Skip to main content
sharethis


เมื่อวันที่ 26 ม.ค.51  ความคืบหน้ากรณีกลุ่มอนุรักษ์แม่รำพึงที่คัดค้านโครงการก่อสร้างโรงงานถลุงเหล็กของบริษัทสหวิริยาสตีล กรุ๊ป จำกัด ปะทะกับกลุ่มผู้สนับสนุนและคนงานของบริษัทในพื้นที่ก่อสร้าง หมู่ 1 ต.แม่รำพึง อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 24 ม.ค. ที่ผ่านมา จนเป็นสาเหตุให้มีผู้ถูกยิงเสียชีวิต 1 รายคือนายรักศักดิ์  คงตระกูล  อายุ  36  ปี  อยู่ บ้านเลขที่ 48 หมู่ 7 ต.ธงชัย อ.บางสะพาน ถูกยิงด้วยปืน .38 เข้าที่หน้าอก  

 


ล่าสุด พล.ต.ต.โสภณ พิสุทธิ์วงษ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 ได้เดินทางไปควบคุมสถานการณ์ในพื้นที่ด้วยตนเอง พร้อมตั้งกองอำนวยการร่วมขึ้นที่โรงเรียนบ้านดอนสำราญ อ.บางสะพาน และสั่งระดมกำลังเข้าพื้นที่เพิ่มเติม เพื่อจัดชุดออกบลาดตระเวนและตั้งจุดตรวจจุดสกัดป้องกันไม่ให้เกิดการปะทะขึ้นอีกขณะเดียวกันก็ได้ประสานให้ทั้งสองฝ่ายมาพบปะเจรจากันเพื่อยุติปัญหา แต่ไม่มีฝ่ายใดตอบรับ


 


ส่วนคดีที่มีผู้ถูกยิงเสียชีวิตนั้น พล.ต.ต.โสภณ กล่าวว่า ล่าสุดทราบชื่อผู้ต้องสงสัยแล้วโดยเป็นคนที่อยู่ในเหตุการณ์เผชิญหน้า จึงสั่งการไปยัง ผกก.สภ.บางสะพาน เร่งสอบปากคำพยานต่างๆ ให้รอบคอบที่สุดก่อนจะขออนุมัติหมายจับจากศาลต่อไป


 


อย่างไรก็ตาม นายธวัชชัย ดิษยนันทน์ นายอำเภอบางสะพาน เปิดเผยว่า ทราบว่าศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ได้อนุมัติออกหมายจับนายบำรุง สุดสวาท อายุ 33 ปี ซึ่งมีตำแหน่งเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 1 ต.แม่รำพึง อ.บางสะพาน ในข้อหาฆ่าผู้อื่นถึงแก่ความตาย มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และยิงปืนในที่สาธารณะ ซึ่งหากได้รับรายงานทางคดีจากตำรวจ ก็จะสั่งปลดจากตำแหน่งทันที


 



ทั้งนี้ ที่ผ่านมา นายบำรุง มีพฤติกรรมอยู่ในกลุ่มที่คัดค้านการก่อสร้างโครงการของสหวิริยา ซึ่งก่อนหน้านี้หลังเกิดเหตุเมื่อวันที่ 24 มกราคม 2551 ตนพยายามติดต่อประสานงานให้นายบำรุง มาเพื่อขอทราบข้อมูลเบื้องต้น ก่อนที่ตำรวจจะออกหมายจับ แต่ไม่ได้รับความร่วมมือ คาดว่าน่าจะหลบหนีออกจากพื้นที่ไปแล้ว



ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวรายงานจากแหล่งข่าวระดับสูง ระบุว่า ตำรวจ สภ.บางสะพาน ได้จับกุมตัว นายบำรุง สุดสวาท ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 1 ผู้ต้องหาในคดียิงชาวบ้านกลุ่มสนับสนุนโครงการฯแล้ว จากนั้นได้นำตัวมาสอบปากคำที่เซฟเฮาท์แห่งหนึ่ง เพื่อป้องกันปัญหาการประท้วงล้อมโรงพักเพื่อกดดันการทำงานของเจ้าหน้าที่


 



ด้านนายวิทูรย์ บัวโรย ประธานกลุ่มอนุรักษ์แม่รำพึง เปิดเผยว่า ในวันเกิดเหตุตนไม่พบนายบำรุงเข้าไปทำกิจกรรมคัดค้าน และล่าสุดหลังเกิดเหตุนายบำรุงไม่ได้เดินทางมาร่วมกิจกรรมการคัดค้านที่ศาลาเอนกประสงค์ หมู่ 1 บ้านดอนสำราญ แต่ก่อนเกิดเหตุประมาณ 3 วัน นายบำรุงได้เดินทางมาพุดคุยกับชาวบ้าน ส่วนตัวยังไม่ปักใจเชื่อว่านายบำรุงจะเป็นผู้ยิงกลุ่มผู้สนับสนุน เพราะจากการร่วมทำกิจกรรมไม่เคยเห็นนายบำรุงมีพฤติกรรมก้าวร้าว และหลังจากเกิดเหตุการยิงมีผู้เสียชีวิต ขณะนี้มีชาวบ้านที่เป็นแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมได้หายไป 7 คน เบื้องต้นทราบว่าออกนอกพื้นที่ เนื่องจากถูกกลุ่มผู้มีอิทธิพลข่มขู่เอาชีวิต



นายวิทูรย์ กล่าวอีกว่า ส่วนตัวยอมรับว่ามีความกลัวเพราะมีผู้เสียผลประโยชน์จากการถมดินและขุดคลองระบายน้ำหลายพันล้านบาท แต่การต่อสู้ก็จะดำเนินต่อไปให้ถึงที่สุดอย่างมีเหตุผล


 



แกนนำม๊อบแม่รำพึงจี้เครือสหวิริยา อบจ.ชี้แจงกรณีเช่าที่ดินในพื้นที่แก้มลิง


นายสุพจน์ ส่งเสียง แกนนำกลุ่มอนุรักษ์แม่รำพึง เปิดเผยว่า กรณีที่เจ้าหน้าที่สหวิริยาอ้างว่าการขุดร่องระบายน้ำจะช่วยแก้ไขปัญหาน้ำท่วมบางสะพาน เป็นเพียงข้ออ้างที่บริษัทฯ ต้องการเดินหน้าสร้างโรงถลุงโดยไม่รอผลการพิจารณารายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมหรือ อีไอเอ. เพราะหากมีการประกาศขึ้นทะเบียนพื้นที่ชุ่มน้ำ การถมหรือขุดร่องน้ำในที่ดินบริเวณดังกล่าวจะส่งผลให้ป่าชุ่มน้ำแม่รำพึงเสื่อมสภาพ อีไอเอ.จะผ่านการพิจารณายาก บริษัทต้องเร่งถมดินก่อนและจะดำเนินการให้เสร็จภายใน 5 เดือนเพื่อหนีน้ำท่วมเพราะพื้นที่ที่ถมคือพื้นที่แก้มลิงก่อนจะระบายน้ำออกทะเลทางคลองแม่รำพึง


 



"หากเครือสหวิริยาต้องการให้ความร่วมมือในการแก้ปัญหาน้ำท่วมบางสะพานอย่างจริงใจ ในเบื้องต้นขอเรียกร้องให้เครือสหวิริยา,องค์การบริหารส่วนจังหวัด ( อบจ.) ประจวบคีรีขันธ์ ร่วมกันชี้แจง เปิดเผยข้อมูลรายละเอียดต่อสาธารณะว่า มีการอนุญาตให้นำพื้นที่แก้มลิงธรรมชาติซึ่งอยู่ในความดูแลของ อบจ.ประจวบฯ กว่า1,000ไร่ ในเขตตำบลแม่รำพึง ไปให้เอกชนเช่าใช้เพื่อให้เอกชนแสวงหากำไรในธุรกิจ จนก่อให้เกิดการเปลี่ยนแลงสภาพทำลายพื้นที่แก้มลิง สร้างปัญหาน้ำท่วมบางสะพานอย่างซ้ำซาก มีข้อเท็จจริงอย่างไร เราได้ทำจดหมายเปิดผนึกผ่านสื่อมวลชนขอให้มีการชี้แจงเรื่องดังกล่าวต่อสาธารณะอย่างเร่งด่วน เพราะเป็นเรื่องที่ประชาชนสนใจ และคงไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง หากองค์กรท้องถิ่นจะนำที่ดินสาธารณะซึ่งเป็นของส่วนรวมต้องใช้ประโยชน์ร่วมกันไปให้เอกชนเช่าใช้เพียงรายเดียว แต่ชาวบ้านต้องเจอปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากเศรษฐกิจเสียหายอย่างต่อเนื่องตลอดหลายสิบที่ผ่านมา "นายสุพจน์ กล่าว


 



นายหาญณรงค์ เยาวเลิศ ที่ปรึกษาสภาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบพื้นที่ป่าพรุแม่รำพึงร่วมกับ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ( กสม.) พบว่ามีความหลายหลายทางระบบนิเวศวิทยาสูงมาก เป็นแก้มลิงธรรมชาติส่วนกรณีที่บริษัทต้องการเร่งถมดินเนื่องจากตาม พรบ.ถมดินไม่ได้ระบุว่าจะต้องรอให้ อีไอเอ.ผ่านความเห็นชอบ เพียงแต่เอกชนเสนอความเห็นไปยัง อบต.และขอให้ผู้ควบคุมทำรายงานผลกระทบไม่ให้มีปัญหากับชุมชนใกล้เคียง ซึ่งผลจากการรถมดินหรือปรับสภาพพื้นที่ก็จะทำให้สภาพความเป็นธรรมชาติเสียความสมดุลย์ทันที


 



ขณะที่นายวิชิต กงภูเวช ตัวแทนบริษัทประจวบพัฒนา ดีวีลอบเมนท์ จำกัด เครือสหวิริยา เปิดเผยว่า ตนพร้อมเสนอข้อมูลในเวทีสาธารณะเพื่อตอบข้อข้องใจของนางสุนีย์ ไชยรส นายหาญณรงค์ เยาวเลิศ รวมทั้งแกนนำกลุ่มคัดค้าน ในประเด็นที่ระบุว่ายังไม่ควรดำเนินขุดคลองในที่ดินที่บริษัทซื้อเอกสารสิทธิ์ และ ควรรอให้ อีไอเอ.ผ่านการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมจากคณะกรรมการผู้ชำนาญงาน ซึ่งต้องยอมรับว่าไม่มีผู้ใดมีอำนาจเข้าไปแทรกแซงหรือมีการชี้นำการตัดสินใจ ซึ่งตนต้องการทราบว่าหาก อีไอเอ.ผ่านการประเมินกลุ่มที่คัดค้านและผู้เกี่ยวข้อง จะหยุดการเคลื่อนไหวทันทีหรือไม่ หรือจะมีประเด็นใหม่เพิ่มเติม เพราะบริษัทมั่นใจในกระบวนการลงทุนและการนำเสนอใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม


 



" ผมถามว่าหากบริษัทลงทุนถมดิน แล้ว อีไอเอ.ไม่ผ่านใครจะเป็นผู้เสียหาย เพราะฉะนั้นระบบการควบคุมหรือการจัดการสิ่งแวดล้อมต้องได้รับการตรวจสอบอย่างเต็มที่ และมี มาตรฐานยืนยันว่ามาตรการที่กำหนดในรายงานอีไอเอ.จะไม่ส่งผลกระทบกับการดำเนินโครงการ สำหรับการเริ่มต้นขุดคลองแต่ถูกต่อต้าน ต้องชี้แจงว่าเป็นโครงการป้องกันน้ำท่วมอำเภอบางสะพาน ใช้เวลาขุด 2 เดือนและขณะนี้ยังไม่ถึงขั้นตอนการถมดินตามที่บางฝ่ายพยายามเสนอข้อมูลคลาดเคลื่อน"นายวิชิตกล่าว


 


รมว.กระทรวงทรัพฯ ชี้สหวิริยาต้องรออีไอเอผ่าน


นางยงยุทธ ยุทธวงศ์ รักการ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกล่าวว่า เชื่อว่าฝ่ายที่สูญเสียอาจกำลังเตรียมการแก้แค้นหรือทวงคืน ซึ่งถ้าเป็ฯอย่างนั้นความขัดแย้งก็จะบานปลาย เพราะเป็นความขัดแย้งระหว่างคนในชุมชนเดียวกัน ส่วนบริษัทสหวิริยาฯ ที่ถือเป็นคนนอกชุมชน แต่ต้องกระทำประโยชน์ให้กับสังคมนั้น ก็ควรคำนึงถึงผลกระทบจากโรงงานที่มีต่อชุมชนและวิถีชีวิตของผู้คนด้วย ไม่ใช่แต่อ้างความชอบธรรมตามกฎหมายอย่างเดียว


 


"สหวิริยาฯ จะอ้างแต่เอกสารอย่างเดียวไม่ได้ ต้องรอการพิจารณาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) ด้วย ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีข้อยุติจากสำนักนโยบายและแผนสิ่งแวดล้อม" นายยงยุทธ กล่าว


        


 


สหวิริยายันมีหลักฐานวีดิโอมัดมือปืน


ด้านนายไพโรจน์ มกร์ดารา ผู้อำนวยการโครงการพิเศษ บริษัทสหวิริยาสตีล กรุ๊ป จำกัด ได้เปิดแถลงข่าวโดยระบุว่า เมื่อวันที่ 24 ม.ค.กลุ่มอนุรักษ์แม่รำพึงได้รวมตัวกันกว่า 100 คน บุกรุกเข้าไปในพื้นที่ของบริษัท และได้ยั่วยุจนเกิดการโต้เถียงกับกลุ่มคนงาน จากนั้นจึงมีการใช้อาวุธ เริ่มจากปาก้อนหิน ยิงหนังสติ๊กด้วยลูกตะกั่วตอบโต้กันไปมาและรุนแรงขึ้นสุดท้ายก็ถึงขั้นยิงปืนเข้าใส่กลุ่มคนงานถึง 20 นัด ทำให้นายรักศักดิ์ คงตระกูล อายุ 36 ปี คนงานของบริษัทถูกกระสุนปืนเสียชีวิต


 


"เหตุการณ์ดังกล่าวบริษัทฯ ได้บันทึกภาพเอาไว้ด้วยกล้องวิดีโอ และได้นำส่งเป็นหลักฐานให้ตำรวจแล้ว คาดว่าจะสามรถออกหมายจับผู้ต้องหาได้ภายใน 1-2 วัน ยืนยันว่าไม่ได้เป็นการยิงกันเองของกลุ่มคนงาน เพราะไม่มีสาเหตุ" นายไพโรจน์ กล่าว และย้ำว่าบริษัทฯ ได้ยื่นเรื่องประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมกับ ทส.ไปแล้วตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา ฉะนั้นจะดำเนินการทุกอย่างตามขั้นตอนอย่างแน่นอน


 


ตรวจค้นบ้านผู้ต้องหายึดปืนมีทะเบียน        


 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าต่อมา ในเวลา 09.00 น. พ.ต.ต.วิเชษฐ์ สำเภามาตา สารวัตรสืบสวนบางสะพาน พร้อมชุดตรวจค้นกว่า20 นาย เดินทางไปยังบ้านนายบำรุง สุดสวาท อายุ 32 ปีบ้านเลขที่ 76 หมู่ 1 ต.แม่รำพึง อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ พร้อมกับหมายค้นที่ ค 30/2551 และหมายจับ ที่ จ.59/2551 ซึ่งออกโดยศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 26 ม.ค.2551 โดยหมายจับได้ระบุว่า นายบำรุง สุดสวาท ข้อหาฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา โดยมีนางสุภาพ สุดสวาท มารดาเซ็นรับทราบหมายดังกล่าว


 



ต่อมานางจินตนา แก้วขาว ประธานกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมบ้านกรูด และกลุ่มชาวบ้านที่คัดค้านการสร้างโรงถลุงเหล็ก เครือสหวิริยา ที่ทราบข่าวต่างเดินทางมาที่บ้านนายบำรุง โดยทางญาติของนายบำรุง ได้แจ้งทางตำรวจว่านายบำรุง ไม่ได้อยู่บ้านและให้ทางตำรวจเข้าตรวจค้น โดยมีนางจิตนา เป็นตัวแทนกลุ่มคัดค้านฯและชาวบ้านบางส่วน ดูการตรวจค้นภายในบ้านอย่างละเอียด


 



ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจค้นภายในห้องนอน ซึ่งเป็นบ้านปูนชั้นเดียวพบอาวุธยี่ห้อ(กล๊อก)ปืนขนาด 9 มม.1 กระบอกพร้อมกระสุนปืนอยู่ในแม๊กกาซีน 2แม๊กจำนวน 28 นัด ซ่อนอยู่ใต้ที่นอนภายในห้อง และซองปืน หลังจากนั้นได้ตรวจสอบบริเวณตู้โชว์ในห้องโถงภายในบ้าน เมื่อไขกุญแจตู้โชว์ด้านซ้ายมือช่องบนสุด พบอาวุธปืนยี่ห้อ เบเร๊ตต้า ขนาด 9 มม.พร้อมแม๊กกาซีนบรรจุกระสุน 15 นัด 1 กระบอก พร้อมซองปืน ทั้งนี้อาวุธปืนทั้ง 2 กระบอกอยู่ในสภาพไม่ได้ขึ้นนกเอาไว้


 



ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระหว่างตรวจค้นที่บ้านหลังดังกล่าวนั้น ทางพล.ต.ต.วิรัช วัชรขจร ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้สั่งการให้ พ.ต.ท.อนุสรณ์ มั่งมี หน.กองร้อยควบคุมฝูงชน ประจำกองอำนวยการร่วม นำกำลังตำรวจส่วนหนึ่งไปสมทบและดูแลบริเวณบ้านหลังดังกล่าวโดยรอบ เนื่องจากมีชาวบ้านกลุ่มคัดค้านทยอยเดินทางมา


 



ทั้งนี้ระหว่างตำรวจเข้าตรวจค้นนั้น ปรากฏว่าชาวบ้านกลุ่มคัดค้าน ได้จับกลุ่มวิจารณ์การปฏิบัติหน้าที่ของ พ.ต.อ.สุรศักดิ์ สุขแสวง ผกก.บางสะพาน ที่ไม่มีความเป็นกลางในการปฏิบัติหน้าที่


 



ต่อมาเมื่อเวลา 13.00 น. ชุดตรวจค้นได้นำอาวุธปืนพร้อมเครื่องกระสุนปืน นำมาลงบันทึก โดยให้นางสุภาพ สุดสวาท และตัวแทนชาวบ้านได้ร่วมกันตรวจสอบสิ่งที่ตรวจยึด โดยทางนางสุภาพ มารดา นายบำรุง กล่าวว่าในส่วนของอาวุธปืนทั้ง 2 กระบอก เป็นปืนมีทะเบียนถูกต้อง แต่ทั้งนี้ทางตำรวจต้องขอนำกลับไปตรวจสอบและให้นำทะเบียนปืน ของนายบำรุง มาแสดงหลังจากนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้นำหลักฐานทั้งหมดเดินทางไปยัง กองอำนวยการร่วม ที่โรงเรียนบ้านดอนสำราญ ต.แม่รำพึง อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยชาวบ้านได้เดินทางไปด้วยกว่า 20 คน


 



ตำรวจขวางนักข่าวถ่ายภาพ


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่ช่างภาพของเครือเนชั่นติดตามไปทำข่าว และเมื่อถึงด้านหน้ากองอำนวยการร่วมฯนั้นปรากฏว่ามี พ.ต.ท.วรเดช สวนคล้าย เข้ามาสอบถามช่างภาพว่าถ่ายไปทำไม มีจุดประสงค์อะไรหรือเปล่า โดยที่ช่างภาพคนดังกล่าวตอบว่า มาทำข่าวและเป็นช่างภาพของเครือเนชั่น แต่ก็ยังถูกนายตำรวจคนดังกล่าวห้ามบันทึกภาพ และขอดูบัตรประชาชน และบัตรผู้สื่อข่าว โดยที่ช่างภาพดังกล่าวก็นำบัตรออกมาแสดง พร้อมโทรศัพท์ติดต่อไปยังกองบรรณาธิการเครือเนชั่น เพื่อให้ตำรวจได้พูดคุยแต่ทางนายตำรวจไม่คุย ซึ่งขณะนั้นได้สร้างความไม่พอใจใก้กับชาวบ้านเป็นอย่างมาก และช่างภาพเครือเนชั่น ได้พยามยกกล้องวีดีโอขึ้นมาบันทึกภาพเนื่องจากมีการนำหลักฐานที่เข้าตรวจค้นมาด้วย แต่นายตำรวจคนดังกล่าวได้ยกมือปัดกล้องวีโอเพื่อไม่ให้บันทึกภาพ


 



ในขณะเดียวกันนาย อภิชาติ หงษ์สกุล ผู้สื่อข่าวในเครือเนชั่น ได้แจ้งกับนายตำรวจคนดังกล่าวว่า เป็นช่างภาพแต่ทางนายตำรวจก็ยังไม่ปักใจเชื่อ และสอบถามกลับมาว่ามีใครบ้างที่เป็นผู้สื่อข่าว หลังจากนั้นนายอภิชาติ ได้ชี้แจงกับ พ.ต.ท. วรเดช สวนคล้าย ผู้สื่อข่าวและช่างภาพได้เดินทางมาทำหน้าที่รายงานข่าวตามปกติ และทุกคนที่มาก็เป็นสื่อมวลชน ทั้งนี้นายอภิชาติ ได้กล่าวว่าสถานการณ์ในขณะนี้ก็เลวร้ายอยู่แล้ว จึงอยากให้ทางตำรวจกับสื่อมวลชน เข้าใจในการทำหน้าที่ของแต่ละฝ่าย ซึ่งทางนายตำรวจคนดังกล่าวก็ได้รับทราบและเข้าใจ


 


ยิงข่มขู่อีก หน้าทางเข้าป่าพรุ


เวลา 14.30 น. ชุดตรวจค้น ได้นำอาวุธปืนพร้อมเครื่องกระสุนปืน นำมาลงบันทึกประจำวัน โดยมี พ.ต.ท.จรูญศักดิ์ โต๊ะถม พนักงานสอบสวน สภ.บางสะพาน ตรวจสอบหลักฐานต่างๆท่ามกลางชาวบ้านกว่า 20 คน โดยมีตำรวจมาดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย ต่อมาทางญาติ ของนายบำรุง ได้นำหลักฐานทะเบียนปืนของนายบำรุง ทั้ง 2 กระบอกมาแสดงให้พนักงานสอบสวน ซึ่งทาง พ.ต.ท.จรูญศักดิ์ โต๊ะถม พนักงานสอบสวน สภ.บางสะพาน ได้ตรวจสอบหลักฐานและพบว่ามีหมายเลขทะเบียนถูกต้องจริง แต่ขอส่งหลักฐานทั้งหมดไปตรวจสอบที่กองวิทยาการตำรวจภูธรภาพ 7 และหลังเสร็จสิ้นแล้วจะนำส่งคืน โดยที่มีชาวบ้านร่วมเป็นพยานและบรรจุหลักฐานทั้งหมด โดยมีนางจินตนา แก้วขาว ตัวแทนชาวบ้าน และตำรวจร่วมเซ็นเป็นพยาน


 


ระหว่างนั้นชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์แม่รำพึง โทรศัพท์เข้ามายังชาวบ้านที่อยู่ที่โรงพักและแจ้งให้ทราบว่ามีการยิงปืนข่มขู่บริเวณหน้าถนนทางเข้าป่าพรุ ที่ดินที่ใช้สร้างโรงถลุงเหล็ก เมื่อ พ.ต.ท.จรูญศักดิ์ โต๊ะถม พนักงานสอบสวน สภ.บางสะพาน ทราบจึงแจ้งวิทยุให้กองอำนวยการร่วมฯเข้าไปตรวจสอบแล้ว


 


 


...........................................



เรียบเรียงบางส่วนจาก : เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ และเว็บไซต์คมชัดลึก 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net