Skip to main content
sharethis

30 ธ.ค.51  เวลาประมาณ 9.00 น. ที่ศาลอาญารัชดา กรุงเทพฯ มีการพิพากษาคดีสังหาร นายเจริญ วัดอักษร แกนนำกลุ่มอนุรักษ์ท้องถิ่นบ่อนอก ที่คัดค้านโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินในพื้นที่ ซึ่งถูกยิงเสียชีวิตเมื่อวันที่ 21 มิ.ย.2547 คดีหมายเลข 2945/2547 มีพนักงานอัยการสำนงานอัยการพิเศษ ฝ่ายคดีพิเศษ1 เป็นโจทย์ฟ้อง จำเลย 5 คน ได้แก่ นายเสน่ห์ เหล็กล้วน, นายประจวบ หินแก้ว เป็นจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ในความผิดร่วมกันฆ่านายเจริญตายโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน และ นายธนู หินแก้ว, นายมาโนช หินแก้ว, นายเจือ หินแก้ว เป็นจำเลยที่ 3, 4 และ 5 ตามลำดับ ในความผิดร่วมกันใช้ จ้างวาน ให้ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน


ทั้งนี้ จำเลยที่ 1-2 ซึ่งให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนและถูกจำคุกอยู่นั้น ได้เสียชีวิตไปแล้วในเรือนจำ โดยจำเลยที่ 2 เสียชีวิตเมื่อ 21 มี.ค.2549 จำเลยที่ 1 เสียชีวิตเมื่อ 2 ส.ค.2549 อย่างไรก็ตาม ฝ่ายโจทก์มีประจักษ์พยานเบิกความว่า รู้จักกับจำเลยที่ 1 มาก่อน และเห็นจำเลยที่ 1 ขี่รถจักรยานยนต์พาจำเลยที่ 2 นั่งซ้อนท้ายมานั่งพักห่าง 1 เมตร มีแสงไฟจากถนนและแสงไฟจากร้านค้าส่องสว่าง กระทั่งเวลา 21.00 น. ผู้ตายลงจากรถเดินไปทางวัดบ่อนอก แล้วได้ยินเสียงปืน 3-4 นัด ชายที่ถูกยิงยกมือไหว้ขอชีวิต แต่จำเลยยังยิงซ้ำอีก 6 นัด เมื่อพยานวิ่งไปดูพบว่าคนที่ถูกยิงคือนายเจริญ และชี้รูปคนร้ายถูกต้อง คำเบิกความของพยานมีหลักฐานสนับสนุนเชื่อมโยงน่าเชื่อถือ สอดคล้องกับคำให้การรับสารภาพของจำเลย ที่ 1- 2 และพาไปชี้ที่เกิดเหตุไปหาอาวุธปืนของกลางที่ทิ้งลงบ่อน้ำ พฤติการณ์ฟังได้ว่า จำเลยที่ 1 - 2 มีเจตนาฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน แต่จำเลยที่ 1 - 2 เสียชีวิตระหว่างการพิจารณาคดี โทษอาญาจึงเป็นอันระงับไปตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา39(1)


นอกจากนี้ศาลได้ตัดสินประหารชีวิตจำเลยที่ 3 ด้วยความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 (4) ผู้ใดฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนต้องระวางโทษประหารชีวิต เนื่องจากมีการซัดทอดชัดเจนจากจำเลยที่ 1- 2 ก่อนเสียชีวิตลงในเรือนจำว่าจำเลยที่ 3 เป็นผู้ใช้จ้างวานไปฆ่าผู้ตาย และระบุถึงสาเหตุความขัดแย้งว่าเป็นเพราะผู้ตายเป็นแกนนำเคลื่อนไหวต่อต้านโรงไฟฟ้า ประกอบกับพยานเบิกความว่า สาเหตุการฆ่าก็เพราะผู้ตายเป็นแกนนำเคลื่อนไหวต่อต้านโรงไฟฟ้า และเป็นแกนนำในการตรวจสอบที่ดินสาธารณะคลองชายธง โดยมีจำเลยที่ 5 ได้รับผลประโยชน์ในการก่อสร้างร่วมกับจำเลยอื่นๆ


ส่วนจำเลยที่ 4 นั้น ศาลพิพากษายกฟ้องเนื่องจากยังมีเหตุแห่งความสงสัยเกี่ยวกับหลักฐานการติดต่อทางโทรศัพท์ของจำเลยที่ 4 กับจำเลยที่ 1 - 2 ในระหว่างเกิดเหตุ ซึ่งแม้พบการโทรหากันจริง แต่ไม่อาจแน่ใจได้ว่าการโทรนั้นสามารถติดต่อกันได้หรือไม่ หรือแม้ติดต่อได้ก็ไม่รู้ถึงการสนทนา จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย


ส่วนจำเลยที่ 5 นั้น ศาลพิพากษายกฟ้อง เนื่องจากการยังไม่มีหลักฐานที่สามารถสรุปได้ว่า อาวุธปืน 1 ใน 2 กระบอกที่มือปืนใช้สังหารผู้ตายอยู่ในการครอบครองของจำเลยที่ 5 และแม้จำเลยที่ 2 เคยให้การพาดพิงถึงจำเลยที่  5 แต่ก็กลับคำให้การกลับไปมา จนน่าสงสัย จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลยที่ 5 อย่างไรก็ตาม ศาลได้สั่งขังจำเลยที่ 5 ไว้ระหว่างการอุทธรณ์ ขณะนี้อยู่ระหว่างการยื่นประกันตัวของทนายจำเลย


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการพิพากษาของศาล ไม่มีชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์ท้องถิ่นบ่อนอกเข้าร่วมฟังการพิจารณาแต่อย่างใด มีเพียงผู้สื่อข่าวและนางอังคณา นีละไพจิตร อย่างไรก็ตาม กลุ่มอนุรักษ์ท้องถิ่นบ่อนอกมีกำหนดจะจัดงานสัมมนาเกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรมในคดีนายเจริญ วัดอักษร ประมาณกลางเดือนมกราคม 2552

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net