Skip to main content
sharethis

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเวลา 15.30 น.  ได้เกิดเหตุปะทะกันระหว่างกลุ่มวัยรุ่นกว่า 100 คน ซึ่งเป็นฝ่ายสนับสนุนโครงการโรงถลุงเหล็กเครือสหวิริยา  กับกลุ่มชาวบ้านอนุรักษ์แม่รำพึง บริเวณพื้นที่ก่อสร้างโครงการโรงถลุงเหล็กของเครือสหวิริยา เนื่องจากผู้รับเหมาถมดินยังคงยืนยันจะขุดร่องน้ำเพื่อระบายน้ำซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการฯ แต่ชาวบ้านคัดค้านมาตลอด  โดยชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์แม่รำพึง ราว 300 คน ได้เข้าขัดขวางและเจรจาไม่ให้ดำเนินการ เนื่องจากต้องการให้มีการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม ( อีไอเอ ) ให้แล้วเสร็จเสียก่อน  โดยการปะทะดังกล่าวส่งผลให้ฝ่ายสนับสนุนเสียชีวิต 1 คน และชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์ฯ ได้รับบาดเจ็บ 4 คน



 


ขวางขุดคลอง สหวิริยา จุดชนวนปะทะ


นายสันติ   ที่ปรึกษากลุ่มอนุรักษ์แม่รำพึง กล่าวว่า  เหตุการณ์เริ่มมีความรุนแรงขึ้นเริ่มตั้งแต่ช่วงเช้าวันที่ 22 ม.ค. ผู้ควบคุมรถของบริษัท นำรถแบ็คโฮ 2 คัน และรถไถอีก 1 คัน เข้าขุดคลองระบายน้ำในพื้นที่หมู่บ้านนาผักขวง ต.แม่รำพึง อ.บางสะพาน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการถมที่เพื่อเตรียมการก่อสร้างโรงถลุงเหล็กครบวงจรของบริษัทเครือสหวิริยา ทั้งที่ตัวโครงการเองยังไม่ผ่านการจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) จากสำนักนโยบาย และแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.)


 


โดยฝ่ายสนับสนุนฯมีการระดมกลุ่มวัยรุ่นพร้อมด้วยอาวุธ เช่น มีดสปาต้า มีดยาว ปืนเอ็ม 16 แต่ก็ไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น  หลังจากนั้นมาถึงวันที่ 24 ม.ค. ก็มีการระดมคนมาเพิ่มอีกเป็นจำนวนมากจำนวน กว่า 100 คน  และเริ่มมีการขุดคลอง ชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์แม่รำพึงจึงตัดสินใจเดินเท้าเข้ามาเจรจาตามทางสาธารณะโดยไม่ได้เข้าในเขตพื้นที่ของบริษัทแต่อย่างใด แต่ได้มีสนับสนุนเข้ามาดักกลางทาง พร้อมกับท้าทายกลุ่มชาวบ้านอนุรักษ์ฯ และชาวบ้านก็ตัดสินใจฝ่าวงล้อมไปเพื่อให้ยุติการขุดคลอง จึงเกิดการปะทะเกิดขึ้นโดยกลุ่มวัยรุ่นได้ยิงหนังสติ๊กกระสุนเหล็กเส้นตัดเป็นชิ้นเล็กใส่ชาวบ้าน  ขณะที่ชาวบ้านก็ได้ยิงหนังสติ๊กตอบโต้เช่นกัน


 


ชาวบ้านยัน เจ้าหน้าที่รัฐเมินช่วย


ทั้งนี้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีเจ้าหน้าที่ รปภ.สังเกตเหตุการณ์อยู่แต่ไม่ได้เข้ามาห้ามปรามแต่อย่างใด ต่อจากนั้นในช่วงเที่ยงเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดหนึ่งได้ถอยออกและกลุ่มวัยรุ่นก็ประชิดเข้ามา ยิงหนังสติ๊กใส่ชาวบ้านจำนวนมาก และมีเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด ชาวบ้านวิ่งหลบตามต้นไม้ อย่างไรก็ตาม กระสุนได้ไปถูกหน้าอกนายรักศักดิ์ คงตระกูล อายุ 36 ปี ซึ่งเป็นชาวบ้านฝ่ายสนับสนุนล้มฟุบถูกนำร่างออกจากพื้นที่ส่งโรงพยาบาลบางสะพานและเสียชีวิตเวลาต่อมา


 


ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงพยายามเข้ามาขอค้นอาวุธฝ่ายกลุ่มอนุรักษ์ฯ แต่ทางชาวบ้านยืนยันว่าจะต้องยึดอาวุธฝ่ายวัยรุ่นก่อนเพราะชาวบ้านจะกลับไปรวมตัวกันต่อที่ศูนย์ฯแล้ว



 


"ขณะนี้กลุ่มวัยรุ่นดังกล่าวก็ปักหลักเฝ้าอยู่บริเวณพื้นที่โครงการดังกล่าว  เหตุการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้น ชาวบ้านเขาเศร้าใจและไม่เข้าใจว่า ทำไมเจ้าหน้าที่รัฐไม่เข้ามาจัดการปัญหา  อบต.กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ก็ไม่มี


ใครสนใจพยายามที่จะให้สร้างให้ได้แล้ว แล้วก็ปล่อยให้ตีชาวบ้านได้" นายสันติ กล่าว



 


นางสาวเสาวรีย์ วีรกุล ชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์แม่รำพึง  กล่าวว่า ขณะนี้ชาวบ้านได้มารวมตัวกันที่ศูนย์กว่า 200 -300 คน  เพราะเกรงว่าคืนนี้ฝ่ายกลุ่มเสื้อแดง (กลุ่มสนับสนุนการสร้างโรงถลุงเหล็ก) จะเข้ามาล้อมทำร้ายและไม่ได้มีเจ้าหน้าที่เข้ามาดูแลแต่อย่างไร ปล่อยชาวบ้านไว้กับความหวาดระแวงและความกลัว



นางสาวเสาวรีย์ ระบุว่า  กลุ่มวัยรุ่น เสื้อแดง ส่วนใหญ่นั้นเป็นกลุ่มที่ถูกคดีในวันที่ 19  ที่ผ่านมา ที่เกิดเหตุทำร้ายกันที่ อบต.แม่รำพึง  หลังจากนั้นพอมีเรื่องเกิดขึ้นมีการระดมจ้างวัยรุ่นจากนอกพื้นที่มา ชาวบ้านเองไม่ได้ต้องการให้เกิดความรุนแรงขึ้น แต่ขอเพียงให้มีการเจรจา และดำเนินการตามอีไอเอ (รายงานผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม) เพราะหากมีการขุดก็จะมีปล่อยน้ำลงป่าพรุ ซึ่งกำลังจะมีการประกาศเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำโลกอยู่แล้ว ดังนั้นมันจะส่งผลกระทบหลายอย่าง



 


ชี้ตำรวจถอนกำลังออกก่อนการปะทะ


นางสาวเสาวรีย์ เล่าว่า ประมาณ 10 โมงเช้า มีการเตรียมเครื่องจักร คือรถแบคโฮไปขุด แล้วชาวบ้านก็รวมตัวกันเพื่อไปยับยั้ง ซึ่งในตอนแรกก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ ชุดทหาร คอยดูสถานการณ์อยู่ แต่เมื่อกลุ่มชาวบ้านอนุรักษ์ฯ และกลุ่มวัยรุ่นเสื้อแดงประชันหน้ากัน เขากลับไปยืนอยู่ที่หน้าบ้าน อบต.กันหมด หลังจาก 2 ชั่วโมง มีตำรวจชุดหนึ่งถอนกำลัง กลุ่มวัยรุ่นจึงระดมอาวุธต่างๆ ทั้งหนังสติ๊กที่ใช้กระสุนเป็นเหล็กตัดเป็นอันเล็กๆ 1-2 เซนติเมตร มีความคมทั้งหัวท้ายยิงใส่ชาวบ้าน พร้อมด้วยมีด และปืน ซึ่งชาวบ้านมีแต่ธงและหนังสติ๊กยิงตอบโต้เท่านั้น แต่ไม่มีอาวุธปืน



 


" เป็นที่ทราบกันอยู่แล้วว่าในพื้นที่อำเภอบางสะพานเป็นพื้นที่เดือดอยู่แล้ว และตอนนี้ก็ไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจโผล่มาเลย ชาวบ้านอยู่ด้วยความหวาดกลัวว่าจะถูกซุ่มโจมตี เพราะดูเหมือนว่าทั้งนายทุน และผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน  ก็เป็นพวกเดียวกันหมด เราจึงเหมือนถูกโดดเดี่ยว ถึงตอนนี้แล้วก็คงไม่ถอยจะสู้ให้ถึงที่สุด และหากว่าจะมีความรุนแรงเกิดขึ้นอีกก็ให้สังคมได้รับรู้กันไปเลยว่า  แล้วเราจะมีเจ้าหน้าที่บ้านเมืองไว้ทำไม"  นางสาวเสาวรีย์ กล่าว



 


นางกรณ์อุมา พงษ์น้อย หนึ่งในกลุ่มต่อต้านการสร้างโรงถลุงเหล็ก กล่าวว่า ระหว่างเกิดเหตุรุนแรง  ตำรวจไม่สามารถช่วยเหลือชาวบ้านที่ถูกฝ่ายตรงข้ามยิงเข้าใส่  ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น  หลังจากเหตุการณ์เริ่มยุติลงทางกลุ่มคัดค้านก็รู้สึกเสียความรู้สึกต่อเจ้าหน้าที่ของตำรวจมากที่



เบื้องต้นตรวจสอบแล้วกลุ่มคัดค้านยังไม่มีใครได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตแต่อย่างใด ทั้งนี้การคัดค้านที่ผ่านมาชาวบ้านก็ดำเนินการด้วยสันติวิธีมาโดยตลอด



 


" เริ่มแรกโรงงานรีดเหล็กก็เข้ามา ชาวบ้านก็เชื่อว่าเกิดความเจริญ แต่มาระยะหลังเริ่มมีมลพิษทั้งเรื่องฝนเหลือง นำทะเลมีคราบ และมลพิษด้านอื่นๆอีก จนต่อมามีโครงการสร้างโรงงานถลุงเหล็ก ซึ่งชาวบ้านก็รับไม่ได้เพราะจะมีมลพิษอย่างหนักตามมา" นางกรณ์อุมา ระบุ


 


ตำรวจยันไม่เมินเฉย เรื่องนี้ต้องยุติและไม่ลุกลาม


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังเกิดเหตุการณ์รุนแรงดังกล่าว ที่ศาลากลางจังหวัดประจวบคีรีขันธ์  นายบงการณ์ ลิมปพันธ์ รอง.ผวจ. ,นายธวัชชัย ดิษยนันนท์ นายอำเภอบางสะพาน,และ พ.ต.อ.ทิวา บุญดำเนิน รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พร้อมหน่วยงานเกี่ยวข้องได้ประชุมหารือ ถึงเหตุการณ์ที่เกิดการปะทะกันระหว่าง 2 กลุ่ม



 


รายงานจากที่ประชุมแจ้งว่า เหตุการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้นในเบื้องต้นมีรายงานว่ามีกลุ่มเสื้อแดง ( ฝ่ายสนับสนุน)  เสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บ 4 ราย ซึ่งยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าเกิดจากใครหรือกลุ่มใดเป็นผู้ลงมือ ทั้งนี้ นายบงการณ์ ได้ประสานขอกำลังตำรวจชุดปราบปราจราจลและตร.ใกล้เคียงลงพื้นที่กว่า 300 นาย เพื่อป้องกันเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นอีก รวมถึงการที่จะดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้อง



 


นายบงการณ์ กล่าวว่า การปะทะกันระหว่างทั้ง 2 กลุ่ม จะให้ทาง พล.ต.ต.วิรัช วัชรขจร  ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ตรวจสอบข้อเท็จจริง  และยังได้มอบอำนาจให้ พ.ต.อ.สุรศักดิ์ สุขแสวง ผกก.บางสะพาน เป็นผู้บัญชาการด้านยุทธการในเรื่องดังกล่าว  ให้มีอำนาจสั่งใช้กำลังด้วยความชอบธรรม   ยอมรับว่าเหตุการณ์เช่นนี้ไม่น่าที่จะเกิดขึ้น



 


ทางด้าน พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา  ผบช.ภ.7 เปิดเผยแก่ผู้สื่อข่าว่าเรื่องดังกล่าวตำรวจมิได้นิ่งนอนใจ ได้สั่งการให้ รอง ผบช.ภ.7 เดินทางไปควบคุมสถานการณ์ด้วยตนเอง นอกจากนั้นยังสั่งให้ตำรวจสืบสวนสอบสวนว่าเหตุเกิดเพราะอะไร ใครเป็นผู้ดำเนินการ เชื่อว่าเรื่องนี้ต้องยุติลงโดยเร็ว นอกจากนั้นเชื่อว่าเหตุการณ์คงไม่รุกลามไปมากว่านี้เพราะ พล.ต.ต.วิรัตน์ วัชรขจร ผบก.ภ.จว.ประจวบคีรีขัยต์ คอยควบคุมดูแลอย่างใกล้ชิดอยู่แล้ว



 


เรียบเรียงจาก : แนวหน้า สยามรัฐ และ คม ชัด ลึก

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net