thaiclimate: โลกร้อนทำนกนัอยเดือดร้อน?

เพ็ญนภา หงษ์ทอง
www.thaiclimate.org


ในประเทศเขตร้อนอย่างประเทศไทย ปรากฏการณ์โลกร้อนอาจจะเป็นเรื่องที่สังเกตได้ยากสักหน่อย เพราะสำหรับมนุษย์ที่มีสมองกับสองขาและเดินลำตัวตั้งฉากกับพื้นโลก ที่อยู่อาศัยบนแผ่นดินขวานทองแห่งนี้ต่างก็มีชีวิตอยู่กับอุณหภูมิที่สูงกว่า 30 องศาเซลเซียส และภาวะฝนตกน้ำท่วมกันจนเป็นเรื่องปกติ
 จนทำให้หลายคนมองไม่ออกว่าโลกร้อนขึ้นอย่างไร แต่สำหรับสิ่งมีชีวิตเล็กๆ อย่างนก ที่มีชีวิตผูกพันอยู่กับสภาพภูมิประเทศและภูมิอากาศ ปรากฏการณ์โลกร้อนไม่ใช่เรื่องที่พวกมันเคยชิน และเริ่มส่งผลกระทบต่อชีวิตเล็กๆ ของพวกมันแล้ว

โครงการศึกษานิเวศวิทยาของนกเงือกที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ภายใต้การนำของ ดร.พิไล พูนสวัสดิ์ แห่งมหาวิทยาลัยมหิดล พบว่าในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมานี้ วงจรชีวิตของนกกกหรือนกกาฮัง ซึ่งเป็นนกเงือกประเภทหนึ่ง มีความเปลี่ยนแปลงไปอย่างเห็นได้ชัด โดยระยะเวลาเข้าโพรง ออกไข่ และเลี้ยงลูกนกจนถึงเวลาออกจากโพรง ได้ยืดเวลาเฉลี่ยจากปกติ 120 วัน เป็น 140 วัน ทั้งนี้อาจเป็นเพราะนกกาฮังต้องปรับวงจรชีวิตตัวเองตามพืชอาหาร อย่างไรก็ตาม ยังไม่ทราบว่าระยะเวลากว่า 20 วันที่เพิ่มขึ้นมา เป็นการเพิ่มขึ้นของวงจรชีวิตช่วงใดของการเข้าโพรงออกลูก

ชุติอร ซาวินี นักวิจัยของโครงการซึ่งเป็นผู้ค้นพบวงจรชีวิตที่เปลี่ยนไปของนนกกาฮังกล่าวว่า ปกติแล้วในช่วงของการตั้งท้อง นกกาฮังต้องการกินพืชอาหารที่มีแคลเซี่ยมมาก เช่น ไทรมะเดื่อ เพื่อสร้างให้เปลือกไข่มีความแข็งแรง ไม่เปราะแตกง่าย และตามธรรมชาติของระบบนิเวศ เมื่อใดก็ตามที่มีต้นไทรเป็นจำนวนมาก พืชอื่นจะลดน้อยลง และเมื่อลูกฟักออกจากไข่เป็นตัวแล้ว นกจะเปลี่ยนไปกินพืชอาหารอย่างอื่น ซึ่งเป็นไปได้ว่าช่วงนี้อาจจะมีปัญหาเรื่องพืชอาหารอื่นเติบโตไม่ทัน ทำให้นกต้องอยู่อาศัยในโพรงนานกว่าปกติ เพื่อรอให้พืชอาหารเติบโตและทันกับความต้องการของลูกนก ขณะนี้โครงการศึกษานิเวศวิทยาของนกเงือก กำลังอยู่ระหว่างการเฝ้าศึกษาความเปลี่ยนแปลงของพืชอาหารนกเงือกในพื้นที่เขาใหญ่ ซึ่งจะนำสู่ความเข้าใจในการใช้ระยะเวลาเข้าโพรงออกลูกที่นานขึ้นของนกกาฮัง

แม้จะไม่สามารถสรุปได้ว่าสาเหตุของการที่นกเงือกตัวเมียต้องอยู่ในโพรงนานกว่าปกติในช่วงเวลาของฤดูกาลขยายพันธุ์เกิดขึ้นมาจากอะไร แต่ ดร.พิไล ก็ตั้งข้อสังเกตว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้อง เพื่อให้ปริศนานี้ถูกคลี่คลายลง พิไลเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งติดตั้งเครื่องตรวจวัดสภาพภูมิอากาศ ที่บริเวณเขาใหญ่ให้เพิ่มมากขึ้น เพื่อให้มีข้อมูลการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ชัดเจนพอที่จะบอกได้ว่าเป็นสาเหตุของการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของนกเงือกหรือไม่ หากใช่จะได้หาทางแก้ไขได้ทัน หรือหากไม่ชัดจะได้มุ่งหาปัจจัยอื่นที่อาจจะเป็นสาเหตุต่อไป ทั้งนี้ ปัจจุบันในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่มีเครื่องวัดสภาพภูมิอากาศเพียงเครื่องเดียว ทำให้ไม่เพียงพอต่อการเก็บข้อมูลของผืนป่าที่มีขนาดใหญ่มาก เพื่อให้เพียงพอต่อการวิเคราะห์ได้


ศุภฤกษ์ ตันศรีรัตนวงศ์ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบการตรวจสภาพภูมิอากาศของประเทศ ได้กล่าวถึงข้อเสนอของพิไลว่า เป็นเรื่องที่ทำได้ยาก โดยให้เหตุผลว่าสถานีตรวจอากาศที่เขาใหญ่ 1 สถานีก็น่าจะเพียงพอแล้ว เพราะสถานีนั้นตั้งอยู่บนยอดเขาเขียว ซึ่งเป็นยอดที่สูงที่สุดของเขาใหญ่ น่าจะสามารถเก็บข้อมูลได้ครอบคลุม ทั้งนี้ กรมอุตุฯ เองก็มองเห็นความสำคัญของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แต่การติดตั้งเครื่องตรวจวัดสภาพภูมิอากาศจำเป็นจะต้องติดตั้งในพื้นที่ที่เป็นแหล่งชุมชน และมีความเสี่ยงว่าหากเกิดสภาพอากาศไม่พึงประสงค์ขึ้นมา แล้วจะก่อให้เกิดความเสียหายกับชีวิตและทรัพย์สินของมนุษย์ มากกว่าที่จะติดในพื้นที่ที่ไม่มีคนอยู่อาศัยหรือมีน้อย ดังนั้น แม้กรมอุตุฯ
เองกำลังดำเนินการติดตั้งสถานีตรวจอากาศเพิ่มขึ้นอีก 87 สถานีทั่วประเทศ จึงไม่มีสถานีใดอยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่เลย

"สถานีตรวจวัดสภาพภูมิอากาศติดตั้งขึ้นเพื่อป้องกันหรือบรรเทาภัยพิบัติที่อาจจะเกิดขึ้นกับมนุษย์
ไม่ได้ไว้สำหรับแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม" อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยากล่าว

ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นกับนกเงือกเขาใหญ่เป็นเพียงหนึ่งในปรากฏการณ์มากมายที่กำลังเกิดขึ้นในป่าหลายแห่งทั่วประเทศไทย ข้อสังเกตของพิไลที่คิดว่าโลกร้อนน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงปริมาณและการเติบโตของพืชอาหารของนกเงือกจึงเป็นข้อสังเกตที่มีเหตุมีผลและควรให้ความสำคัญศึกษาต่อ ในบทความเรื่อง "นก...สัญญาณเตือนภัยจากโลกร้อน" เขียนโดย นพ.รังสฤษฎ์ กาญจนะวณิชย์
กรรมการฝ่ายวิชาการและโครงการสมาคมอนุรักษ์นกและธรรมชาติแห่งประเทศไทย ซึ่งเผยแพร่ในเว็บไซต์ของสมาคม (http://www.bcst.or.th/news/arti_29.html) ได้บรรยายถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับดอยอินทนนท์ ผืนป่าดิบเขาที่สำคัญของประเทศไว้อย่างชัดเจน

"จากสภาพป่ายอดดอยที่เคยชุ่มชื่นมีเมฆหมอกปกคลุม ลำต้นและกิ่งไม้ถูกปกคลุมห่อหุ้มไปด้วยเฟิร์นและกล้วยไม้นานาชนิด ดูเขียวชอุ่ม ชุ่มฉ่ำ เปล่งปลั่วไปทั้งป่า มาวันนี้เรากลับพบต้นก่อ ต้นกุหลาบพันปี
หลายต่อหลายต้นยืนแห้งตาย หักล้มระเนระนาด ผืนมอสที่ปกคลุมกิ่งก้านหลุดออก ถลอกปอกเปิกเป็นแผ่นๆ เฟิร์น กล้วยไม้ และไลเคน แห้งกรอบตายคาต้น ดุแล้วเป็นสภาพที่น่าหดหู่ใจยิ่ง"

เมื่อป่าเปลี่ยนแปลง พฤติกรรมของนกก็เปลี่ยนไป รังสฤษฎ์ ได้อ้างถึงข้อมุลการสำรวจนอกประจำปีของดอยอินทนนท์ (Inthanon Bird Census) ว่านกประจำถิ่นหลายชนิดที่พบแต่เพียงในป่าดิบเขา เริ่มลดน้อยลง ขณะที่พบนกที่ปกติอาศัยในป่าที่ต่ำลงมาและทนต่อความแห้งได้มากกว่าในปริมาณที่เพิ่มมากขึ้น

ความเปลี่ยนแปลงของป่าและพฤติกรรมนกที่เริ่มเห็นได้ชัดในผืนป่าเขาใหญ่และดอยอินทนนท์
เป็นเสียงระฆังเตือนว่าปรากฏการณ์เช่นนี้อาจเกิดขึ้นอีกในหลายพื้นที่โดยที่เราไม่รู้ตัวเลยก็ได้ เพชร มโนปวิตร รองประธานสมาคมนุรักษ์นกและธรรมชาติแห่งประเทศไทย กำลังวิตกว่านกที่อยู่ในภาวะเสี่ยงอยู่แล้วอาจตกอยู่ในภาวะที่เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะนกที่มีความต้องการถิ่นที่อยู่อาศัยเป็นการเฉพาะ เช่น นกกินปลีหางยาวบนยอดดอยอินทนนท์ หรือนกที่มีประชากรขนาดเล็กและมีความหลากหลายทางพันธุกรรมต่ำ เช่น ประชากรนกแต้วแล้วท้องดำ ที่เหลือกลุ่มสุดท้ายอยู่ในป่าเขานอจู้จี้ จ.
กระบี่แห่งเดียวเท่านั้น นกเหล่านี้มีความเสี่ยงสูงมากที่จะไม่สามารถปรับตัวได้ทันกับสภาพอากาศที่กำลังเปลี่ยนแปลง

นี่เป็นเพียงเรื่องราวเล็กน้อยของนกและพืชที่ส่งสัญญาณมายังเราซึ่งเป็นมนุษย์ทุกคนว่าความเปลี่ยนแปลงเริ่มเกิดขึ้นแล้ว และสิ่งมีชีวิตเล็กๆ ได้รับผลกระทบแล้ว หากมนุษย์อย่างเรายังไม่คิดลงมือทำอะไรหายนะอันใหญ่หลวงคงจะตามมาในไม่ช้า หวังว่าเราคงไม่ต้องรอให้เสียงเตือนภัยจากธรรมชาติดังขึ้นกว่านี้ถึงจะมีการลงมือทำอะไรเพื่อบรรเทาปัญหาโลกร้อน เพราะนั่นอาจจะหมายถึงช่วงเวลาที่สายเกินไปแล้ว

………………………
*ติดตามความเคลื่อนไหว
ทำความเข้าใจโลกร้อนในมุมที่เกี่ยวข้องกับเมืองไทย
โดยทีมนักข่าวที่เกาะติดประเด็น ที่ www.thaiclimate.org

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท