ประชานิยมเพิ่มไซส์ ดันหมู่บ้าน XL รองรับเม็ดเงิน 15,000 ล้านบาท

แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาลเปิดเผยว่า ในวันที่  20  มี.ค.  นพ.สุรพงษ์  สืบวงศ์ลี  รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง  จะเรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับนโยบายเศรษฐกิจระดับรากหญ้าทั้งหมด เพื่อสรุปรายละเอียดทั้งหมดเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดที่ 3 โดยเฉพาะเรื่องจำนวนเงินที่จะอัดฉีด ก่อนเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี  (ครม.)  พิจารณาเห็นชอบในสัปดาห์หน้า

 

แหล่งข่าวกล่าวว่า ทุกโครงการจะเปิดตัวในต้นเดือน  เม.ย.นี้  ทั้งการพักหนี้เกษตรกร  กองทุนหมู่บ้าน และเอสเอ็มแอล โดยเฉพาะเอสเอ็มแอลจะมีการประชุมคณะกรรมการครั้งแรกในวันที่ 21 มีนาคมนี้ ซึ่งจะเสนอให้เพิ่มขนาดหมู่บ้านเอ็กซ์แอลขึ้นด้วย โดยกำหนดเป็นหมู่บ้านที่มีประชากรตั้งแต่   1,500-3,000 คน และจะได้รับจัดสรรเงิน  350,000  บาท  ซึ่งเดิมมีเพียงหมู่บ้านขนาดเอส  ที่ได้รับเงิน 200,000 บาท ขนาดเอ็มได้  250,000  บาท  และขนาดแอลได้  300,000  บาทเท่านั้น

 

นพ.สุรพงษ์ สืบวงษ์ลี รองนายกฯ  และ  รมว.การคลัง  กล่าวว่า  รัฐบาลจะเร่งรัดผลักดันเม็ดเงินกระตุ้น

เศรษฐกิจให้ลงสู่ระดับรากหญ้าให้เร็วที่สุด โดยเฉพาะโครงการเอสเอ็มแอลที่มีวงเงิน  15,000  ล้านบาท  ที่จะให้ถึงมือประชาชนภายในเดือนเมษายนนี้ รวมทั้งจะเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณปี  2551   และเร่งรัดและการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจ โดยจะติดตามให้มีการเบิกจ่ายเม็ดเงินในโครงการต่างๆ ตั้งแต่เดือนเมษายนเป็นต้นไป  และเร่งโครงการเมกะโปรเจ็กต์ด้านสาธารณสุขและการศึกษาให้เกิดขึ้นภายในกลางปีนี้  เพราะหากรอโครงการรถไฟฟ้าก็จะเริ่มต้นได้ปลายปีซึ่งช้าไป

 

"วันที่ 20  มี.ค.  นายสมัคร  สุนทรเวช   นายกรัฐมนตรีจะเรียกประชุมคณะกรรมการการพัฒนาระบบการศึกษาและการเรียนรู้  ซึ่งจะมีการเสนอโครงการคอมพิวเตอร์โรงเรียนและโครงการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง มีวงเงินไม่ต่ำกว่า  1  หมื่นล้านบาท  ส่วนโครงการด้านสาธารณสุขนั้นจะเป็นโครงการจัดหาอุปกรณ์ทางการแพทย์เฉพาะทางที่มีวงเงินทั้งโครงการไม่ต่ำกว่า 5  หมื่นล้านบาท  และบางส่วนน่าจะทยอยเบิกจ่ายได้ภายในกลางปี"  นพ.สุรพงษ์กล่าว

 

นางพรรณี  สถาวโรดม  ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง  (สศค.)  กล่าวว่า  มติ  ครม.ในการตั้งงบประมาณปี  2552  โดยขาดดุลไม่เกิน  2.5%  ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ  (จีดีพี)  หรือ  2.495 แสนล้านบาท  และมีรายจ่ายลงทุนเพียง 22.2% นั้น ได้ยึดตามกรอบความยั่งยืนด้านการคลัง  แม้สัดส่วนงบลงทุนไม่ถึง 25% แต่การลงทุนเมกะโปรเจ็กต์จะมีการใช้เงินนอกงบประมาณจำนวนมาก แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลังกล่าวว่า การตั้งงบขาดดุลที่ 2.495  แสนล้านบาทนั้น  จะส่งผลให้สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อจีดีพีเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 41%  จากที่ปัจจุบันอยู่ที่  38%  เนื่องจากจีดีพีจะเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 9  ล้านล้านบาท  แต่ยังต่ำกว่ากรอบความยั่งยืนทางการคลังที่กำหนดว่า  สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อจีดีพีต้องไม่เกิน 50%

 

นางพรรณียังกล่าวอีกว่า ช่วงปลายเดือน มี.ค.นี้ สศค.จะพิจารณาปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยในปี 2551 อีกครั้ง จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัว  4.5-5.5%  เนื่องจากมีหลายปัจจัยที่เปลี่ยนแปลง  ทั้งปัจจัยบวกและปัจจัยลบ  โดย 4 หน่วยงานหลักด้านเศรษฐกิจ คือ  สศค.  ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ  (สศช.)  ต่างมองอย่างสอดคล้องกันว่า  เศรษฐกิจในปี  2551  น่าจะขยายตัวเฉลี่ย  5.5%

 

นางพรรณีกล่าวอีกว่า นพ.สุรพงษ์ได้มอบหมายให้ สศค.ศึกษาการปรับเงินเดือนให้แก่ข้าราชการอย่างละเอียด โดยดูตัวอย่างจากต่างประเทศ

 

แหล่งข่าวกล่าวว่า การปรับขึ้นเงินเดือนนั้น  หากปรับขึ้นให้เฉพาะข้าราชการระดับ  7  (ซี  7)  ลงมานั้น อาจไม่เป็นธรรมกับข้าราชการที่สูงกว่าซี 7 เนื่องจากทำให้เงินเดือนข้าราชการซี  7  ใกล้เคียงกับซี  8  เกินไป  และจะส่งผลไปถึงการรับบำนาญด้วย  ดังนั้น  หากจะปรับเงินเดือนก็อาจต้องปรับทั้งหมด  แต่หากใช้วิธีเพิ่มเงินพิเศษก็คงไม่มีปัญหา  เพราะไม่ส่งผลต่อการคิดบำนาญ

 

ที่มา : ไทยโพสต์

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท