ประชาไท - เหตุการณ์มือระเบิดพลีชีพลอบสังหาร นางเบนาซีร์ บุตโต ผู้นำพรรคประชาชนปากีสถาน (PPP:
นางเบนาซีร์ บุตโต ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีปากีสถานถึง 2 สมัย (ปี 1988 - 1990 และ ปี 1993-1996) แต่ต้องลี้ภัยทางการเมืองด้วยข้อหาคอรัปชั่น ซึ่งหลังจากนั้น นายนาวาซ ชารีฟ ผู้นำพรรคมุสลิมได้มาแทนที่ และถูก นายพลเปอร์เวซ มูชาราฟ ก่อรัฐประหาร ล้มล้างรัฐบาลในปี 1999 จนนายชารีฟต้องลี้ภัยออกนอกประเทศเช่นกัน
ปากีสถานกลายเป็นประเทศที่ถูกปกครองโดยรัฐบาลทหารจนถึงปัจจุบัน แต่ด้วยกระแสต่อต้านจากประชาชนที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ประกอบกับการก่อการร้ายที่ทวีความหนักหน่วงขึ้น ทำให้นายพลมูชาราฟเปิดโอกาสให้นางบุตโตเดินทางกลับปากีสถาน และมีการเจรจาเพื่อหาแนวทางสร้างสันติภาพให้เกิดขึ้นภายในประเทศเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา พร้อมทั้งประกาศให้จัดการเลือกตั้งในเดือนมกราคม 2551
แต่การลอบสังหารผู้นำพรรคที่ชูนโยบายเพื่อประชาธิปไตยเช่นนางบุตโต ถือเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่ทางการเมืองปากีสถาน และอาจทำให้ต้องเลื่อนการเลือกตั้งออกไปอย่างไ่ม่มีกำหนด
นอกจากนี้ ประชาชนที่สนับสนุนพรรค PPP ไม่อาจยอมรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงได้ก่อจลาจลตามเมืองใหญ่ๆ เช่น การาจี, เปชวาร์, ลาฮอร์, มุลตาน และราวัลพินดี เพื่อต่อต้านรัฐบาลภายใต้การนำของนายพลมูชาราฟ ซึ่งไม่สามารถคุ้มครองผู้นำทางการเมืองคนสำคัญไว้ได้
"เราย้ำกับรัฐบาลหลายครั้งให้เตรียมพร้อมด้านความคุ้มกันให้แก่เธอ แต่พวกเขาไม่เคยใส่ใจ" ผู้สนับสนุนนางบุตโตรายหนึ่งกล่าวกับผู้สื่อข่าว
พรรคมุสลิมประกาศถอนตัวจากการเลือกตั้ง เรียกร้องมูชาราฟลาออก
"มันไม่ใช่วันที่น่าเสียใจ แต่มันคือวันที่มืดมน มืดมนที่สุด และเศร้าโศกที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศนี้ บางสิ่งบางอย่างที่คาดไม่ถึง ยากเกินกว่าจะเข้าใจ เกินกว่าจะคาดคิด ได้เกิดขึ้นแล้ว"
อดีตนายกรัฐมนตรีปากีสถาน นาวาซ ชารีฟ หัวหน้าพรรคสหพันธ์มุสลิมแห่งปากีสถาน (PML:
นายนาวาซ ชารีฟ ระบุว่า การเลือกตั้งที่ยุติธรรมและมีเสรีภาพ ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ภายใต้การครอบงำของทหาร เพราะการลอบสังหารนางบุตโตได้แสดงให้เห็นว่า ทหารไม่สามารถให้ความคุ้มครองที่ดีและมีประสิืทธิภาพ ทางพรรค PML จึงขอประกาศคว่ำบาตรการเลือกตั้งครั้งนี้
ถึงแม้นางบุตโตและนายชารีฟจะเป็นคู่แข่งทางการเมือง แต่เมื่อปี 2006 ทั้งสองได้ร่วมปรึกษาหารือกันว่าจะกลับมาเล่นการเมืองในปากีสถานอีกครั้ง และประกาศเป็นพันธมิตรกันเพื่อลงแข่งขันเพื่อสู้กับรัฐบาลทหารของนายพลมูชาราฟ ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีอยู่จนถึงปัจจุบัน เมื่อนางบุตโตเสียชีวิตลง ความเป็นไปได้ที่นายชารีฟจะได้กลับมาเป็นรัฐบาลก็มีเพิ่มมากขึ้น เพราะประชาชนที่สนับสนุนนางบุตโตอาจเทคะแนนให้กับสหพันธ์มุสลิมฯ แทน แต่นายชารีฟได้กล่าวตัดบทว่า ตนจะไม่ฉวยโอกาสจากความตายของนางบุตโต และไม่ควรจะมีใครฉวยโอกาสจากความสูญเสียครั้งนี้ด้วย
ประธานาธิบดีชี้ "ผู้ก่อการร้าย" มีเอี่ยวเหตุการณ์ลอบสังหาร
ทางด้าน นายพลเปอร์เวซ มูชาราฟ ประธานาธิบดีปากีสถาน ได้กล่าวถึงการลอบสังหารครั้งนี้ว่าเป็นการกระทำของกองกำลังหัวรุนแรง ซึ่งเป็นกลุ่มเดียวกับที่รัฐบาลกำลังประกาศสงครามอยู่ จึงขอให้ชาวปากีสถานอยู่ในความสงบเพื่อเตรียมรับมือกับกลุ่มหัวรุนแรงดังกล่าว และประกาศให้มีการลดธงครึ่งเสาเพื่อไว้อาลัยแก่นางบุตโตเป็นเวลา 3 วัน
ขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์คาดว่า กองกำลัง "ตาลีบัน" และ "อัลกออิดะห์" ซึ่งมีฐานที่มันอยู่ในอัฟกานิสถานอาจมีส่วนเกี่ยวข้อง เนื่องจากนางบุตโตเป็นผู้นำทางการเมืองที่ประกาศจุดยืนต่อต้านการก่อการร้าย และในสมัยที่พรรค PPP เป็นรัฐบาล ก็เป็นยุคสมัยที่ผู้นำปากีสถานมีสัมพันธไมตรีอันดีกับประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งถือเป็นปฏิปักษ์ของกองกำลังก่อการร้าย และก่อนหน้านั้นเพียงไม่กี่ชั่วโมง ก่อนที่นางบุตโตจะถูกลอบสังหาร เธอได้เข้าพบกับประธานาธิบดีฮาร์มิด คาร์ไซ ผู้นำแห่งอัฟกานิสถาน เพื่อหารือเรื่องนโยบายการจัดการกับกองกำลังก่อการร้าย
อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีกลุ่มก่อการร้ายใดๆ ออกมายอมรับว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการลอบสังหารครั้งนี้
ข่าวประกอบ:
Reactions to Bhutto assassination
Pakistan's Bhutto killed in attack
Musharraf Condemns Bhutto's Killing, Announces 3-Day Mourning
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)