Skip to main content
sharethis

26 มกราคม 2551 สมัชชาคนจน (สคจ.) และมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน พร้อมใจกันออกแถลงการณ์ประณามการทำหน้าที่ของรัฐในการป้องกันความรุนแรง จากเหตุเผชิญหน้ากันระหว่างชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์แม่รำพึงและพันธมิตรจ.ประจวบ ฯ กับคนงานและฝ่ายสนับสนุนโรงถลุงเหล็กเครือสหวิริยา เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2551 ที่ผ่านมา จนทำให้เกิดการบาดเจ็บล้มตาย


 


โดยแถลงการณ์สมัชชาคนจน "ความรุนแรงไม่เคยเริ่มต้นจากคนจน" ระบุว่า ในฐานะผู้ตกเป็นเหยื่อของการพัฒนา ที่มีประสบการณ์ตรงกับการเผชิ­ญหน้าในลักษณะนี้หลายครั้ง ขอยืนยันว่า ความรุนแรงที่เกิดขึ้นมาจากความละโมบของนายทุนที่กระทำการอย่างอุกอาจโดยไม่ยำเกรงกฏหมายบ้านเมือง  โดยการรู้เห็นเป็นใจจากเจ้าหน้าที่ของรัฐ และการเผชิญหน้ากันของชาวบ้าน กับกองกำลังจัดตั้ง ของทางโครงการฯในครั้งนี้จะไม่เกิดขึ้นอย่างเด็ดขาด ถ้าบริษัทสหวิริยาไม่จ้างบริษัทเข้าไปถมดินทั้ง ๆ ที่บริษัทก็รู้ว่ารายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมของตนยังไม่ผ่าน


 


ในแถลงการณ์ได้ประนามเจ้าหน้าที่ของรัฐที่นิ่งดูดายต่อสถานการณ์จนทำให้ตึงเครียด ประณามความป่าเถื่อน ของรัฐและทุน  ผู้สร้างเงื่อนไขให้เกิดการเผชิ­ญหน้าและปะทะกันจนทำให้เกิดการสู­เสียล้มตายในที่สุด และขอเรียกร้องให้ทั้งสองส่วนรับผิดชอบต่อความเสียหายในชีวิตและทรัพย์สินทั้งหมดที่เกิดขึ้น


 


นอกจากนี้ ในแถลงการณ์ได้แสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้สูญ­เสียชีวิต ที่ต้องตกเป็นเหยื่อของสถานการณ์ และเพื่อให้เกิดความสงบสุขในพื้นที่ สมัชชาคนจนยังเรียกร้องให้รัฐบาลที่มีเจตนารมณ์ในการสร้างความสมานฉันท์ และมีรองนายกรัฐมนตรีเป็นนักสันติวิธีเข้ามาคลี่คลายสถานการณ์ ด้วยการสั่งให้เจ้าของโครงการฯยุติการดำเนินการใดๆไว้ก่อนจนกว่ากระบวนการตัดสินใจที่โปร่งใสและเป็นธรรมจะได้ข้อยุติ และวิงวอนพี่น้องสื่อมวลชนทั้งหลายได้โปรด ขุดคุ้ยเบื้องหน้าเบื้องหลังของเหตุการณ์มาตีแผ่ต่อสาธารณะชนอย่างตรงไปตรงมา


 


ด้านมหาวิทยาลัยเที่ยงคืนออกแถลงการณ์ "ประณามการทำหน้าที่รัฐในเหตุความรุนแรง คัดค้านสร้างโรงถลุงเหล็ก แม่รำพึง อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์" มีเนื้อความสรุปว่า สลดใจต่อการทำหน้าที่ของรัฐทั้งระบบ ซึ่งไม่นำพาต่อความรุนแรงที่เกิดขึ้นในสังคมไทย ทั้งๆที่ ความรุนแรงถึงขั้นบาดเจ็บและล้มตาย เป็นสถานการณ์ที่สามารถหลีกเลี่ยงได้ หากหน่วยงานต่างๆของรัฐวางตัวเป็นกลาง ให้ความยุติธรรมกับทุกฝ่าย และตระหนักรู้ถึงความขัดแย้งอย่างจริงจัง มีความกล้าหาญและความซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ เคารพความจริงความถูกต้อง ไม่ตกอยู่ในมายาคติของการพัฒนาที่ปราศจากความสมดุลและยั่งยืน และที่สำคัญไม่ยินยอมให้ทุนขนาดใหญ่จูงจมูก ลดตัวลงเป็นเบี้ยล่าง พร้อมสนับสนุนและวางเฉยต่อความรุนแรง อันเป็นการกระทำที่ปราศจากเกียรติและศักดิ์ของภาครัฐ


 


ในท้ายแถลงการณ์ยังแสดงความสนับสนุนประชาชนแม่รำพึง ผู้รักและหวงแหนในธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์อย่างเข้มแข็ง


 


 


 


....................................................


แถลงการณ์ฉบับเต็ม


 


แถลงการณ์สมัชชาคนจน


ความรุนแรงไม่เคยเริ่มต้นจากคนจน


 


 


ตามที่ได้เกิดเหตุเผชิญหน้ากันระหว่าง ชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์แม่รำพึงและพันธมิตรจ.ประจวบ ฯ กับคนงานโรงถลุงเหล็กเครือสหวิริยาที่มีอาวุธครบมือทั้งมีด,ดาบ,ไม้และปืน ที่อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ ๒๔ มกราคม 2551 ที่ผ่านมา จนทำให้เกิดการบาดเจ็บล้มตายกันตามที่ปรากฎเป็นข่าวทางสื่อมวลชนนั้น


สมัชชาคนจน ในฐานะผู้ตกเป็นเหยื่อของการพัฒนา ที่มีประสบการณ์ตรงกับการเผชิ­ญหน้าในลักษณะนี้หลายครั้ง ขอยืนยันว่า ความรุนแรงที่เกิดขึ้นมาจากความละโมบของนายทุนที่กระทำการอย่างอุกอาจโดยไม่ยำเกรงกฏหมายบ้านเมือง  โดยการรู้เห็นเป็นใจจากเจ้าหน้าที่ของรัฐ


เป็นที่ทราบโดยทั่วกันว่า รายงานการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการโรงถลุงเหล็กดังกล่าวยังไม่ผ่านการพิจารณาตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนด และเป็นที่ทราบโดยทั่วกันอีกว่าพื้นที่ดำเนินโครงการบางส่วนมีสภาพเป็นป่าพรุ  และ กำลังมีการตรวจสอบการออกเอกสารสิทธิ์มิชอบลงบนที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน แต่ก็ยังมีการบุกรุกเข้าไปดำเนินการโดยไม่ได้ละอายต่อความผิดชอบชั่วดีใดๆ โดยมีเจ้าหน้าที่ของรัฐอำนวยความสะดวก ในการย่ำยีกฎหมาย ซึ่งเป็นเหมือนการเยี่ยวรดหัวใจชาวบ้าน


ที่สำคัญ­การเผชิญหน้ากันของชาวบ้าน กับกองกำลังจัดตั้ง ของทางโครงการฯในครั้งนี้จะไม่เกิดขึ้นอย่างเด็ดขาด ถ้าบริษัทสหวิริยาไม่จ้างบริษัทเข้าไปถมดินทั้ง ๆ ที่บริษัทก็รู้ว่ารายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมของตนยังไม่ผ่าน บริษัทสหวิริยาอ้างตนว่าเป็นบริษัทธรรมาภิบาลการกระทำครั้งนี้แสดงตนชัดเจนว่าธรรมาภาบาลเป็นแค่การสร้างภาพเท่านั้น อีไอเอ ฉบับก่อนที่บริษัทต้องถอนออกไปทำใหม่ก็ไม่มีการระบุเรื่องพื้นที่ป่าพรุ หากว่า สผ.อนุมัติ ฯ อีไอเอ ฉบับที่แล้ว ป่าพรุ 1500 ไร่ก็จะถูกกลบโดยโรงถลุงเหล็กไปแล้ว  บริษัทสหวิริยาน่าจะขอบคุณชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์แม่รำพึงเพราะชาวบ้านคัดค้านอีไอเอ ช่วยค้นหาป่าพรุ ทำให้สหวิริยาไม่ต้องเป็นอาชญากรทางสิ่งแวดล้อมฆ่าป่าพรุ 1500 ไร่


เราขอประนามเจ้าหน้าที่ของรัฐที่นิ่งดูดาย และเมื่อสถานการณ์ตึงเครียดก่อนจะปะทะกัน แทนที่เจ้าหน้าที่จะเข้าคลี่คลายสถานการณ์กลับถอนกำลังออกจากพื้นที่เปิดทางให้คนงานบริษัทที่มีอาวุธทำร้ายฝ่ายต่อต้านได้ ทั้งที่พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่มีการประกาศกฎอัยการศึก ซึ่งรัฐเข้าไปจำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชนด้วยเหตุผลด้านความมั่นคง แต่ก็ไม่มีน้ำยาในการคุ้มครองชาวบ้านให้รอดพ้นจากสถานการณ์วิกฤตได้และมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินได้


สมัชชาคนจนขอประณามความป่าเถื่อน ของรัฐและทุน  ผู้สร้างเงื่อนไขให้เกิดการเผชิ­ญหน้าและปะทะกันจนทำให้เกิดการสู­เสียล้มตายในที่สุด และขอเรียกร้องให้ทั้งสองส่วนรับผิดชอบต่อความเสียหายในชีวิตและทรัพย์สินทั้งหมดที่เกิดขึ้น


เพื่อให้เกิดความสงบสุขในพื้นที่ ขอเรียกร้องให้รัฐบาลที่มีเจตนารมณ์ในการสร้างความสมานฉันท์ และมีรองนายกรัฐมนตรีเป็นนักสันติวิธีเข้ามาคลี่คลายสถานการณ์ ด้วยการสั่งให้เจ้าของโครงการฯยุติการดำเนินการใดๆไว้ก่อนจนกว่ากระบวนการตัดสินใจที่โปร่งใสและเป็นธรรมจะได้ข้อยุติ


พร้อมกันนี้ขอวิงวอนพี่น้องสื่อมวลชนทั้งหลายได้โปรด ขุดคุ้ยเบื้องหน้าเบื้องหลังของเหตุการณ์มาตีแผ่ต่อสาธารณะชนอย่างตรงไปตรงมา และทำหน้าที่แทนประชาชนคนไทยในการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐให้อยู่บนพื้นฐานของความเป็นธรรม


สุดท้ายขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้สูญ­เสียชีวิต ที่ต้องตกเป็นเหยื่อของสถานการณ์อันเกิดจากความละโมบของนายทุนด้วยความรู้เห็นเป็นใจจากเจ้าหน้าที่ของรัฐ


               


สมัชชาคนจน


 


 


………………………………………………………………………..


 


แถลงการณ์มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
ประณามการทำหน้าที่รัฐในเหตุความรุนแรง คัดค้านสร้างโรงถลุงเหล็ก แม่รำพึง อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์


มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนรู้สึกสลดใจต่อการทำหน้าที่ของรัฐทั้งระบบ ซึ่งไม่นำพาต่อความรุนแรงที่เกิดขึ้นในสังคมไทย กรณีคัดค้านสร้างโรงถลุงเหล็กที่ตำบลแม่รำพึง ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งก่อให้เกิดการเผชิญหน้าของประชาชนกลุ่มต่างๆ และลุกลามไปสู่การทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนหนึ่ง อันเกิดจากการปะทะกัน เนื่องจากความพยายามปกป้องทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม วิถีชีวิตอันดีงาม


ความหวงแหนในธรรมชาติ สิ่งแวดล้อมและทรัพยากรสำคัญต่อการดำรงชีวิต ถือเป็นสิทธิมนุษยชน (Civil Right) อันพึงปฏิบัติ ซึ่งตรงข้ามกับการพัฒนาวิถีเศรษฐกิจที่ปราศจากความรับผิดชอบ ประกอบกับการสนับสนุนให้เกิดการการเผชิญหน้า การใช้ความรุนแรงระหว่างประชาชน อีกทั้งการสมรู้ร่วมคิดกับหน่วยงานของรัฐ ซึ่งสนับสนุนทุนนิยมความรุนแรงด้วยการอ้างตัวบทกฎหมาย โดยละเลยความเป็นธรรมอันเป็นหัวใจของกระบวนการดังกล่าว อันสิ่งที่ควรประณาม


เหตุการณ์รุนแรงที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 24 มกราคม 2551 จากการคัดค้านการถมที่ป่าพรุ ซึ่งเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำ เพื่อขยายกิจการโรงถลุงเหล็กฯ เกิดจากการลุแก่อำนาจ ซึ่งฝ่ายทุนขนาดใหญ่ร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ ของรัฐ ทำการเพิกเฉย ปิดประตูรับฟังผลกระทบในด้านต่างๆ ทางด้านสิ่งแวดล้อม วิถีชีวิตที่มีต่อสังคมวัฒนธรรมของประชาชน ประกอบกับความพยายามอยางสม่ำเสมอในบิดเบือนการใช้อำนาจ และอาศัยช่องโหว่ของกฎหมาย ถือเป็นความฉ้อฉลที่สังคมไทยซึ่งรักความเป็นธรรมควรจับตาดูอย่างใกล้ชิด


อันที่จริง ความรุนแรงถึงขั้นบาดเจ็บและล้มตาย เป็นสถานการณ์ที่สามารถหลีกเลี่ยงได้ หากหน่วยงานต่างๆของรัฐวางตัวเป็นกลาง ให้ความยุติธรรมกับทุกฝ่าย และตระหนักรู้ถึงความขัดแย้งอย่างจริงจัง มีความกล้าหาญและความซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ เคารพความจริงความถูกต้อง ไม่ตกอยู่ในมายาคติของการพัฒนาที่ปราศจากความสมดุลและยั่งยืน และที่สำคัญไม่ยินยอมให้ทุนขนาดใหญ่จูงจมูก ลดตัวลงเป็นเบี้ยล่าง พร้อมสนับสนุนและวางเฉยต่อความรุนแรง อันเป็นการกระทำที่ปราศจากเกียรติและศักดิ์ของภาครัฐ


มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนจึงขอประณาม ต่อพฤติกรรมดังกล่าวที่เกิดขึ้นจากความจงใจ อันนำไปสู่ความรุนแรง และขอให้สังคมไทยจับตาต่อความฉ้อฉล ความไม่เป็นธรรม ความไม่เป็นกลาง และปราศจากความรับผิดชอบต่อหน้าที่ จนนำไปสู่การละเมิดสิทธิมนุษยชนในขั้นวิกฤต ซ้ำซาก พร้อมทั้งขอสนับสนุนประชาชนแม่รำพึง ผู้รักและหวงแหนในธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์อย่างเข้มแข็ง


มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net