ข่าวมอนิเตอร์ประจำวันที่ 26 มกราคม 2551


การเมือง


สร้างลิฟท์ในพระเมรุครั้งแรกในประวัติศาสตร์

ผู้จัดการรายวัน - นายอารักษ์ สังหิตกุล หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ในฐานะประธานวิศวกรรมโครงสร้างพระเมรุ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เปิดเผยว่า การก่อสร้างพระเมรุสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ทางด้านวิศวกรรมถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่นำแนวคิดการออกแบบลิฟท์เป็นทางเสด็จพระราชดำเนินขึ้นไปประกอบพระราชพิธีบนพระเมรุ ซึ่งลิฟท์ดังกล่าวจะใช้เป็นทางเสด็จพระราชดำเนินของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ เนื่องจากบันไดที่จะเสด็จฯ ขึ้นไปยังพระเมรุมีความสูงชันมาก

 

ทั้งนี้ การสร้างลิฟท์ในพระเมรุ วิศวกรต้องดูจากการออกแบบสถาปัตยกรรมของคณะทำงานที่ น.อ.อาวุธ เงินชูกลิ่น เป็นประธาน โดยต้องพิจารณาถึงการจัดวางให้มีลักษณะสวยงามกลมกลืนกับสถาปัตยกรรมไทยของพระเมรุ ที่สำคัญต้องคำนึงถึงความสง่างาม ความปลอดภัย และความสะดวกสบายในการใช้เป็นทางเสด็จฯ ซึ่งตนจะหารือกับ น.อ.อาวุธ ถึงการเลือกลิฟท์ ซึ่งโดยทั่วไปจะมีลิฟท์อยู่ 2 ประเภท คือลิฟท์ที่ใช้เครื่องจักรดึง ซึ่งใช้อยู่ตามตึก และอาคารใหญ่ทั่วไป

   

โดยลิฟท์แบบนี้จะมีเครื่องจักรติดตั้งอยู่ด้านบน และมีสายสลิงเพื่อชักรอกขึ้นลง อย่างไรก็ตามการติดตั้งเครื่องจักรด้านบนลิฟท์อาจไม่เหมาะสม และไม่สวยงาม ส่วนอีกประเภทคือ ลิฟท์ที่ใช้ระบบไฮโดรลิก ซึ่งจะใช้แรงดันในการเคลื่อนขึ้นลง แต่คงต้องหารือถึงแนวทางอื่นๆ ที่ใช้เป็นทางเสด็จฯ ด้วย โดยต้องมีความเหมาะสม และสมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพราะการติดตั้งลิฟท์เป็นเรื่องใหม่กับการก่อสร้างพระเมรุ จึงต้องพิจารณาอย่างรอบคอบทุกประการ

 

นายอารักษ์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้การทำงานในส่วนของวิศวกรรมต้องรอทางกรมศิลปากร จัดจ้าง บริษัทเอกชนเข้ามารับเหมาก่อสร้างพระเมรุ และอาคารประกอบต่างๆ เมื่อมีระยะเวลาที่จำกัดจึงจำเป็นต้องขอที่ประชุมฝ่ายคณะกรรมการจัดสร้างพระเมรุฯ อนุมัติการจัดจ้างด้วยวิธีพิเศษ เพราะการก่อสร้างพระเมรุนั้น ต้องใช้บริษัทผู้รับเหมาที่มีประสบการณ์การก่อสร้างอาคารตามสถาปัตยกรรมไทย รวมทั้งบริษัทนั้นต้องมีบุคลากรที่เป็นช่างฝีมือสามารถก่อสร้างตามแบบสถาปัตยกรรมไทยที่ออกแบบไว้ได้อย่างไม่ผิดเพี้ยน โดยบริษัทเหล่านี้หายากมาก แต่ก็มีบริษัทที่เคยร่วมงานด้านการก่อสร้าง ตกแต่ง บูรณะอาคารหรือโบราณสถานแบบสถาปัตยกรรมไทยโบราณประมาณ 5 แห่งในประเทศ ซึ่งการจัดจ้างด้วยวิธีพิเศษ

   

ทั้งนี้ นายเกรียงไกร สัมปัชชลิต อธิบดีกรมศิลปากร จะเป็นผู้บริหารจัดการดำเนินการเชิญบริษัทมาประกวดราคา ส่วนตนจะเป็นผู้ควบคุมการก่อสร้างด้านวิศวกรรม โดยมีคณะทำงานนักวิศวกรประจำกรมศิลปากร ที่มีประสบการณ์การทำงานการจัดสร้างพระเมรุมาศของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ร่วมกันควบคุมการก่อสร้างให้เป็นไปตามการออกแบบทุกจุด คาดว่าประมาณเดือนกุมภาพันธ์นี้ เมื่อสร้างโรงขยายแบบที่ท้องสนามหลวงแล้ว คณะทำงานของ น.อ.อาวุธ ทำการขยายแบบเสร็จแล้ว ก็จะเริ่มก่อสร้างได้ทันที

 

กกต.ห้ามถอนคำร้องซื้อเสียง "ยงยุทธ" สะดุ้งศาลรับฟ้องโดนโทษแบนทันที

เว็บไซต์แนวหน้า- นายสมชัย จึงประเสริฐ กกต.ฝ่ายสืบสวนสอบสวน เปิดเผยภายหลัง นายสุวิทย์ ธีรพงษ์ ประธานอนุกรรมการสอบสวนเรื่องดังกล่าว เข้ารายงานความคืบหน้าการสอบสวนต่อที่ประชุม กกต. ชุดใหญ่ ว่า กกต.มีมติเป็นเสียงส่วนใหญ่ เห็นชอบตามคณะอนุกรรมการที่เสนอไม่ให้ นายวิจิตร ถอนคำร้องคัดค้าน นายยงยุทธ เนื่องจากตามระเบียบของ กกต. ก่อนนับเป็นเรื่องร้องคัดค้าน หากผู้ร้องไม่ประสงค์ดำเนินการ ก็ให้ถอนคำคัดค้านได้ แต่หาก กกต. รับเป็นเรื่องร้องคัดค้านแล้ว การจะถอนคำร้องเป็นอำนาจที่ กกต. จะพิจารณา

 

"เหตุผลที่ นายวิจิตร ขอถอนคำคัดค้านซึ่งระบุว่า เพื่อแสดงสปิริตทางการเมืองนั้น กกต. เห็นว่า ไม่ได้ทำให้การสอบสวนยุติลงแต่อย่างใด เพราะสำนวนดังกล่าว กกต.ได้ให้สันติบาลไปสอบสวนและมีการแจ้งขอกล่าวหา การอนุญาตให้ถอนหรือไม่ถอน จึงไม่เกิดประโยชน์ คดีก็ยังต้องสืบสวนสอบสวนต่อไป ดังนั้นกกต.เสียงส่วนใหญ่จึงเห็นว่า ไม่ให้ นายวิจิตร ถอนคำร้อง"

 

ผู้สื่อข่าวจึงถามว่า เวลานี้ นายยงยุทธ เป็นถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร ดังนั้นหากพบความผิดอาจเกิดปัญหาการดำรงตำแหน่ง และจะขอใช้เอกสิทธิ์คุ้มครองได้หรือไม่ นายสมชัย ตอบว่า กกต. ไม่มีหน้าที่ต้องไปหาทางเข้าหรือทางออก แต่ต้องทำทุกอย่างไปตามพยานหลักฐานอย่างตรงไปตรงมา ผิดก็ผิด ไม่ผิดก็ไม่ผิด ทุกอย่างมีกฎหมายเขียนไว้ให้เดินอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องกรุยทางให้เขาเดิน เรื่องเอกสิทธิ์เป็นเรื่องที่ให้ไว้สำหรับกรณีการจับกุมคุมขัง แต่เรื่องนี้เป็นการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ซึ่งในกฎหมายบัญญัติว่า หากศาลรับคำฟ้องไว้พิจารณาก็ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่

 

นายสมชัย ยังกล่าวถึงกรณีจะฟ้องร้อง นายวีระ สมความคิด ประธานเครือข่ายประชาชนต่อต้านคอรัปชั่น (คปต.) หลังออกมากล่าวหาว่า เป็นผู้ทำสำนวนคดี นายยงยุทธ รั่วไหลว่า ยังไม่แน่ เพราะเป็นคนใจอ่อน ขณะนี้เวลาสวดมนต์ไหว้พระ ก็คิดว่า คนทำกรรมชั่วน่าจะได้รับผลแห่งกรรมชั่ว บางทีอาจช้าไปบ้าง เพราะกรรมมันวิ่งเร็ว นายวีระก็วิ่งเร็ว แต่ถ้าสะดุดเมื่อไร อาจจะทันก็ได้

 

"ความจริงผมไม่ยึดติดกับตำแหน่งตรงนี้หรอก ผมมีแค่เป้าหมายว่า ให้ประชาธิปไตยของประเทศเดินไปได้ บัดนี้ก็เดินไปได้แล้ว ผมไม่ยึดติดตรงนี้ บอกผมเบาๆ ก็ได้ว่า สมชัย ควรพิจารณาลาออกได้แล้ว ผมยินดี ไม่ต้องถึงกับมาร้องเรียนอย่างนั้น"

 

ผู้สื่อข่าวจึงถามว่า หมายความว่า มีแนวโน้มที่จะลาออกจาก กกต. ใช่หรือไม่ นายสมชัย ตอบว่า ถามอย่างนี้อีกแล้ว อนาคตทุกอย่างมันเป็นไปได้ทั้งสิ้น ถ้ามันยังมาไม่ถึง ก็ไม่มีใครรู้ได้ และโดยส่วนตัวก็ไม่รู้สึกท้อใจ เพียงแต่ขณะนี้ภารกิจหมดแล้ว และคิดว่า คนอื่นเขาอาจจะสานต่องานต่อไปได้ เราคิดว่า คนเราควรจะรู้จักคำว่า "พอ" ถ้ารู้จักเมื่อไหร่ บ้านเมืองและตัวเราเองก็มีความสุขได้ ไม่ใช่ว่าจะต้องอยู่ กกต. ถึงจะมีความสุข ไม่จำเป็น อยู่ตรงไหนก็ได้

 

เมื่อถามต่อว่า ถ้าลาออก กกต. จะลาออกทั้งหมดหรือไม่ นายสมชัย กล่าวว่า อาจจะไปคนเดียว มาพร้อมกันใช่ว่าจะต้องไปพร้อมกัน ขอไปรับส่งเมียแทนดีกว่า แต่ไม่รู้ว่าเป็นคนไหนอีก

 

 

"สพรั่ง"รอจังหวะทิ้งเก้าอี้ทอท.  ผู้ถือหุ้นรุมจวกผู้บริหารไร้ฝีมือ

เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ - พลเอกสพรั่ง กัลยาณมิตร ประธานกรรมการ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เปิดเผยภายหลังการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2550 วานนี้ (25 ม.ค.) ว่า ปีที่ผ่านมา ทอท.มีกำไรสุทธิ 1,094.86 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน แต่ยืนยันว่าผลดำเนินงานปี 2551 จะดีขึ้นแน่นอน โดยการรับตำแหน่งประธานกรรมการ ทอท.เป็นภารกิจพิเศษที่ได้รับมอบจากผู้มีอำนาจ ใน 1 ปีที่ผ่านมาได้รับแบบฝึกหัดที่เป็นแรงเสียดทานมาก ทั้งการทัดทานและการก่อกวน รวมทั้งถูกกระบวนการให้ข้อมูลคลาดเคลื่อน แต่คณะกรรมการ ทอท.ทำงานด้วยความมุ่งมั่น ซึ่งตนต้องใช้ความสำรวม เพราะต้องอยู่ใต้กฎหมาย

 

"คนดีจะแก้ปัญหาบ้านเมืองได้ ส่วนคนชั่วแม้จะเก่ง แต่ทำลายบ้านเมือง คนดีที่เหลืออยู่ไม่กี่กลุ่มต้องช่วยกัน ผมขอยอมรับคำตำหนิและข้อสังเกตของผู้ถือหุ้น โดยไม่แก้ตัว ยืนยันว่าความล่มจมและความล้มเหลวจะไม่มีอยู่ในพจนานุกรมของ ทอท." พลเอกสพรั่งกล่าว

 

อย่างไรก็ตามการทำงานของรัฐบาลใหม่ จะไม่กระทบต่อการทำงานของคณะกรรมการ ทอท. ส่วนการลาออกจากตำแหน่งประธานกรรมการ ทอท.นั้น ตนจะตัดสินใจตามที่ตั้งใจไว้ แต่จะไม่ตัดสินใจโดยขาดความรับผิดชอบ ต้องดูจังหวะที่เหมาะสม ทุกอย่างต้องสง่างาม ไม่ตัดช่องน้อยแต่พอตัว โดยไม่คำนึงถึงบทบาทที่รับผิดชอบอยู่

         

ทั้งนี้ ในที่ประชุมผู้ถือหุ้นรายย่อยได้ตั้งข้อสังเกตผลประกอบการที่มีกำไรสุทธิ 1,094.86 ล้านบาท ลดลงถึง 10 เท่า ขณะที่เงินปันผลลดกว่า 80% แสดงให้เห็นว่าการประกอบธุรกิจไม่ประสบผลสำเร็จ โดยกำไรสุทธิที่ได้ ไม่ได้มาจากความสามารถของผู้บริหาร แต่เพราะมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 2.8 พันล้านบาท ถือเป็นเรื่องของ "ความเฮง"

 

นอกจากนั้นปีที่ผ่านมา ทอท.มีรายได้จากส่วนแบ่งผลประโยชน์เพียง 2,012.28 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนที่มีรายได้ 4,104.49 ล้านบาท เพราะเกิดข้อพิพาทกับบริษัท คิงเพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด และบริษัท คิงเพาเวอร์ สุวรรณภูมิ จำกัด ทำให้ ทอท.ไม่สามารถรับรู้รายได้จากคิงเพาเวอร์ ซึ่งผู้ถือหุ้นมองว่าปัจจุบันคิงเพาเวอร์ร์ยังประกอบธุรกิจตามปกติ และมีรายได้ ขณะที่ ทอท.ลงทุนสร้างท่าอากาศยานสุวรรณภูมิไปกว่า 1.2 แสนล้านบาท ต้องรับภาระดอกเบี้ยและต้องเสียภาษี แต่ไม่สามารถรับรู้รายได้จากคิงเพาเวอร์ ถือว่า ทอท.เสียหาย แต่คิงเพาเวอร์ไม่ได้รับความเสียหายใด

 

ขณะที่การให้สัมภาษณ์ของกรรมการ ทอท.ยังส่งผลกระทบทางลบต่อองค์กร ทำให้ราคาหุ้นตก และคณะกรรมการ ทอท.จัดประชุมหลายครั้งในแต่ละเดือน รวมทั้งมีคณะอนุกรรมการต่างๆ หลายชุด แต่ไม่เห็นผลงานเป็นรูปธรรม ส่วนกรรมการใหม่ 3 คน คือ นายถาวร พานิชพันธ์ รองอัยการสูงสุด ดร.ไมตรี ศรีนราวัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) และนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม อาจมีคุณสมบัติที่ไม่เกี่ยวข้องกับ ทอท. ดังนั้นควรเลือกผู้บริหารหรือผู้ที่เคยทำงานในกรมการขนส่งทางอากาศ (ขอ.) มาเป็นคณะกรรมการ ทอท.ด้วย

 

นางกัลยา ผกากรอง รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายงานแผนงานและการเงิน กล่าวว่า สาเหตุที่กำไรสุทธิลดลง เพราะค่าเสื่อมราคาเพิ่มขึ้นเป็น 7,759.49 ล้านบาท จากปี 2549 หักค่าเสื่อมเพียง 1,400 ล้านบาท เพราะการเปิดใช้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และขนาดท่าอากาศยานใหญ่กว่าท่าอากาศยานดอนเมือง ทำให้ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะค่าไฟฟ้าและค่ารักษาความปลอดภัย รวมถึงค่าใช้จ่ายซ่อมบำรุงระบบต่างๆ

 

 

คุณภาพชีวิต

 "สงครามนางฟ้า" ได้ข้อยุติ ตัดฉากตบตีขณะทำงาน-เพิ่มความยาวกระโปรง

เว็บไซต์เดลินิวส์ -ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าภายหลังการประชุม 3 ฝ่าย คือ สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทย, บริษัทเอ็กแซ็กท์ จำกัด และกระทรวงวัฒนธรรม เกี่ยวกับการการือเพื่อให้ได้ข้อสรุปในเรื่องที่หภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทย ยื่นหนังสือต่อกระทรวงวัฒนธรรม ให้พิจารณาละครเรื่องสงครามนางฟ้า เนื่องจากเห็นว่า มีเนื้อหาขัดต่อจริยธรรมอันดีงามของวิชาชีพพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน

หลังเสร็จสิ้นการหารือ ทั้ง 3 ฝ่ายได้ข้อสรุปร่วมกันคือ ให้บริษัทเอ็กแซ็กท์ ผู้ผลิตละครเรื่องสงครามนางฟ้า จะตัดฉากตบตีของพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน ขณะที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ออก และในเรื่องของชุดพนักงานตอนรับจะเพิ่มความยาวของกระโปรงอีก 2 นิ้ว และละคร 4 ตอนที่เหลือจะเพิ่มฉากที่สะท้อนความตั้งใจและความยากลำบากในการประกอบวิชาชีพพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินด้วย

 

 

โพสต์ถอนฟ้อง-สื่อขอความเป็นธรรม

เว็บไซต์เดลินิวส์ -นายเสริมสุข กษิติประดิษฐ์ อดีตหัวหน้าข่าวสายความมั่นคง นสพ.บางกอกโพสต์ ซึ่งเป็นผู้นำเสนอข่าวรันเวย์สุวรรณภูมิร้าว ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่บริษัทท่าอากาศยานไทยจำกัด มหาชน หรือ ทอท.และบริษัทท่าอากาศยานสากลกรุงเทพแห่งใหม่ หรือ บทม. ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องบริษัทโพสต์พับลิชชิ่ง จำกัด มหาชน และบรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณา นสพ.บางกอกโพสต์ ฐานหมิ่นประมาทกรณี ตีพิมพ์ข่าวรันเวย์สุวรรณภูมิร้าวว่า การประนี ประนอมครั้งนี้ย่อมชี้ชัดว่าข่าวที่ได้นำเสนอไปนั้นเป็นความจริง และการฟ้องร้องรวมถึงการเลิกจ้างตนก็เป็นเพราะประเด็นทางการเมือง จึงอยากเรียกร้องขอความเป็นธรรมกับผู้บริหารและกองบรรณาธิการบางกอกโพสต์ด้วย เนื่องจากก่อนหน้านี้ ได้อ้างเหตุเลิกจ้างตน ว่าเป็นเพราะการรายงานข่าวของตน ทำให้องค์กรถูกฟ้องร้องเสียหาย ดังนั้นเมื่อมีการยกฟ้องแล้วก็ควรจะทบทวนด้วยว่าสิ่งที่กระทำกับตนนั้นชอบธรรมหรือไม่ และน่าจะชดเชยความเสียหาย อย่างไร

 

"ผมไม่ประหลาดใจหรือรู้สึกผิดคาดอะไร เพราะผมเชื่อมั่นมาตลอดว่า คดีนี้ถ้าบางกอกโพสต์สู้ยังไงก็ไม่แพ้อยู่แล้ว เนื่องจากปรากฏข้อเท็จจริงภายหลังว่ารันเวย์ร้าว จนต้องมีการซ่อมแซม และเชื่อว่าการท่าฯเองก็ตระหนักดีว่าเป็นเรื่องการเมือง ผมขอความเป็นธรรมให้ตัวเอง และอยากให้บางกอกโพสต์ทบทวนดูว่าการเลิกจ้างผมมีความชอบธรรมแล้วหรือไม่ เพราะในหนังสือเลิกจ้างอ้างเหตุว่าผมเป็นผู้ทำให้องค์กรเสียหายถูกฟ้องร้อง แต่ในที่สุดเมื่อไม่มีการฟ้องร้องแล้ว ก็น่าจะพิจารณาคืนความเป็นธรรมให้กับผมด้วย" นายเสริมสุขกล่าว

 

นายเสริมสุขกล่าวด้วยว่า ทางบริษัทได้อุทธรณ์คำพิพากษาของศาลแรงงานชั้นต้นที่ให้รับกลับเข้าทำงานและให้จ่ายเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพส่วนของนายจ้าง ขณะเดียวกันยังขอทุเลาการบังคับคดี โดยขอยังไม่รับตนกลับเข้าทำงานและไม่จ่ายเงินดังกล่าวจนกว่าศาลฎีกาจะมีคำพิพากษาลงมา ซึ่งศาลแรงงานกลางรับอุทธรณ์แต่ส่งคำขอทุเลาให้ศาลฎีกาเป็นผู้สั่ง และขณะนี้คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา

 

 

คนจนอ่วม ขสมก.ขึ้นค่ารถร้อน50สต.-ปอ.ช่วงละ1บ.

เว็บไซต์สยามรัฐ - เมื่อวันที่ 25 ม.ค.51 พล.อ.อธิคม ตันเลิศ ประธานกรรมการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ(ขสมก.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการฯ ให้ชะลอการปรับค่าโดยสารของ ขสมก.ออกไปจนถึงวันที่ 29 ก.พ.51 เพื่อบรรเทาความเดือนร้อนของประชาชน หลังจากนั้นจึงจะปรับค่าโดยสารตามประกาศคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลางที่กำหนดให้ปรับค่าโดยสารสำหรับรถร้อนเพิ่มขึ้นอีก 50 สตางค์ และรถปรับอากาศเพิ่มอีกช่วงละ 1 บาท ซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.51 เป็นต้นไป

 

"ขสมก.ไม่สามารถตรึงค่าโดยสารอีกต่อไปได้ เพราะที่ผ่านมารวมเวลากว่า 4 เดือนที่ตรึงค่าโดยสารทำให้เราต้องแบกรับภาระขาดทุนเพิ่มขึ้นประมาณเดือนละ 36 ล้านบาท หรือรวมกว่า 100 ล้านบาท" ประธานตกรรมการขสมก.กล่าว

 

 

เศรษฐกิจ

ลงนามเอฟทีเออาเซียน-ญีปุ่นพ.ค.นี้

ผู้จัดการรายวัน -นายวินิจฉัย แจ่มแจ้ง รักษาการที่ปรึกษาการพาณิชย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ การเจรจาข้อตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน-ญี่ปุ่นเสร็จสิ้นแล้ว และคาดว่า ทุกประเทศจะร่วมลงนามข้อตกลงได้ภายในเดือนพ.ค.นี้ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ด้านการค้า การลงทุนกับทั้ง 2 ฝ่าย เพราะจะเกิดเขตการค้าเสรีขนาดใหญ่ที่มีมูลค่าระหว่างกันสูงถึง 163,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และเกิดเครือข่ายการผลิตขนาดใหญ่เพื่อส่งออกสินค้าเทคโนโลยี

         

ทั้งนี้ ไทยจะได้ประโยชน์ในการเปิดตลาด เพราะสินค้า 90% ของมูลค่าการนำเข้าของญี่ปุ่นจากอาเซียนจะลดภาษีเป็น 0 ทันทีที่ความตกลงมีผลบังคับใช้ และไทยไม่ได้เปิดตลาดสินค้ามากไปกว่าความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่น (เจเทปา) เลย แต่กลับจะได้รับประโยชน์เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเจเทปา เพราะเปิดตลาดสินค้าเร็วขึ้น 71 รายการ มูลค่า 53 ล้านเหรียญ ทั้งผลิตภัณฑ์จากปลา กล้วย ผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูป ผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี ไม้อัด ไม้แปรรูป เป็นต้น

         

นอกจากนี้ จะได้ประโยชน์จากความร่วมมือทางเศรษฐกิจในสาขาต่างๆ ไม่น้อยกว่า 14 สาขา เช่น พลังงาน สารสนเทศและการสื่อสาร เป็นต้น ที่สำคัญ ยังจะช่วยปูทางไปสู่การเจรจาเอฟทีเออาเซียน+3 (จีน เกาหลี ญี่ปุ่น) และอาเซียน+6 (จีน เกาหลี ญี่ปุ่น อินเดีย ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์) อีกด้วย

 

 

"คลัง"ชงรัฐบาลใหม่ลดภาษี กระตุ้นกำลังซื้อให้ผู้บริโภค

เว็บไซต์แนวหน้า-นายศานิต ร่างน้อย อธิบดีกรมสรรพากร กระทรวงการคลัง กล่าวว่า กรมฯเตรียมแผนปรับโครงสร้างภาษี เพื่อเสนอให้ รมว.คลัง คนใหม่ พิจารณา โดยมีทั้งการลด และเพิ่มภาษีกับบุคคลธรรมดา และนิติบุคคล เช่น บุคคลธรรมดาไม่ได้เป็นการลดอัตราภาษี แต่เป็นการเพิ่มหักค่าใช้จ่ายจะส่งผลให้คนที่มีเงินได้ประมาณ 2.5 แสนบาทต่อปี ไม่ต้องเสียภาษี เป็นการลดภาระ และเพิ่มกำลังซื้อให้กับผู้เสียภาษี

 

สำหรับการลดภาษีนิติบุคคล ตามผลการศึกษาของ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) จะลดอัตราจากที่เก็บในปัจจุบัน 30% ลง เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้กับผู้ประกอบการนำไปขยายการลงทุน นอกจากนี้ยังช่วยขยายฐานภาษีให้กว้างขึ้น มีผู้อยู่นอกระบบเข้ามาเสียภาษีให้ถูกต้องมาก ขึ้น

 

นอกจากนี้ ยังจะมีการเสนอให้แก้กฎหมาย ให้คู่สมรสแยกยื่นแบบ และชำระภาษีออกจากกันได้ ซึ่งจะเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่ทำให้คู่สมรสเสียภาษีน้อยลง และเป็นธรรมมากขึ้น

 

นายศานิต กล่าวว่า การลดภาษี ขึ้นอยู่กับรัฐบาลใหม่จะกล้าตัดสินใจหรือไม่ ซึ่งทางกรมสรรพากร จะเสนอแผนดังกล่าว และดูนโยบายของรัฐบาลใหม่ต้องการมีโครงสร้างภาษีอย่างไร ซึ่งเศรษฐกิจไม่ดีขณะนี้ ทำให้การลดเพิ่มภาษีทำได้ยาก

 

"การปรับโครงสร้างภาษีต้องทำทั้งระบบ เมื่อลดภาษีก็ต้องหาทางเพิ่มภาษีตัวอื่นมาชดเชยรายได้ที่เสียไป โดยคาดว่าจะต้องปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) แต่สถานการณ์เศรษฐกิจที่ไม่ดี ทำให้การขึ้นภาษี VAT ทำได้ยาก เพราะจะส่งผลกระทบกับผู้บริโภคต้องซื้อสินค้าและบริการราคาแพงมากขึ้น" นายศานิตกล่าว

ที่ผ่านมาได้พยายามหาช่องทางเพื่อลดภาระของผู้เสียภาษีให้ลดลง และเป็นธรรมมากขึ้น แต่ในทางปฏิบัติทำได้ยาก เนื่องจากติดข้อกฎหมายและระเบียบต่างๆ จำนวนมาก ซึ่งการแก้ไขกฎหมายต้องได้รับความเห็นชอบจากฝ่ายนโยบาย คือ รมว. คลัง ทำให้ทุกอย่างต้องรอรัฐบาลใหม่เข้ามาบริหาร

 

 

ต่างประเทศ

นายกฯอิตาลีลาออกสังเวยแพ้โหวตวุฒิสภา

เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ - การเมืองอิตาลีป่วนรอบใหม่ นายกฯโพรดีลาออกหลังไม่ได้รับความไว้วางใจจากสภาสูง ส่งผล  "ปธน.นาโปลิตาโน" เร่งถกแกนนำพรรค อาจตั้งรัฐบาลชุดใหม่ หรือจัดเลือกตั้งเร็วขึ้น

นายกรัฐมนตรีโรมาโน โพรดี แห่งอิตาลียื่นใบลาออกต่อประธานาธิบดีจิออร์จิโอ นาโปลิตาโน เมื่อวันพฤหัสบดี (24 ม.ค.) หลังวุฒิสภาลงมติไม่ไว้วางใจในตัวเขา ด้วยคะแนน 161-156 เสียง

 

ความพ่ายแพ้ดังกล่าวสร้างความอับอายกับรัฐบาลอายุ 20 เดือน รวมถึงกับพรรคร่วมรัฐบาลนโยบายกลาง-ซ้าย โดยหลังรับใบลาออก ประธานาธิบดีนาโปลิตาโนได้เริ่มหารือกับผู้นำพรรคร่วมรัฐบาลเพื่อตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรต่อไป

 

มีการมองกันว่า ผู้นำอิตาลีอาจตั้งรัฐบาลชุดใหม่ โดยเลือกบุคคลที่ได้รับการยอมรับ หรือนักวิชาการขึ้นมานั่งเป็นนายกรัฐมนตรีชั่วคราว เพื่อดูแลการปฏิรูปกฎหมายเลือกตั้งที่ทำให้การเมืองไร้เสถียรภาพในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงเพื่อบริหารเศรษฐกิจในขณะที่ภาวะเศรษฐกิจโลกกำลังผันผวน โดยจากนั้น ประธานาธิบดีนาโปลิตาโนอาจจัดให้มีการเลือกตั้งรอบใหม่

 

ด้านอดีตนายกรัฐมนตรีซิลวิโอ แบร์ลุสโคนี ผู้นำพรรคฝ่ายค้านหัวอนุรักษ์ เรียกร้องวานนี้ให้นายนาโปลิตาโนประกาศยุบสภา และจัดการเลือกตั้งในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้า แม้ว่า รัฐสภาจะยังมีอายุการทำงานเหลืออีกกว่า 3 ปี

 

"เราจำเป็นต้องมีการเลือกตั้งอย่างเร็วที่สุดที่จะทำได้" แบร์ลุสโคนี นักธุรกิจมหาเศรษฐีในวงการสื่อซึ่งต้องการหวนคืนสู่อำนาจ กล่าว

 

แม้ผลการสำรวจความนิยมสะท้อนว่า ความนิยมในรัฐบาลจะลดลงอย่างฮวบฮาบตลอดช่วงปีที่ผ่านมา แต่นายวอลเตอร์ เวลโตรนี นายกเทศมนตรีกรุงโรม ซึ่งเป็นผู้นำพรรคร่วมรัฐบาลกลุ่มใหญ่สุด ยืนยันว่า การจัดเลือกตั้งเร็วขึ้นจะส่งผลให้ประเทศเผชิญวิกฤติที่ยากคลี่คลาย

 

ความพ่ายแพ้ของโพรดี เป็นผลจากการแปรพักตร์ของพรรคสายกลางขนาดเล็ก และถือเป็นครั้งที่ 2 ที่รัฐบาลของเขาถูกหักหลังจากคนภายในพรรคร่วมรัฐบาล โดยครั้งแรกเกิดขึ้นขณะเขาอยู่ในตำแหน่งช่วงปี 2539-2541 เมื่อกลุ่มซ้ายสุดโต่งถอนการสนับสนุน จนทำให้เขาต้องลาออก

 

โพรดีวัย 68 ปี เคยเป็นศาสตราจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์ และประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (อีซี) นอกจากนั้นเขายังเคยเป็นผู้บริหารกลุ่มรัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่ที่ปัจจุบันปิดกิจการไปแล้ว ในการขึ้นสู่อำนาจ เขาประกาศจะปฏิรูประบบบำเหน็จบำนาญที่มีค่าใช้จ่ายสูงของอิตาลี และกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการเปิดเสรีอุตสาหกรรมหลายภาค เช่น ประกันภัย และบริการธนาคาร แต่แผนปฏิรูปดังกล่าวกลับถูกกลุ่มซ้ายสุดโต่งต่อต้าน

 

 

"ไอแอลโอ"เตือนปีนี้ตกงานพุ่ง5ล.

เว็บไซต์มติชน - เมื่อวันที่ 24 มกราคม องค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ไอแอลโอ) ได้ออกรายงานแนวโน้มการจ้างงานปี 2551 ว่า มีแนวโน้มว่าในปีนี้จำนวนคนว่างงานทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว หรือมีอัตราการว่างงาน 6.1% เทียบกับ 6% ในปีที่แล้ว ซึ่งเป็นผลจากเศรษฐกิจโลกชะลอลงและตลาดหุ้นตกต่ำ และการตกงานจะยิ่งชัดขึ้นหากว่าเศรษฐกิจโลกปีนี้ขยายตัวน้อยกว่า 4.8%

 

ไอแอลโอเปิดเผยว่า ในปีที่แล้วคนทั่วโลก 3,000 ล้านคน อายุ 15 ปีขึ้นไปมีงานทำ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 2% ส่วนผู้ตกงานมีจำนวน 190 ล้านคน  ซึ่งแม้ว่าในระยะหลังมานี้เศรษฐกิจโลกจะเติบโตสูงแต่การจ้างงานก็ไม่มาก เนื่องจากอัตราผลผลิต (productivity) ต่อหัวของคนงาน โดยเฉพาะในประเทศอุตสาหกรรมสูงขึ้น ทั้งนี้ โดโรธี ชมิดต์ นักเศรษฐศาสตร์ของไอแอลโอ กล่าวว่า คาดว่าในปีนี้ทั่วโลกจะมีการจ้างงานน้อยลง 5 ล้านคน

 

อย่างไรก็ตาม ไอแอลโอกล่าวว่า การชะลอลงของเศรษฐกิจในประเทศอุตสาหกรรมจะถูกชดเชยด้วยเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของประเทศกำลังพัฒนา โดยเฉพาะประเทศในเอเชีย ซึ่งอาจเป็นไปได้ที่จะเป็นครั้งแรกที่ความปั่นป่วนของเศรษฐกิจประเทศพัฒนาแล้ว อาจไม่ส่งผลกระทบต่อภูมิภาคอื่นมากอย่างที่เคยเป็นในอดีต

 

ไอแอลโอได้เรียกร้องให้รัฐบาลประเทศต่างๆ ให้ความสำคัญกับนโยบายด้านแรงงานเป็นสิ่งสำคัญที่สุดของนโยบายเศรษฐกิจมหภาคเพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจจะต้องเกิดขึ้นพร้อมกับการจ้างงานใหม่

 

สหรัฐพร้อม ส่งกองทหาร ลุยปากีสถาน

เว็บไซต์ไทยโพสต์ -โรเบิร์ต เกตส์  รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมของสหรัฐเปิดเผยว่า  รัฐบาลปากีสถานไม่ได้ต้องการให้สหรัฐส่งกองกำลังทหารเข้าไป  และรัฐบาลสหรัฐก็ไม่ได้เสนอแผนการนี้กับผู้นำปากีสถาน แต่เกตส์ชี้ว่าสหรัฐเปิดหนทางการช่วยเหลือโดยตรงมากขึ้น

 

สหรัฐจุดชนวนสงครามในอิรักและอัฟกานิสถานในการต่อต้านกลุ่มนักรบอิสลามิสต์ซึ่งได้เพิ่มความกังวลเกี่ยวกับการก่อการกบฏในพื้นที่ของชนเผ่าของปากีสถานติดชายแดนอัฟกานิสถาน

ตามข้อมูลของเจ้าหน้าที่สหรัฐ พื้นที่ดังกล่าวเป็นที่ซ่องสุมของกลุ่มนักรบตอลิบันและกลุ่มนักรบอัลกออิดะห์

 

รัฐบาลสหรัฐได้ให้ความช่วยเหลือประมาณ 1 หมื่นล้านดอลลาร์  (ประมาณ  34  หมื่นล้านบาท)  กับปากีสถานตั้งแต่ปี 2544 เมื่อรัฐบาลอิสลามาบัดถอนการสนับสนุนการเคลื่อนไหวของตอลิบันในอัฟกานิสถานและมาเข้าร่วมกับสหรัฐในการต่อต้านการก่อการร้ายหลังจากเกิดเหตุวินาศกรรมสหรัฐ  11  ก.ย.

ที่ผ่านมา  รัฐบาลสหรัฐได้ให้ความช่วยเหลือด้านการฝึกแก่กองกำลังทหารปากีสถาน ซึ่งความช่วยเหลือของสหรัฐนี้  รวมถึงโครงการฝึกฝนและจัดหากองกำลังทหารชายแดน  กองกำลังทหารเสริมจากพื้นที่ชนเผ่าของปากีสถาน

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท