อวิทยุและโทรทัศน์ สื่ออินเตอร์เนตที่ไม่ใช่พวกเดียวกับรัฐบาล เพื่อเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนทุกแขนง สามารถนำเสนอข้อมูลข่าวสารและความคิดเห็นได้อย่างรอบด้านเป็นธรรมและถูกต้อง และให้ประชาชนทุกคนสามารถรับรู้ข้อมูลข่าวสารได้เพียงพอสำหรับการตัดสินใจทางการเมืองในฐานะพลเมืองของชาติได้

3.2) ให้หยุดการกระทำต่างๆ ที่มุ่งขัดขวางการรวมตัวของประชาชนกลุ่มเสื้อแดง เพื่อแสดงออกทางประชาธิปไตยของปวงชนชาวไทยตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 มาตรา 63 เพราะการกระทำดังกล่าว ไม่สามารถแก้ไขปัญหาความขัดแย้งการเมืองในครั้งนี้ได้ และในทางตรงกันข้ามจะเป็นการเร่งให้เกิดความรุนแรงในสังคมยิ่งขึ้น

3.3) ให้หยุดการกระทำที่จะใช้กำลังทหาร ตำรวจ เข้าสลายฝูงชนคนเสื้อแดงที่มีความคิดเห็นแตกต่างจากรัฐบาล เพราะการกระทำดังกล่าว นอกจากจะบ่งชี้ถึงการปฏิบัติที่เป็นสองมาตรฐานของรัฐบาลแล้วยังจะกลายเป็นฉนวนนำไปสู่การแตกแยกอย่างรุนแรงครั้งใหม่ในสังคมไทย ซึ่งครั้งหนึ่งเราเคยมีประสบการณ์ความแตกแยกมาแล้วในช่วงสงครามเย็น ซึ่งส่งผลให้รัฐบาลในยุคนั้นได้ใช้กำลังตำรวจทหารเข่นฆ่าประชาชนคนไทยด้วยกันที่มีแนวคิดทางการเมืองแตกต่างจากรัฐบาลไปนับหมื่นนับแสนคน เพียงเพราะมองว่าคนเหล่านั้นเป็นพวกต่อต้านรัฐบาล ไม่รักชาติ รักแผ่นดินเหมือนทหาร ตำรวจ และเสนาอำมาตย์ทั้งหลาย

                                                            กลุ่ม มสธ.เพื่อประชาธิปไตย

                                                                                          7 มีนาคม 2552

รายนามคณะบุคคล กลุ่ม มสธ. เพื่อประชาธิปไตย

1. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ภัททิญา สิริบวรพิพัฒน์


2. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ธวัชชัย สุวรรณพานิช


3. รองศาสตราจารย์ลาวัลย์ หอนพรัตน์


4. รองศาสตราจารย์ ดร.สุรพร เลี้ยวสลาย


5. รองศาสตราจารย์อัจฉรา ชีวะตระกูลกิจ


6. รองศาสตราจารย์ฐาปนา ฉิ่นไพศาล