ภาพถ่ายโดย: ภาพันธ์ รักษ์ศรีทอง           

 

 

มือมืดวางกระเป๋าลึกลับหน้าบ้านพระอาทิตย์

(4มิ.ย.) เวลา 04.00 น. พ.ต.ท.สำเริง ส่งเสียง สารวัตรเวร สน.ชนะสงคราม รับแจ้งเหตุพบวัตถุต้องสงสัยวางอยู่บริเวณประตูหน้าบ้านเลขที่ 102/2 ถนนพระอาทิตย์ แขวงชนะสงครม เขตพระนคร กทม.เป็นบ้านของ ศ.ดร.สุรวุฒิ สุขสวัสดิ์ อยู่ติดกับรั้วบ้านพระอาทิตย์ จึงรายงานให้พ.ต.อ.ทรงพล วัธนะชัย รอง ผบก.น.1 ทราบและรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพบกระเป๋าเดินทางสีดำวางอยู่ประตูทางเข้าบ้านของดร.สุรวุฒิ สอบสวนนายอภินันท์ ปั้นทอง อายุ 28 ปี เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยบ้านเจ้าพระยาของเอเอสทีวี ให้การว่า เวลาประมาณ 04.00 น.มีชายสวมหมวกแก๊ปสีดำ ใส่เสื้อแจ๊กเก็ตสีดำ มีท่าทางพิรุธเดินวนเวียบริเวณดังกล่าวและวางกระเป๋า จากนั้นก็มีชายขี่จักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้าคลิกสีแดง ไม่ทราบแผ่นป้ายทะเบียนมาวนเวียนบริเวณดังกล่าว 2-3 รอบก่อนจะรับชายคนดังกล่าวขี่หลบหนีไป

 

ต่อมาเจ้าหน้าที่เก็บกู้วัตถุระเบิด กองบัญชาการตำรวจนครบาล นำโดย พ.ต.อ.วรชิต กาญจนเสน ผกก.กลุ่มงานเก็บกู้วัตถุระเบิด บก.ตปพ.บช.น.เดินทางมาถึงแล้วใช้ปืนแรงดันน้ำยิงใส่กระเป๋าต้องสงสัยดังกล่าวจนมีเสียงบึ้ม จากนั้นก็เข้าไปตรวจสอบพบว่าเป็นกระเป๋ายี่ห้อ KIKMAK ภายในมีถ่ายไฟฉาย ขนาด 1.5 โวลต์ขนาดี 6 ก้อนนาฬิกา ไม่มีถ่านพันด้วยเทปสีดำ เบื้องต้นเชื่อว่าสร้างสถานการณ์

 

พันธมิตรฯ ใช้แผนดาวกระจายพรุ่งนี้

เมื่อเวลา 17.00 น.นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรยอมรับว่า การชุมนุมเงียบเหงาพอสมควร ดังนั้นในวันพฤหัสบดีที่ 5 มิถุนายนนี้ จะเปิด "ยุทธการดาวกระจาย" โดยเปิดรับอาสาสมัคร 200-300 คนออกเคลื่อนขบวนไปติดตามความคืบหน้าหน่วยงานที่ดำเนินคดีต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี อาทิ สำนักงานอัยการสูงสุด กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) นอกจากนี้ช่วงสัปดาห์นี้ อาจจะมีการประกาศให้มีการเคลื่อนขบวนของกลุ่มพันธมิตร แต่ยังไม่ได้ตกลงว่าจะเป็นวันใด ระหว่างวันศุกร์กับวันเสาร์

 

นายสุริยะใส กล่าวว่า สำหรับยุทธศาสตร์ดาวกระจายนั้น อาจจะใช้อาสาสมัคร 2 ชุด เดินทางไป 2 ที่ในหนึ่งวัน แต่กำลังส่วนใหญ่จะยังอยู่ที่นี่ สำหรับบนเวทีนั้น จะมีการปรับรูปแบบให้ประชาชนมีส่วนร่วมมากขึ้น โดยในช่วงเสวนา จะมีไมค์ลอยเพื่อให้ผู้มาร่วมชุมนุม ที่มีความเห็นต่าง สามารถถามแย้งขึ้นมาบนเวทีได้ เปรียบเสมือนการอภิปรายในห้องเรียน หรือมหาวิทยาลัยจริงๆ

 

เตรียมแผนสงครามข้อมูลข่าวสาร ออกหนังสือ "มหาวิทยาลัยราชดำเนิน"

นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แถลงว่า วันนี้เป็นวันที่สองที่มีการปรับรูปแบบการชุมนุม เป็นโรงเรียนการเมือง คล้ายๆ กับมหาวิทยาลัยราชดำเนิน โดยวันนี้จะมีการเสวนา 2 เรื่อง ในเวลา 19.00 น. จะเสวนาในหัวข้อ ฆ่าตัดตอน ศาลเตี้ยในระบอบทักษิณ โดยจะมี นางอังคนา นีละไพจิต นายประพันธ์ คูณมี และนายวสันต์ พานิชย์ ร่วมเสวนาด้วย จากนั้นในเวลา 21.30 น. จะดำเนินการเสวนาในหัวข้อ ความสัมพันธ์ไทย- เขรมร ประวัติศาสตร์การเมืองเขาพระวิหาร โดยมี อาจารย์สุดาทิพย์ อินทร เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์มาร่วมเสวนาด้วย ส่วนศิลปินที่จะมาร่วมงานในวันนี้ มี คุณนัดดา วิยะกานต์ เป็นต้น

 

นายสุริยะใสกล่าวอีกว่า นอกจากนี้เราจะทำสงครามข้อมูลข่าวสาร เพื่อให้ข่าวสารไปถึงประชาชน อาจออกหนังสือพิมพ์ ชื่อ มหาวิทยาลัยราชดำเนิน เป็นรายปักษ์ หรือรายสัปดาห์ ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างการพิจารณา และขอยืนยันว่า การชุมนุมสามารถทำได้ต่อเนื่องยาวนานไม่น้อยกว่า 1 ปี โดยไม่ขาดเสบียงและทุนแน่นอน เพราะได้รับการสนับสนุนไม่ว่าจะเป็นทุน เสบียงอาหาร อย่างต่อเนื่อง

 

"พันธมิตร" จัดเสวนารื้อคดีฆ่าตัดตอน แนะญาติของเหยื่อรวมตัวไปร้องเรียนกรรมการสิทธิ์

เมื่อเวลา 19.10 น.บนเวทีพันธมิตรฯ มีการจัดรายการเสวนาทางวิชาการในเรื่องคดีฆ่าตัดตอนจากนโยบายการประกาศสงครามปราบปรามยาเสพติดของรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่มีผู้เสียชีวิตกว่า 2,500 คน โดยมีนายประพันธ์ คูณมี อดีตสนช. และนายวสันต์ ผานิช อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชน เป็นผู้ร่วมเสวนา ซึ่งแนะนำให้ญาติของผู้เสียชีวิตรวมตัวกันมาร้องเรียนขอเป็นธรรมที่คณะกรรมการสิทธิ์ฯ เพราะคนที่เกี่ยวข้องยังคงอยู่ในประเทศไทย ซึ่งถ้ากระบวนการยุติธรรมเข้มแข็งก็จะสามารถนำคนผิดเข้าคุก และโทษถึงขั้นประหารชีวิต แต่ทุกวันนี้มีการโยกย้ายตำรวจซึ่งเป็นชั้นต้นของกระบวนการยุติธรรม

 

นายประพันธ์ กล่าวว่า หากนายสมัคร และร.ต.อ.เฉลิม เดินหน้านโยบายดังกล่าวจะเป็นสิ่งที่น่ากลัว จึงขอให้วุฒิสภา สภาทนายความ กรรมการสิทธิ์ฯ ตั้งทีมคอยให้ความช่วยเหลือประชาชนด้านกฎหมาย

 

พรุ่งนี้ "พันธมิตร" ฟุดฟิดฟอไฟ ปราศรัยภาษาอังกฤษให้ต่างชาติเข้าใจ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการชุมนุมของพันธมิตรฯ ในวันนี้ยังคงเป็นการจัดรายการแบบให้ข้อมูลมากกว่าการปราศัย ซึ่งในวันพรุ่งนี้เวลาประมาณ 18.00 น. จะมีการปราศรัยเป็นภาษาอังกฤษเพื่อให้ผู้สื่อข่าวต่างประเทศได้เข้าใจในอุดมการณ์ของพันธมิตรให้สังคมโลกเข้าใน โดยจะมีการเชิญนักวิชาการและสื่อต่างชาติมารับฟัง

 

อย่างไรก็ตามในวันพรุ่งนี้พันธมิตรจะให้วิธีการชุมนุมแบบดาวกระจาย เพื่อหาแนวร่วมในการขับไล่รัฐบาลตามจุดสำคัญๆ ต่างในกทม.และต่างจังหวัด

 

"เหลิม" ดึง "พัลลภ-มนูญกฤต" คุย "จำลอง"

ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย เปิดเผยว่า หากนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ให้ตนเจรจากับพันธมิตรก็จะใช้ความสนิทสนมส่วนตัวที่มีต่อกันมากว่า 30 ปี โดยจะขอให้ พล.ต.มนูญกฤต รูปขจร และ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตนายทหาร จปร.7 ไปช่วยพูดคุยกับ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง เนื่องจาก พล.ต.จำลอง ถือเป็นผู้มีเครดิตทางสังคม ถอนตัวจากการชุมนุมเรื่องจะได้ยุติ ส่วนนายสนธิ ลิ้มทองกุล คงไม่ต้องไปเจรจา เพราะคั้นก็ไม่มีกะทิ แกงไม่ได้ เหลือแต่กากแล้วเท่านั้น

 

 "เพิ่งนึกได้เมื่อเช้า ตอนนั่งรถมาทำงาน พี่ลองเฮี้ยนนัก ก็ให้พี่นูญไปคุย พี่นูญกับพี่ลภและผมชอบกัน แล้วสองคนนั้นก็สนิทกับพี่ลอง อย่างไรก็ตาม พี่นูญ ผมไม่แน่ใจ เพราะท่านอยู่กับฝ่ายค้าน แต่ถ้าผมไปพูด ผมว่าท่านเมตตา เพราะรักกัน ผมคิดสูตรง่ายๆ นะ แต่ต้องรอลุงหมัก (นายสมัคร สุนทรเวช) มอบหมายก่อน ไม่อย่างนั้นน่าเกลียด เดี๋ยวรัฐบาลตำหนิว่าเฉลิมต้องไปขอร้องฝ่ายค้านให้ไปเจรจา ผมไปเอง ลุงหมักจะตีและดุเอา แต่ถ้าพี่ลองถอนตัวคนเดียวเรื่องก็จบ" ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว

 

ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวด้วยว่า ขณะนี้หน่วยงานด้านการข่าวของตนระบุว่า ในเร็วๆ นี้จะมีการสร้างสถานการณ์ความวุ่นวายเกิดขึ้น แล้วโทษว่าเป็นฝีมือของรัฐบาล ขอยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้เป็นผู้อยู่เบื้องหลังอย่างแน่นอน เพราะอาจส่งผลกระทบรุนแรง รัฐบาลอาจเสียหายได้ หากกลุ่มพันธมิตรอยากเห็นบ้านเมืองสงบขอให้ไปชุมนุมในสถานที่ที่เหมาะสม สะพานมัฆวานรังสรรค์เป็นทางผ่าน ต้องไปชุมนุมในที่อโคจร เช่น สวนลุมพินี ที่มีขอบเขตมิดชิด อยากถามว่าพันธมิตรจะเอาอย่างไรกันแน่

 

ส่วนกรณีที่กลุ่มพันธมิตรจะบุกไปบ้านริมคลองนั้น ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ไม่เป็นไร ขอเชิญ เพราะบ้านกว้าง และลานวัดก็ใหญ่มาก อยากมาก็มา

 

ผบ.ตร.ยืนยันใช้วิธีเจรจากับม็อบ

พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.กล่าวถึงมาตรการดูแลกลุ่มผู้ชุมนุมว่า หากการชุมนุมยืดเยื้อคงต้องมีการสับเปลี่ยนกำลังโดยนำกำลังจากตำรวจภูธรภาค 3 เข้ามาแทนกำลังตำรวจนครบาลที่ดูแลกลุ่มผู้ชุมนุมอยู่ โดยขณะนี้ได้เตรียมพร้อมไว้แล้วจำนวน 4 กองร้อยจำนวน 600 นาย สามรถเคลื่อนกำลังได้ภายใน 3 ชั่วโมง มาสับเปลี่ยนกับกำลังของบช.น.เพราะกำลังของนครบาลก็ล้าเต็มทีแล้วและต้องทำงานหนักขึ้นกว่าเดิมเพราะต้องดูแลประชาชนในเรื่องทรัพย์สินและความปลอดภัยได้ ตอนนี้ตำรวจบางคนต้องดูแลกลุ่มผู้ชุมนุมา 6-7 วัน เมื่อถามว่าจะทำต่อไปไหวหรือไม่เขาก็บอกว่าไหว แต่เขาก็เหนื่อยและก็เบื่อ ก็คงจะให้แต่ละคนดูแลกลุ่มผู้ชุมนุมไม่เกิน 10 วัน หากยืดเยื้อก็ต้องนำกำลังที่เตรียมไว้มาสับเปลี่ยน และคืนกำลังให้กับ บช.น.เพื่อไปดูปัญหาอาชญากรรมในพื้นที่ที่เพิ่มขึ้นเมื่อเศรษฐกิจแย่ลง

 

พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตามยืนยันว่าตำรวจยังคงใช้มาตรการเจรจากับกลุ่มผู้ชุมนุมทั้งแกนนำ และผู้ร่วมชุมนุมต่อไป มีการเจรจากันทุกวัน เมื่อวานก็มีการขอเจรจากับพล.ต.จำลอง ศรีเมือง หนึ่งในแกนนำ แต่เขาก็ไม่ยอมเจรจาด้วยก็คงจะขอเจรจาเขาทุกวันเขาคงใจอ่อนมาเจรจาด้วยสักวันหนึ่ง ตำรวจจะต้องใช้ความอดทนในการดูแลกลุ่มผู้ชุมนุมให้ถึงที่สุด และไม่ยอมให้เคลื่อนย้ายไปที่อื่น โดยเฉพาะหน้าทำเนียบรัฐบาลทางนายกรัฐมนตรีได้กำชับไว้ว่าจะไม่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมไปล้อมทำเนียบรัฐบาลแล้วปราศรัยอย่างที่ผ่านมา จะยังคงให้ชุมนุมอยู่ที่จุดเดิม หากผู้ชุมนุมดื้อดึงพยายามที่จะเคลื่อนย้ายไปที่อื่นตำรวจก็ต้องป้องกันอย่างเต็มที่ ซึ่งก็คงจะเคลื่อนย้ายไม่ได้ง่ายๆ เพราะมีรถขวางอยู่หลายชั้นถ้าจะเคลื่อนก็ต้องเผารถแล้วดันออกมา เจ้าหน้าที่ตำรวจก็คงใช้กำลังยันไว้อย่างเต็มที่

 

ผบ.ตร.กล่าวต่อว่า ส่วนกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยกับกลุ่มพันธมิตรตำรวจก็ได้แยกให้ไปชุมนุมที่สนามหลวงไม่ให้เข้ามาก่อความวุ่นวาย ซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี ไม่มีการออกจากพื้นที่ แต่กรณีที่มีรถจักรยานยนต์ไปก่อกวนกลุ่มพันธมิตรฯนั้นก็ไม่รู้ว่ามาจากไหน ตำรวจยืนยันว่าได้พยายามสกัดไม่ให้เข้าไปทำร้ายผู้ชุมนุมอย่างเต็มที่ ไม่ได้ปล่อยปะละเลยอย่างที่เป็นข่าว

 

วอร์รูม พปช.พร้อมส่งตัวแทนเจรจาพันธมิตรฯ

ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง โฆษกพรรคพลังประชาชน (พปช.) ในฐานะกรรมการติดตามและวิเคราะห์การชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (วอร์รูม) เปิดเผยว่า วอร์รูมของพรรคสนับสนุนให้มีการเจรจาในการแก้ปัญหากับกลุ่มพันธมิตรฯ โดยเบื้องต้นขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไปพูดคุยก่อน แต่ทั้งนี้ทางพรรคก็พร้อมจะส่งตัวแทนพรรคและตัวแทนรัฐบาลไปเจรจากับพันธมิตรฯ ด้วย

 

โฆกพรรคพลังประชาชน กล่าวว่า ส่วนข้อเรียกร้อง 2 ข้อของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ให้รัฐบาลยุติการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมนั้น ในกรณีของรัฐธรรมนูญทาง พรรคพลังประชาชน ไม่ได้มีมติให้ยื่นญัตติแก้รัฐธรรมนูญซ้ำ และเรื่องนี้ไม่ใช่ประเด็น เพราะเป็นเอกสิทธิ์ ส.ส.แต่ละคน ส่วนกรณีของ พ.ต.ท.ทักษิณ นั้น พันธมิตรฯ ไม่ควรเร่งรัดให้พิจารณาคดีเสร็จตามที่เรียกร้อง เพราะจะเป็นการแทรกแซงกระบวนการศาล

 

ร.ท.กุเทพ ยังให้ความเห็นต่อการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ว่า ต้องการจะชุมนุมอย่างยืดเยื้อเพื่อกดดันรัฐบาลให้ไม่สามารถทำงานได้ จนนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางใดทางหนึ่ง พร้อมมองว่ากลุ่มคนเหล่านี้ต่างอยู่ภายใต้การครอบงำของ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง เพราะสังเกตได้ว่าประวัติศาสตร์การนองเลือดทุกครั้งมักมีบุคคลนี้เข้าไปเกี่ยวข้องเสมอ ดังนั้นแกนนำพันธมิตรฯ ไม่ควรที่จะตกเป็นเครื่องมือของ พล.ต.จำลอง

 

ส่วนข้อเสนอของ นพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส ที่ขอให้มีการจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติขึ้นนั้น ร.ท.กุเทพ กล่าวว่า รูปแบบของรัฐบาลแห่งชาติก็เคยมีมาแล้วจากรัฐบาลของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นว่าไม่สามารถแก้ปัญหาประเทศได้ อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าพรรคพลังประชาชน ยังต้องการให้นายสมัคร สุนทรเวช ทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีต่อไป ไม่ควรคิดจะลาออกหรือยุบสภาฯ เพราะจะเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ที่ว่าหากใครมาเป็นรัฐบาลในอนาคตก็จะถูก พล.ต.จำลอง ขับไล่อีก

 

ด้าน พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ แถลงย้ำว่า จะเดินหน้าชุมนุมต่อไป ยืนยันจะยังคงปิดการจราจรบริเวณ ถ.เลียบคลองผดุงกรุงเกษม เพื่อป้องกันผู้ไม่หวังดีแฝงตัวเข้ามาทำร้ายกลุ่มผู้ชุมนุม และจะพิจารณาเปิดให้ผ่านทางเป็นรายกรณี อย่างไรก็ตาม มีความเป็นไปได้ที่จะย้ายสถานที่การชุมนุมตามแต่สถานการณ์

 

"กลุ่มพันธมิตรฯ พร้อมเจรจากับทุกฝ่าย หากมีข้อเสนอใดก็จะนำเข้าหารือในที่ประชุม เพื่อขอมติ แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับการติดต่อจากรัฐบาล" พล.ต.จำลองกล่าว

 

"สนธิ" ลดรอบโชว์ตัวอ้างมีคนลอบยิง - ไล่ "เหลิม" สอบภาษาอังกฤษใหม่

ที่เวทีสะพานมัฆวานฯ เมื่อเวลา 21.00 น. 5 แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยอันประกอบด้วย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายภิภพ ธงไชย นายสมศักดิ์ โกศัยสุข นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ และ นายสนธิ ลิ้มทองกุล ขึ้นเวทีอีกครั้ง

 

นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวถึงกรณีที่ พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร. ให้สัมภาษณ์โทรทัศน์เอ็นบีทีว่าตำรวจเหน็ดเหนื่อยและตั้งคำถามว่าเมื่อไหร่พันธมิตรฯจะพอเสียที หรือ พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลที่กล่าวว่า รัฐบาลถอยแล้วแต่พันธมิตรฯ ทำไมไม่ถอย หรือการชุมนุมสร้างปัญหาจราจรนั้น นายสนธิกล่าวว่าอยากฝากบอกไปถึงนายตำรวจทั้งสองคนว่า ปัญหาของชาติส่วนหนึ่งมาจากตำรวจ ไม่เช่นนั้นเราคงไม่มีนายตำรวจที่ชื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร

 

และว่าอยากให้ตำรวจทั้งสองคนตอบว่าเข้าใจสิทธิตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ ว่ารัฐธรรมนูญใหสิทธิเข้าร่วมชุมนุมอย่างสงบ สันติ ส่วนที่บอกว่าก่อปัญหาจราจรนั้นก็เป็นหน้าที่ของตำรวจที่ต้องแก้ไข เพราะตำรวจต้องทำหน้าที่ทุกอย่างดูแลความสงบเรียบร้อยเท่าที่จะทำได้ หน้าที่ที่สมควรทำแต่ไม่ทำ

 

"ตำรวจเหนื่อยแล้วพี่น้องที่สู้กันในที่นี้ เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์เขาไม่เหนื่อยหรือ หลายคนมีอาชีพไม่ได้กินเงินภาษีเหมือนพวกตำรวจอย่างพวกท่าน ดังนั้นควรเลิกพูดเรื่องนี้ได้แล้ว ถ้าเหนื่อยก็ให้ลาออกจากการเป็นตำรวจไปเลย" นายสนธิ ระบุ

 

นอกจากนี้ นายสนธิยังกล่าวถึง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.กระทรวงมหาไทยว่า "คุณจบด็อกเตอร์มาจากรามคำแหงได้อย่างไร" โดยเขาไม่เชื่อว่า ร.ต.อ.เฉลิมจะสอบภาษาอังกฤษได้คะแนนโทเฟลถึง 550 คะแนน ตามเกณฑ์คนจบปริญญาเอก โดยกล่าวหาว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยพูดภาษาอังกฤษได้แค่ "เยส กับ โน โคคาโคล่า" โดยท้าให้ ร.ต.อ.เฉลิมไปสอบภาษาอังกฤษจากสถาบันทดสอบภาษา ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (TU-Get) และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (CU-TEP) ว่านายเฉลิมจะสอบผ่านหรือไม่ ถ้าไม่ผ่านก็อย่าไว้ใจด็อกเตอร์จากรามคำแหง

 

นายสนธิยังได้กล่าวกับพี่น้องประชาชนว่า จะไม่ขึ้นเวทีในช่วงเวลา 4.00 น. เหมือนเช่นเคย เนื่องจากทราบข่าวมาว่า มีหน่วยล่าสังหารสองหน่วยพยายามสังหารตนเอง จึงต้องหาทางป้องกันไว้ล่วงหน้า

..................................

 

ที่มา: เว็บไซต์คมชัด เว็บไซต์แนวหน้า เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์ เว็บไซต์เดลินิวส์