Skip to main content
sharethis

ประวิตร โรจนพฤกษ์


เหตุผลสำคัญที่ทำให้ข้อกล่าวหาของนายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน ที่ว่าม็อบบุกสภาต้าน สนช. เป็นความพยายามที่จะวางยาก่อความวุ่นวายมิให้มีการเลือกตั้ง มีน้ำหนักระดับหนึ่ง ในสายตาคนกลุ่มหนึ่ง ก็เพราะความประพฤติของแกนนำส่วนหนึ่งของม็อบวันนั้น ความประพฤติที่ว่านี้ก็คือจุดยืนของแกนนำกลุ่มหนึ่งในนั้น ซึ่งบ้างก็เคยร่วมอยู่ในกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งยอมรับรัฐประหาร 19 กันยาฯ แถมบางคนยังไปมีส่วนร่วมทำงานกับ สนช. หรือกระบวนการร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับทหารในครึ่งปีแรกหลังรัฐประหาร กล่าวคือ หลายคนค่อนข้างรับได้กับรัฐประหาร หรืออย่างน้อยสุดก็มิได้ออกมาต่อต้าน ซึ่งขอเรียกว่าจุด A. ซึ่งเป็นจุดแสดงท่าทีแรกของคนกลุ่มนี้ต่อรัฐประหารและการเข้ามามีอำนาจของเผด็จการทหาร คปค. พอมาถึงวันนี้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันพุธที่แล้ว และจะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้ เปรียบได้ว่า เป็นเสมือนจุด C. ซึ่ง ณ จุดนี้ พวกเขาได้กลายมาเป็นกลุ่มต่อต้าน สนช. ซึ่งแต่งตั้งโดยเผด็จการทหารและตั้งคำถามถึงความไม่ชอบธรรมของ สนช.


            แต่จุด B. นั้นหายไป และจุด B. ที่ว่านี้คือกระบวนการเรียนรู้สาธารณะซึ่งผ่านการพินิจพิจารณาบทบาทท่าทีของแต่ละคนในช่วงเวลาไม่กี่อาทิตย์ก่อนและหลังรัฐประหาร จุด B. หมายถึงการยอมรับต่อสาธารณะหรือแม้กระทั่งการพูดขอโทษว่าใครได้ตั้งท่าทีต่อทหารผิดไปจนกระทั่งปัญหาบานปลายมาถึงวันนี้ วันเวลาซึ่งสภาตรายางที่ทหารแต่งตั้ง กำลังรีบเร่งผ่านร่างกฎหมายสามานย์หลายฉบับ แม้ว่ากำลังจะมีการเลือกตั้งในอีกไม่ถึงอาทิตย์


            ผู้เขียนเห็นว่าในบรรดากลุ่มแกนนำนั้นเท่าที่เห็นว่าผ่านจุด B. จริงๆ คงได้แก่ สุภิญญา กลางณรงค์ ที่ได้ออกมาแสดงจุดยืนและแสดงความเสียใจต่อบทบาทของเธอช่วงไม่กี่เดือนก่อนรัฐประหาร แต่อีกหลายคนในแกนนำม็อบต้าน สนช. สำหรับพวกเขาแล้ว เขากระโดดจากจุด A. ไปจุด C. และดูเหมือนประชาสังคมไม่จำเป็นและไม่สนใจที่จะหยุดพักตรงจุด B.


            อย่างที่รู้กัน สมาชิกสภาตรายางหรือที่กลุ่มต่อต้านเรียกว่า สภาหน้าด้าน (ซึ่งก็ด้านจริงๆ) ไม่มีใครยอมลาออก ยกเว้น รศ.สุริชัย หวันแก้ว แห่งคณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ ผู้ซึ่งเป็นสมาชิกอาวุโสของ ครป. สุริชัยยื่นจดหมายลาออก มีผลตั้งแต่วันพุธที่ 12 ธ.ค. โดยได้เขียนในจดหมายซึ่งรายงานโดยเดลินิวส์ว่า เขาไม่เห็นด้วยกับการที่ สนช. จะคงยืนยันผลักดันร่างกฎหมายอีกหลายฉบับ ในขณะที่การเลือกตั้งกำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่วัน แต่สุริชัยก็ไม่ได้พูดหรือเขียนต่อสาธารณะว่าตนคิดว่า สนช.นั้นมีความชอบธรรมตั้งแต่ต้นหรือไม่ รวมถึงมิได้ขอโทษต่อสาธารณะในบทบาทของตนที่ไปร่วมรับตำแหน่งเป็นสมาชิก สนช. ซึ่งเป็นการรับตำแหน่งที่ก่อให้เกิดการถกเถียงอย่างมากพอสมควร


แต่ที่ร้ายกว่านั้นคือ ผลพวงที่คนอย่างสุริชัย หรือโคทม อารียา ฯลฯ จากภาคประชาสังคม เข้าไปร่วม สนช. ผลพวงที่ว่านี้คือ การทำตัวไปเป็นเสมือนหนึ่งน้ำมันหล่อลื่นหรือน้ำมันเครื่องให้กับระบอบเผด็จการทหาร เป็นการสร้างตัวอย่างอันไม่ดีต่อปัญญาชนและนักกิจกรรมรุ่นหลัง และจะเอื้อให้โอกาสของการเกิดรัฐประหารในอนาคตมีสูงขึ้น ทั้งนี้ เพราะกลุ่มก่อรัฐประหารในอนาคตย่อมรู้ดีว่า สังคมไทยยังมีคนอย่าง สุริชัย หรือโคทมอีกจำนวนไม่น้อย และคนเหล่านี้พร้อมที่จะช่วยเป็นน้ำมันหล่อลื่นให้ระบอบเผด็จการที่มาจากรัฐประหารอยู่รอดได้ เพราะคนเหล่านี้จะช่วยทำให้สภาตรายางอย่าง สนช. ดูมีอิสรภาพและน่าเชื่อถือ ถึงแม้ตอนนี้ ความน่าเชื่อถือของสุริชัยและโคทมจะหมดลงไปมากในสายตาคนรุ่นใหม่ (อย่างน้อยก็ในจุฬาฯ) รวมทั้งผู้เขียน และสุริชัยก็กระโดดข้ามจุด B. เช่นกัน ในขณะที่โคทมอาจยังไม่ถึงจุด B. ด้วยซ้ำไป


            คนจำนวนหนึ่งรวมทั้งผู้เขียนเรียกร้องให้สุริชัยคืนเงินภาษีประชาชนกว่าล้านบาท (ซึ่งเงินเดือนเท่าที่ทราบตกประมาณ 104,000 บาท) เพื่อนำไปบริจาคเพื่อสาธารณะประโยชน์ของภาคประชาชน แต่ก็ไม่มีคำตอบ ซึ่งแกอาจจะไม่รู้สึกว่า จำเป็นจะต้องตอบให้กับใคร เพราะสภา สนช. ก็ไม่สามารถตรวจสอบได้ (accountability) มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ที่ผู้เขียนรู้สึกผิดหวังมาก ก็คือการที่ผู้เขียนได้ยินมากับหูจากเพื่อนนักกิจกรรมชาวฟิลิปปินส์ ซึ่งเคยทำงานอยู่เมืองไทยว่า เธอผู้นั้นได้ไปถาม อ.สุริชัย หลังรับตำแหน่งว่าทำไมถึงไปรับตำแหน่งที่เผด็จการทหารยื่นให้และถูกสุริชัยตอบกลับว่า มันเป็นเรื่องภายในประเทศ คนต่างชาติไม่เกี่ยว


            แต่ในสังคมที่ผู้คนจำนวนไม่น้อย สามารถก้าวกระโดดจาก จุด A. ไป C. หรือ ก. ไป ค. โดยไม่ต้องผ่าน ข. สิ่งต่างๆ มันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนแทบไม่มีความทรงจำอะไรต่ออดีตเหลืออยู่ ผู้คนที่เพิ่งเชียร์ทหารมาหยกๆ เมื่อ 12 เดือนที่ผ่านมา ก็ออกมาขับไล่ทหารได้ง่ายๆ อย่างมิต้องคิดมาก หลังบุกล้อม สนช. สำเร็จเมื่อวันพุธที่แล้วจนการประชุมล่ม อ.จอน อึ๊งภากรณ์ ก็ออกมาพูดนอกสภาให้เครดิตแก่ สุริชัยที่ลาออก แต่คนผู้นี้สมควรได้รับการยกย่องจริงหรือ ในวันนั้นผู้เขียนได้พบกับสมาชิก สนช. อีกหลายคนที่ยังยืนยันอย่างด้านๆ ว่าไม่ออก และสมาชิกคนหนึ่งซึ่งเคยอยู่ในกลุ่มพันธมิตรฯ และเคยพูดบอกสมาชิกทั่วไปของกลุ่มพันธมิตรฯ ก่อนเกิดรัฐประหารว่า ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวหมัดน็อกเอาท์ ทหารจัดให้ ก็บอกกับผู้เขียนว่า กฎหมายที่เตรียมผ่านต่างๆ เขาเอาแน่ "กฎหมายผ่านทุกอัน เพราะเขาเตรียมมาหมดแล้ว จัดฉากมาหมดแล้ว แต่ไม่ต้องโค้ดผมนะ บอกว่าจากแหล่งข่าวก็แล้วกัน"


....................................


ข่าวที่เกี่ยวข้อง


ประมวลเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ปิด "สภาหน้าด้าน"


"สุริชัย หวันแก้ว" ลาออกจาก สนช.

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net