"พันธมิตร"ชุมนุมร้อยเอ็ด"สมเกียรติ"ลั่นไม่ให้มีพื้นที่ระบอบทักษิณในอีสาน-ป้าเมืองนนท์ด่ามาร์คหนีทหาร

"เสื้อแดง" ไล่ไม่สำเร็จ "เสื้อเหลืองร้อยเอ็ด" กลับมาชุมนุมต่อที่บึงพลาญไชย "สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์" ลั่นไม่ต้องการให้มี "พื้นที่ของระบอบทักษิณ" ในอีสาน นัดพันธมิตรฯ วันวาเลนไทน์พบกันที่อุดรธานี วันถัดมาที่ "ขอนแก่น" ด้าน "อภิสิทธิ์" ช่วยลูกพรรคหาเสียง เจอป้าตะโกนใส่ลูกทีม "หนีทหารเป็นนายกฯ ได้ยังไง"

 

 

 


อมร อมรรัตนานนท์ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยร่วมเซิงกับผู้ชุมนุมพันธมิตรที่ จ.ร้อยเอ็ด วานนี้ (ที่มาของภาพ: ASTVผู้จัดการออนไลน์)

วานนี้ (24 ม.ค.52) บริเวณบึงพลาญไชย หน้าสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ร้อยเอ็ด มีการตั้งเวทีปราศรัยของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จ.ร้อยเอ็ด โดยกำหนดการในเวลา 18.00 น.จะมีแกนนำพันธมิตร เช่น นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ นายสมศักดิ์ โกศัยสุข นายพิภพ ธงไชย นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ และนายตวง อันทะไชย ส.ว.ร้อยเอ็ด ขึ้นปราศรัยด้วย

 

ทั้งนี้ เวลา 15.00 น. กลุ่มคนเสื้อแดงกว่า 2,000 คน ได้เคลื่อนขบวนไปยังเวทีพันธมิตร และได้ฮือฝ่าวงล้อมของตำรวจ ที่เตรียมกำลังไว้ 5 กองร้อย และอีก 1 กองร้อยผสม โดยกลุ่มคนเสื้อแดงได้บุกเข้ายึดเวทีพันธมิตร และใช้รถเครื่องขยายเสียงปราศรัยโจมตี และประกาศห้ามให้พันธมิตรมาจัดเวทีที่ จ.ร้อยเอ็ด อีกเด็ดขาด ถ้าไม่เชื่อฟังจะได้รับบทเรียนอย่างหนัก แต่ไม่มีการปะทะกันแต่อย่างใด

 

ต่อมาเวลา 19.30 น. นายนิสิต สินธุไพร อดีตกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน แกนนำกลุ่มเสื้อแดงรักประชาธิปไตยร้อยเอ็ด ขึ้นกล่าวปราศรัยบนรถเครื่องขยายเสียง เพื่อประกาศชัยชนะหลังจากบุกยึดเวทีพันธมิตรร้อยเอ็ดได้ จากนั้นกลุ่มคนเสื้อแดงก็สลายการชุมนุม

 

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ผู้ชุมนุมเสื้อแดงสลายการชุมนุมไปแล้ว พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจังหวัดร้อยเอ็ดหลายร้อยคนได้ทยอยกลับมาชุมนุมต่อ มีนายพิชิต ไชยมงคล หรือ "น้องตั้ม" โฆษกพันธมิตรฯ คนสำคัญได้ปราศรัยย่อย จากนั้นบรรดาศิลปินได้แสดงดนตรี ส่วนแกนนำสลับขึ้นเวทีปราศรัยกันอย่างต่อเนื่อง
       
เวลา 22.45 น. นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ หนึ่งในแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และ ส.ส.ส.สัดส่วนพรรคประชาธิปัตย์ ได้ขึ้นเวทีปราศรัยนายสมเกียรติ กล่าวว่า เท่าที่ลงพื้นที่ในภาคอีสาน โดยเฉพาะล่าสุดที่มาเปิดเวทีร่วมกับพันธมิตรฯ ร้อยเอ็ด พบว่า กลไกที่หยั่งรากลึกในระบอบทักษิณ ยังคงฝั่งแน่นในภาคอีสาน ดังจะเห็นจากพฤติกรรมของผู้ว่าราชการจังหวัด หรือแม้แต่นายตำรวจ ทำให้เห็นว่าอิทธิพลของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จำเลยหนีคุก ยังคงมีอยู่มีความมั่นคงในภูมิภาคแห่งนี้ ที่พิสูจน์ได้จากการที่กลุ่มม็อบเสื้อแดงได้เข้ามาสร้างปัญหาให้กับการ ชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรจังหวัดร้อยเอ็ดที่ยังพบเห็นระบบการสวามิภักดิ์ต่อ ระบอบทักษิณยังมีอยู่และพร้อมที่จะกลับมารับใช้อยู่ตลอดเวลา

 

อีกทั้งนักการเมืองในภาคอีสานก็ยังสมยอมและพร้อมที่จะเป็นเครื่องมือ ให้กับระบอบทักษิณ อยู่ตลอดเวลา ทั้งยังมีความพยายามในการเตรียมการที่จะเป็นฐานการเมืองที่เตรียมตัวที่จะ ฟื้นคืนชีพให้กับระบอบทักษิณที่พันธมิตรฯ สามารถจับได้และรู้ทัน

 

"ความต้องการที่แท้จริงของพันธมิตรฯ จึงไม่ต้องการที่จะให้มีพื้นที่ให้กับระบอบทักษิณ ดังจะพบได้จากความพยายามของพี่น้องพันธมิตรทั่วภาคอีสาน โดยเฉพาะในเขตเทศบาลเมืองมีความพยายามที่จะนำทาง นำความรู้ไปยังพี่น้องประชาชน แต่ก็ต้องมาถูกปิดกั้นด้วยระบอบสวามิภักดิ์ต่อระบอบทักษิณแต่พันธมิตรฯ ก็สามารถเปิดเวทีขึ้นมาจนได้ถึงแม้จะมีปัญหาในการต่อรองและยื้อเวลามานานถึง 2 ชั่วโมง"



นายสมเกียรติ กล่าวต่อไปว่า ความเลวร้ายของระบอบทักษิณในรอบ 5 ปีที่ผ่านมากับปัญหาความยากจนที่ดำรงอยู่ในภาคอีสาน กับปัญหาของนักการเมืองที่ปล้นชาติที่อยู่ในระบอบทักษิณ ทำให้ภูมิภาคนี้ (ภาคอีสาน) ถูกจับตามองเป็นพิเศษ ดังนั้นจากปัญหาที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ รัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ควรที่จะต้องสร้างกลไกใหม่ให้กับผู้ว่าราชการจังหวัดและกลไกตำรวจให้อยู่ใน อำนาจรัฐ แปลความได้ว่า จะต้องให้ ผู้ว่าราชการจังหวัดและตำรวจในระดับภูมิภาคจะต้องอยู่ในอำนาจของรัฐบาลกลาง ไม่ใช่ว่าจะปล่อยให้ทางตำรวจหรือทางจังหวัดสามารถที่จะแข็งข้อต่อรัฐบาลอีก ทั้งยังปล่อยให้เกิดปัญหาที่ไม่เกิดความสงบสุขภายในประเทศ

 

"เพราะในขณะนี้ กลไกของผู้ว่าราชการจังหวัด และ ตำรวจ กลายเป็นกลไกเดียวที่จะสามารถเป็นเครื่องมือให้กับระบอบทักษิณได้ รัฐบาลจึงควรที่จะต้องกล้าตัดสินใจในการปฏิรูป กลไกของตำรวจและปฏิรูปกลไกของอำนาจผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ เพราะหากรัฐบาลไม่ยอมแก้ไขปัญหานี้ การแก้ไขปัญหาให้ตรงถึงระดับภูมิภาคก็จะล่าช้าและไม่ก้าวไปไหน"

 

นายสมเกียรติ กล่าวอีกว่า ในส่วนของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขอยืนยันว่า ในการร่วมสร้างการเมืองใหม่ พันธมิตรฯ จะยังคงเดินหน้าในการเปิดพื้นที่ในภาคอีสานต่อไป โดยกำหนดที่จะเปิดเวทีในรูปแบบคาราวานพันธมิตรใหญ่ ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ที่ จ.อุดรธานีและวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2552 ที่ จ.ขอนแก่น เพราะบทพิสูจน์จากความอหิงสา ในเวที จ.ร้อยเอ็ดที่สามารถยึดเวทีคืนและเปิดเวทีปราศรัยได้ นั้นก็คือความสำเร็จของพันธมิตรทุกคน

 

"เกี่ยวกับการสร้างการเมืองใหม่ หรือการเปิดเวทีแต่ละครั้งสิ่งที่ต้องการฝากถึงพี่น้องพันธมิตรฯ ภาคอีสานทุกจังหวัด ควรที่จะต้องมีการวางแผนให้รัดกุมโดยเฉพาะการประสานความร่วมมือกับเพื่อน พันธมิตรในหลายๆ จังหวัดและควรอย่างยิ่งที่จะต้องดำเนินการจัดแบบกลุ่มก้อน

 

"ในขณะเดียวกันก็จะต้องวางแผนร่วมกับพันธมิตรส่วนกลาง และควรที่จะต้องจัดให้มีเวทีปราศรัยให้ได้ในทุกจังหวัดของภาคอีสานที่ควรจะ เกิดคาราวานพันธมิตรในลักษณะของการหมุนเวียนให้ความรู้กับพี่น้องประชาชน และขอให้พี่น้องพันธมิตรมีกำลังใจและมั่นใจในการสร้างการเมืองใหม่ร่วมกัน" นายสมเกียรติ กล่าวในที่สุด

 

 

 

"มาร์ค" เจอป้าด่า "หนีทหาร" ระหว่างหาเสียงนนทบุรี ส่วนแม่ค้าดีใจประเทศไทยได้นายกฯ รูปหล่อ

 

เวลาประมาณ 7.00 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี และทีมงานของพรรคประชาธิปัตย์ ได้ลงพื้นที่ จ.นนทบุรี ช่วย นายณรงค์ จันทนดิษ ผู้สมัคร ส.ส.นนทบุรี เขต 2 พรรคประชาธิปัตย์ หาเสียงที่ตลาดบางบัวทอง ซึ่งจะมีการเลือกตั้งซ่อม ส.ส. ในวันที่ 25 ม.ค. นี้

 

สำหรับการเลือกตั้งดังกล่าว เป็นการเลือกตั้งซ่อมแทน นายสมบัติ สิทธิกรวงศ์ อดีต ส.ส.ของพรรค ซึ่งเสียชีวิตเช้ามืดของวันที่ 15 ธ.ค. หลังนายสมบัติอยู่ระหว่างการพักฟื้นการผ่าตัดหัวใจ และออกจากโรงพยาบาลกลับมาพักที่บ้านเพื่อเตรียมเดินทางไปโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในเช้าวันที่ 15 ธ.ค. ซึ่งนายสุเทพกำชับให้ลูกพรรค "ห้ามป่วย ห้ามลา"

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่นายอภิสิทธิ์ช่วยลูกพรรคหาเสียงได้รับความสนใจจากพ่อค้าแม่ค้า และประชาชนเป็นจำนวนมาก เข้ามารุมล้อมมอบดอกไม้ ขอถ่ายรูป บางคนเข้ามากอด และหอมแก้ม พร้อมขอลายเซ็น บ้างก็ให้เซ็นบนแผงขายของ และกล่าวชื่นชมในความหล่อของนายกฯ โดยบางคนบอกว่า "หล่อกว่าในทีวี" หรือ "ดีใจที่ประเทศไทยมีนายกฯ รูปหล่อ" โดยระหว่างนั้นมีผู้ค้าจากตลาดคลองเตยเข้ามาร้องเรียนปัญหาความขัดแย้งกับกลุ่มนายทุนด้วย โดยนายกฯ ระบุว่า ขณะนี้ได้ให้ ส.ส.ลงไปตรวจสอบเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว

 

ก่อนที่นายกฯ จะเดินทางมาถึง มีหญิงสูงอายุเดินมาตะโกนใส่ทีมผู้สมัคร ส.ส. ที่ลงพื้นที่หาเสียงที่ตลาดบางบัวทองว่า "หนีทหารเป็นนายกฯ ได้อย่างไร" ซ้ำไปซ้ำมาหลายครั้ง ตำรวจที่มาดูแลความปลอดภัยต้องกันหญิงคนดังกล่าวออกจากตลาดไป

 

นอกจากนี้ระหว่างนายอภิสิทธิ์ปราศรัยบนเวที มีชายคนหนึ่งถีบรถสามล้มรับจ้างติดป้ายเขียนว่า "ยึดทำเนียบฯไม่เป็นไร แต่ปาไข่ติดคุก" วนไปมาอยู่ใกล้ขบวนรถยนต์ของนายกฯที่จอดอยู่หน้าตลาดบางบัวทอง โดยถีบวนอยู่หลายรอบจนกระทั่งขบวนของนายอภิสิทธิ์เคลื่อนตัวออกไป

 

ต่อมา เมื่อนายอภิสิทธิ์เดินทางไปต่อที่ตลาดปากเกร็ด ซึ่งแม่ค้าส่วนใหญ่แสดงการต้อนรับ แต่เมื่อมาถึงบริเวณร้านค้าริมทางใต้สะพานพระราม 4 มีวินมอเตอร์ไซด์รับจ้างประมาณ 10 คน ซึ่งจับกลุ่มยืนอยู่อีกฝั่งหนึ่งของถนน ตะโกนและโห่จนเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเข้าไประงับเหตุ

 

และเมื่อคณะของนายอภิสิทธิ์เดินมาถึงหน้าร้านขายขนมปังและเบเกอร์รี่ซึ่งอยู่ บริเวณใกล้กัน หญิงวัยกลางคนเจ้าของร้านรีบนำตีนตบสีแดงขึ้นมาเขย่า พร้อมกับตะโกนว่า "ไปหาเสียงไกลๆ เลย" ทำเอานายอภิสิทธิ์ถึงกับตกใจเล็กน้อยแล้วก็เดินผ่านไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย

 

นายอภิสิทธิ์กล่าวถึงกรณีถูกกลุ่มต่อต้านบางคนด่าขณะลงพื้นที่หาเสียงว่า ถือเป็นธรรมดา คิดว่าบรรยากาศการเมืองตอนนี้จะหวังให้ราบรื่นร้อยเปอร์เซ็นต์เป็นไปไม่ได้ แต่เห็นว่ามีแนวโน้มดีขึ้นโดยลำดับ ตราบใดที่ไม่ทำผิดกฎหมาย และทุกอย่างอยู่ในความสงบเรียบร้อย

 

ส่วนกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ จะโฟนอินเข้ามาในสถานีโทรทัศน์ดีทีวีนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า "ไม่มีปัญหาอะไร" และเมื่อนักข่าวถามย้ำว่าไม่ให้ราคาใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ก็กล่าวว่า "ผมไม่ได้พูดนะ ถือว่านักข่าวเป็นคนพูดเอง"

 

นายอภิสิทธิ์ยังกล่าวถึงแนวคิดการออกกฎหมายจัดเก็บภาษีที่ดินและภาษีมรดก ว่า ทั้งสองเรื่องนี้เป็นเรื่องที่รัฐบาลจะเดินหน้า เพราะเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิรูประบบภาษี แต่ยังมีรายละเอียดที่ต้องพิจารณาให้รอบคอบ ซึ่งนายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง กำลังศึกษารายละเอียดอยู่ ในส่วนภาษีที่ดินอาจไม่ซับซ้อน คนที่มีที่ดินว่างเปล่าจำนวนมาก แต่ไม่ใช้ประโยชน์ต้องจัดเก็บภาษีในอัตราก้าวหน้า ส่วนภาษีมรดกมีรายละเอียดว่าจะมีการจัดเก็บ และมีข้อยกเว้นอย่างไร เพราะแม้แต่ในต่างประเทศก็มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

 

เมื่อถามว่า กฎหมายนี้จะถูกขัดขวางจากคนรวยที่ถือทรัพย์สินและที่ดินจำนวนมาก ซึ่งเป็นฐานเสียงของพรรคหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า มันมีการเปลี่ยนแปลงในเชิงโครงสร้างที่เราต้องทำหลายเรื่อง แต่เราต้องอธิบาย และคิดว่าคนที่ได้รับผลกระทบก็จะเข้าใจว่าทำไมเราต้องทำอย่างนี้ และยิ่งแสดงให้เห็นว่าการที่รัฐบาลเดินหน้าเรื่องนี้ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของตัวเอง แต่เป็นเพื่อประโยชน์ของส่วนรวม

 

 

 

ที่มาของข่าวบางส่วน: เรียบเรียงจากคมชัดลึก เอเอสทีวีผู้จัดการออนไลน์

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท