Skip to main content
sharethis

นายอารีเพ็ญ อุตรสินธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน เปิดเผยว่า ภายหลังจาก ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กำชับว่า อยากให้จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นเขตปลอดอบายมุข และปลอดสถานบันเทิง ขณะนี้ประชาชนในพื้นที่ให้การขานรับเป็นอย่างดี เพราะเป็นแนวทางการแก้ไขปัญหาที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตของสังคมมุสลิม โดยนโยบายนี้เคยมีการกล่าวถึงตั้งแต่สมัยนายอุทัย พิมพ์ใจชน หัวหน้าพรรคก้าวหน้า เมื่อปี 2527 ที่เสนอให้ตั้งเป็นเมืองศาสนา และเมื่อ ร.ต.อ.เฉลิม รื้อฟื้นแนวคิดนี้ขึ้นมาอีกครั้ง ก็ถือเป็นแนวคิดที่มองการณ์ไกล



" การตั้งเขตปกครองเฉพาะส่วนของ รมว.มหาดไทย ถือเป็นมุมมองของผู้ที่มองการณ์ไกล ซึ่งในรัฐบาลชุดที่ผ่านๆ มาก็เรียกชื่อกันไปต่างๆ นานา เช่น รัฐบาลประชาธิปัตย์เสนอให้เป็นเขตสามเหลี่ยมเศรษฐกิจ ส่วนรัฐบาลชุด พล.อ.สุรยุทธ์ (จุลานนท์) ก็ตั้งเป็นเขตพัฒนาพิเศษ แต่เมื่อถึงยุคท่านเฉลิม ก็เห็นว่าควรให้เป็นเขตการปกครอง ที่เป็นกรณีพิเศษ ซึ่งต้องดูที่รายละเอียดต่อไป" นายอารีเพ็ญ กล่าว



นายอารีเพ็ญ กล่าวว่า จากการดูงานที่ประเทศตูนีเซีย ซึ่งมีการตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ โดยให้สิทธิพิเศษแก่นักลงทุนทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ทำให้เกิดการลงทุน และเกิดการจ้างงาน ฉะนั้นการกำหนดเขตปกครองพิเศษ จะต้องดูที่รายละเอียด ว่าจะกำหนดอย่างไรให้สอดคล้องกับจังหวัดชายแดนภาคใต้



นายอารีเพ็ญ กล่าวว่า ส.ส.กลุ่มวาดะห์ มีความยินดีที่จะอาสาเข้าร่วมมือกับกระทรวงมหาดไทย และ ร.ต.อ.เฉลิม ก็พร้อมที่จะรับฟัง เพราะปัญหาภาคใต้เกิดจากปัญหารากเหง้าทางการเมืองตั้งแต่อดีต ฉะนั้นการแก้ปัญหาจึงต้องแก้ด้วยการเมือง ไม่ใช่ปล่อยให้การเมืองหลุดออกนอกวงโคจร แล้วแก้ด้วยองค์กร หรือผู้นำศาสนาเพียงอย่างเดียว ซึ่งทำให้ไม่ครอบคลุม



" รมว.มหาดไทย เรียกร้องให้พวกผมเข้ามาช่วยงานตั้งแต่แรกแล้ว ท่านบอกว่าอยากจะลงไปสัมผัสพื้นที่ และผมเชื่อว่าถ้าท่านลงไปให้ขวัญและกำลังใจข้าราชการ กระทรวงมหาดไทยก็จะเป็นแม่งานที่ดีได้ ส่วนพวกผมก็มาช่วยงานด้วยความสมัครใจ ในฐานะที่เป็นนักการเมือง ไม่มีการแต่งตั้งในตำแหน่งอะไรทั้งสิ้น" นายอารีเพ็ญ กล่าว



นายอารีเพ็ญ กล่าวด้วยว่า กลุ่ม ส.ส.ที่จะมาร่วมงานกับกระทรวงมหาดไทย ประกอบด้วย นายนัจมุดดีน อูมา อดีต ส.ส.นราธิวาส นายมุข สุไลมาน อดีต ส.ส.ปัตตานี นายบูราฮานุดีน อุเซ็ง อดีต ส.ส.ยาลา และนายสมพงษ์ สระทวี อดีต ส.ว.สงขลา เป็นต้น โดยหลังจากแถลงนโยบายรัฐบาลแล้ว จะมีการตั้งคณะทำงานเพื่อป้อนข้อมูล และจัดกำหนดการลงพื้นที่ของ รมว.มหาดไทย และหาก ส.ส.พรรคฝ่ายค้าน จะมาร่วมเสนอนโยบายด้วยก็ไม่ขัดข้อง และพร้อมจะรับฟัง    นายอารีเพ็ญ กล่าวว่า จากการประชุมคณะทำงาน ส.ส.ภาคใต้ ได้มีข้อเสนอว่าให้แบ่งพื้นที่ภาคใต้ออกเป็น 3 วงแหวน ได้แก่ ภาคใต้ตอนบน ตอนกลาง และตอนล่าง ซึ่งแต่ละวงแหวนจะมียุทธาสตร์แตกต่างกัน โดยใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะมุ่งเน้นเรื่องการศึกษาเป็นอันดับแรก



"การศึกษาเป็นเรื่องสำคัญที่สุด เพราะการจะเปลี่ยนความคิดคนต้องเริ่มต้นที่การศึกษาตั้งแต่ระดับพื้นฐาน เช่น โรงเรียนตาดีกา โรงเรียนเอกชนสอนศาสนา ไปจนถึงระดับมหาวิทยาลัย ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน เพราะที่ผ่านมาแยกส่วนกันมาตลอด โดยจะต้องมีการพัฒนาสถาบันการศึกษาด้านศาสนาที่ต่อเนื่อง เช่น คณะอิสลามศึกษา คณะอาหรับศึกษา เพื่อรองรับผู้ที่จบจากโรงเรียนสอนศาสนา" นายอารีเพ็ญ กล่าว


     


 ด้าน พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีการเสนอให้ยกเลิกกฎอัยการศึกในพื้นที่เหลือว่า ยังมีไม่การหารือกับนายกรัฐมนตรี และยังไม่ทราบเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม ที่เราจำเป็นต้องขอให้รัฐบาลประกาศกฎอัยการศึกในพื้นที่โดยรอบของประเทศหรือตามอำเภอต่างๆ เนื่องจากภัยคุกคามที่เข้ามาสู่ภายในประเทศ เช่น ยาเสพติด โดยเรามีกองกำลังทหารบกอยู่ 7 กอง รวมทั้งทหารเรือเป็น 8 กองกำลัง ที่อยู่ทำงานรอบประเทศเพื่อสกัดกั้นภัยคุกคามดังกล่าวนี้


      


"ฝ่ายที่รักษาความมั่นคงภายในเห็นว่า จำเป็นต้องมีเพื่อให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานได้ต่อภัยคุกคามดังกล่าว แต่หากจะมีการพิจารณาเรื่องอื่นก็เป็นเรื่องของทางรัฐบาลจะพิจารณาเหตุผลว่า จำเป็นหรือไม่อย่างไร ทั้งนี้ นอกเหนือความรับผิดชอบของเรา ต้องเป็นเรื่องของฝ่ายการเมืองที่จะคิด" ผบ.ทบ.กล่าว


      


ผู้สื่อข่าวถามว่า นายกฯจะหารือความคืบปัญหาชายแดนภาคใต้ กับ ผบ.เหล่าทัพเมื่อใด พล.อ.อนุพงษ์ ตอบว่า เรื่องจังหวัดชายแดนภาคใต้ และเรื่องกอ.รมน. นายกฯระบุว่าท่านจะมาขอฟังข้อมูลรายละเอียด และจะให้เวลา โดยจะนัดกันอีกทีว่านายกฯจะมาหารือเมื่อใด ทั้งนี้ ขณะนี้ทางเราได้เตรียมข้อมูลไว้รายงานในเรื่องของ กอ.รมน.และจังหวัดชายแดนภาคใต้


      


พล.อ. อนุพงษ์ กล่าวถึงกรณีที่ นาย เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย เสนอแนวคิดให้พื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นเขตปกครองพิเศษ ว่า "โน คอมเม้นท์" ตนไม่ทราบเรื่องแนวคิด ยากเกินไปที่สื่อจะมาถามตนเรื่องนี้ใหญ่เกินไปที่จะพูดทางสื่อเพราะเป็นประเทศชาติ และเป็นเรื่องใหญ่เกินไปที่จะพูดกันในตอนนี้ ตนไม่อยากพูด เรื่องนี้พูดไม่ได้ ต้องไปถาม ร.ต.อ. เฉลิม ที่เสนอแนวคิด ทั้งนี้ ในฐานะที่ดูแลด้านความมั่นคง ถ้ามาหารือตนยินดี อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการเสนออะไรเพิ่มเติมและยังไมต้องหารือในวงแคบ


 


เรียบเรียงจาก : คมชัดลึกและผู้จัดการ

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net