ในห้วงเวลาช่วงท้ายของเทศกาลถือศีลอดในเดือนรอมฎอนของชาวมุสลิม ระหว่างวันที่ 10 - 11 ตุลาคม 2550 มีแนวโน้มว่าผู้ถูกควบคุมตัวจากจังหวัดชายแดนภาคใต้บางส่วน ที่เข้าร่วมโครงการฝึกอบรมอาชีพในค่ายทหารที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ชุมพรและระนอง กว่า 300 คน จะไม่ได้กลับบ้าน เพื่อร่วมงานวันฮารีรายอ ซึ่งเป็นวันฉลองสิ้นสุดการถือศีลอด
แม้ว่าญาติๆ ของผู้ถูกควบคุมตัว 81 คน ได้ใช้สิทธิ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 90 ยื่นคำร้องต่อศาลขอให้มีคำสั่งปล่อยตัวเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2550 ที่ผ่านมา โดยศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานีและชุมพร ได้นัดไต่สวนฝ่ายเจ้าหน้าที่ทหารและผู้ถูกควบคุมตัว ในวันที่ 11 ตุลาคม 2550 ก็ตาม
ขณะที่ศาลจังหวัดระนอง นัดไต่สวนวันที่ 18 ตุลาคม 2550 หรือหลังจากสิ้นสุดเทศกาลถือศีลอดในเดือนรอมฎอนไปแล้ว
สาเหตุที่ญาติได้ยื่นคำร้องขอให้ปล่อยตัวนั้น ในคำร้องต่อศาลระบุคล้ายๆ กันว่า เจ้าหน้าที่ไม่มีอำนาจตามกฎหมายที่จะควบคุมตัวอีกแล้ว หลังจากครบกำหนดการควบคุมตัว 7 วันตามอำนาจกฎอัยการศึก พ.ศ. 2457 และอีก 30 วันตามอำนาจพระราชบัญญัติการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548
แต่แทนที่จะได้รับการปล่อยตัวกลับบ้าน พวกเขากลับถูกส่งไปเข้าร่วมโครงการฝึกอบรมวิชาชีพเป็นเวลา 4 เดือน ซึ่งกลุ่มญาติๆ ระบุในคำร้องต่อศาลด้วยว่า ผู้เข้าร่วมโครงการถูกเจ้าหน้าที่ขู่ว่า หากปฏิเสธไม่เข้ารับการฝึกอบรมอาชีพจะส่งตัวไปดำเนินคดีและจะไม่ได้รับการประกันตัวระหว่างการพิจารณาคดี หากปล่อยตัวกลับบ้านโดยไม่มีการตั้งข้อหา อาจไม่ได้รับความปลอดภัย ทำให้ผู้ถูกควบคุมเกิดความหวาดกลัว ต้องจำยอมเข้ารับการฝึกอาชีพโดยไม่สมัครใจ
สำหรับผู้ที่เข้าร่วมโครงการฝึกอบรมอาชีพดังกล่าว เป็นกลุ่มคนที่ถูกควบคุมตัวตามยุทธการพิทักษ์แดนใต้ ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 18 มิถุนายน 2550 เป็นต้นมา ส่วนใหญ่จากพื้นที่อำเภอบันนังสตา จังหวัดยะลา และอำเภอสุไหงปาดี จังหวัดนราธิวาส
ในคำบรรยายสรุปของแม่ทัพภาคที่ 4 ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 (ผอ.รมน.ภาค4) ที่รายงานต่อ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ที่ค่ายวิภาวดีรังสิต อำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2550 เวลา 14.00 น ซึ่งปรากฏในเว็บไซต์ของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 (www.southpeace.go.th) ระบุว่า เป็นกลุ่มที่มีความเกี่ยวข้องกับความผิด แต่หลักฐานไม่เพียงพอจะดำเนินคดี กับกลุ่มแนวร่วมที่ทำผิดเล็กๆ น้อยๆ โดยสมัครใจไปเข้ารับการอบรม เช่น การอบรมวิชาชีพ เป็นต้น
นอกจากการแยกออกเป็นสองประเภทดังกล่าวแล้ว กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ยังแยกบุคคลออกเป็นอีกสองประเภท คือ กลุ่มกระทำผิดกฎหมายรุนแรงและมีหลักฐานชัดเจนให้ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด กับอีกกลุ่มคือ แกนนำชักใยอยู่เบื้องหลังไม่มีหลักฐานแต่มีความสำคัญในกระบวนการก่อความไม่สงบ เป็นผู้มีหน้ามีตาและสถานะสูงในสังคม เป็นต้นตอของปัญหา และพร้อมที่จะผลิตอีก 3 กลุ่มข้างต้น ให้กดดันทางการเมืองและทางสังคมโดยจะกำหนดนโยบายให้ชัดเจนต่อไป
สำหรับผู้ถูกควบคุมตัวที่เข้าร่วมโครงการฝึกอบรมอาชีพดังกล่าว ได้ทยอยถูกเคลื่อนย้ายออกจากจังหวัดชายแดนภาคใต้ ไปอยู่ในความดูแลของค่ายวิภาวดีรังสิต จังหวัดทหารบกสุราษฎร์ธานี 95 คน ค่ายเขตอุดมศักดิ์ จังหวัดทหารบกชุมพร 183 คน และ ร.25 พัน.2 ค่ายรัตนรังสรรค์ จังหวัดระนอง 85 คน ตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคม 2550 รวมทั้งหมด 363 คน
ในคำบรรยายดังกล่าวระบุด้วยว่า การนำผู้ถูกควบคุมตัวทั้งสองกลุ่มออกนอกพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้โดยสมัครใจเข้ารับการอบรม มีวัตถุประสงค์ที่สำคัญ คือ เพื่อแยกกลุ่มบุคคลดังกล่าวออกจากประชาชน เป็นการแยกปลาออกจากน้ำ ตัดการติดต่อสื่อสารระหว่างผู้ถูกควบคุมตัวกับกลุ่มผู้ก่อเหตุในพื้นที่ นำไปสู่การขาดพลังในการต่อต้านรัฐ
นอกจากนี้ เพื่อเปิดพื้นที่ให้ส่วนราชการและภาคประชาชน เข้าไปควบคุมรักษากฎหมาย พร้อมทั้งพัฒนาสภาพแวดล้อมและช่วยเหลือประชาชนผู้บริสุทธิ์ ภายใต้สภาพความหวาดระแวงที่ลดลง อีกทั้ง เพื่อสร้างจิตสำนึกให้มีความภาคภูมิใจในความเป็นคนไทย ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้ถูกต้องในระหว่างการดำเนินโครงการ เมื่อกลับไปบ้านจะเป็นตัวอย่างแก่แกนนำและแนวร่วม รวมทั้งผู้ที่เกี่ยวข้องกับขบวนการที่เหลืออยู่ ได้เห็นช่องทางที่จะกลับมาใช้ชีวิตร่วมกับประชาชนผู้บริสุทธิ์
ในจำนวนผู้เข้าร่วมโครงการทั้งหมด 353 คน นั้น แบ่งตามภูมิลำเนา โดยแยกตามศูนย์ฝึกอาชีพ ดังนี้
ศูนย์ฝึกฯ
ปัตตานี
ยะลา
นราธิวาส
สงขลา
รวม
ค่ายวิภาวดีรังสิต
28
35
27
5
95
ค่ายเขตอุดมศักดิ์
36
81
63
3
183
ค่ายรัตนรังสรรค์
16
11
58
-
85
รวม
81
129
145
8
363
แบ่งตามกลุ่มอายุ
ศูนย์ฝึกฯ |
กลุ่มอายุ |
|||
18-21 ปี |
22-30 ปี |
30 ปีขึ้นไป |
รวม |
|
ค่ายวิภาวดีรังสิต |
15 |
22 |
58 |
95 |
ค่ายเขตอุดมศักดิ์ |
108 |
13 |
62 |
183 |
ค่ายรัตนรังสรรค์ |
36 |
9 |
40 |
85 |
แบ่งตามการประกอบอาชีพ
ศูนย์ฝึกฯ |
เกษตรกรรม |
ค้าขาย |
รับจ้าง |
รวม |
ค่ายวิภาวดีรังสิต |
45 |
12 |
36 |
95 |
ค่ายเขตอุดมศักดิ์ |
108 |
13 |
62 |
183 |
ค่ายรัตนรังสรรค์ |
36 |
9 |
40 |
85 |
ระดับการศึกษา
สายสามัญ
ระดับการศึกษา |
ศูนย์ฝึกฯ |
||
ค่ายวิภาวดีรังสิต |
ค่ายเขตอุดมศักดิ์ |
ค่ายรัตนรังสรรค์ |
|
ไม่ได้รับการศึกษา |
9 |
12 |
7 |
ประถมศึกษา |
58 |
91 |
48 |
มัธยมศึกษาตอนต้น |
15 |
30 |
19 |
มัธยมศึกษาตอนปลาย |
12 |
48 |
10 |
อนุปริญญาขึ้นไป |
1 |
2 |
1 |
ด้านศาสนา
ศูนย์ฝึกฯ |
ขั้น 1- 4 |
ขั้น 5 - 10 |
อุสตาส |
โต๊ะอิหม่าม |
ค่ายวิภาวดีรังสิต |
79 |
15 |
1 |
- |
ค่ายเขตอุดมศักดิ์ |
139 |
42 |
1 |
1 |
ค่ายรัตนรังสรรค์ |
72 |
12 |
1 |
- |
สำหรับเนื้อหาการฝึกอบรมครอบคลุมสามประการ คือ กรอบของศาสนาอิสลาม ตามหลักปฏิบัติของมุสลิมทั่วไป เพิ่มเติมด้วยการจัดกลุ่มดาวะห์ (นัดเผยแพร่ศาสนา) จากจังหวัดยะลามาให้ความรู้เดือนละหนึ่งครั้ง ส่วนในห้วงเดือนถือศีลอดโดยเฉพาะสิบวันสุดท้าย ให้ไปนอนที่มัสยิดบริเวณใกล้เคียงเพื่อปฏิบัติศาสนกิจ
ส่วนการฝึกอาชีพเพิ่มเติมใช้หลักสูตรชั้นต้น ระยะเวลา 4 เดือน และพัฒนาไปสู่ขั้นระดับผู้ชำนาญการอีก 2 เดือน
นอกจากนี้ มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ปรับทุกข์ผูกมิตรกับผู้ร่วมโครงการโดยชุดครูทหาร, ภาครัฐ และภาคประชาชนที่เข้ามาสนับสนุนโครงการ เพิ่มพูนความรู้โดยการทัศนศึกษา จัดนักจิตวิทยาเข้าช่วยเหลือ เป็นต้น และมีการจัดการเยี่ยมญาติ การช่วยเหลือลูกเมียที่มีรายได้ไม่พอเพียง
ในช่วงสุดท้ายของโครงการจะเชื่อมหน่วยงานที่รับผิดชอบให้เข้ามาร่วมจัดตั้งและเตรียมฝังแกนลงในพื้นที่ เพื่อสร้างเป็นเครือข่ายภาครัฐและเอกชนร่วมกันสร้างสันติสุขให้เกิดขึ้นในพื้นที่อย่างเป็นรูปธรรม
ที่สำคัญ การเคลื่อนย้ายกลับภูมิลำเนา จะเริ่มหลังสิ้นสุดโครงการรุ่นแรกภายในวันที่ 24 พฤศจิกายน 2550 หรือจะดำเนินการเฉพาะกรณีที่ได้รับความร่วมมือจากผู้ถูกควบคุม และได้รับการพิจารณาให้ปล่อยตัวเฉพาะบุคคลหรือกลุ่มเป็นกรณีพิเศษ
หมายความว่า อาจมีบางคนที่อาจยังไม่ได้รับการปล่อยตัว
แม้ว่า การเข้าร่วมโครงการฝึกอบรมอาชีพดังกล่าว ถูกระบุว่าเป็นไปด้วยความสมัครใจของผู้ถูกควบคุมตัว แต่นาย
เขาบอกว่า ก่อนหน้านี้ เขาถูกควบคุมตัวอยู่ที่ค่ายรัตนพล อำเภอคลองหอยโข่ง จังหวัดสงขลา หลังจากถูกส่งตัวมาจากค่ายอิงคยุทธบริหาร อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี ประมาณ 20 กว่าวัน ซึ่งขณะจะครบกำหนดการควบคุมตัวตามพระราชกำหนดการบริหารราชในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ระยะเวลา 30 วันนั้น ผู้ถูกควบคุมตัวจำนวนกว่า 100 คน ต่างก็คิดว่าจะได้กลับบ้านแล้ว แต่กลับถูกส่งตัวเข้าอบรมอาชีพ
"ผมก็ไม่เข้าใจว่า อายุขนาดนี้แล้วทำไม่ต้องอบรมอาชีพด้วย"
ขณะที่ผู้ถูกควบคุมตัวอีกหลายคน เช่น นาย
"ที่แน่ๆ ตอนนี้ทุกคนอยากกลับบ้าน ไปร่วมงานฮารีรายอกับคนที่บ้านพร้อมกัน"
ส่วนผู้ถูกควบคุมตัวอีกรายหนึ่ง ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่อำเภอสุไหงปาดี กลับบอกว่า ถ้าไม่กลับก็ไม่เป็นไร เพราะอยู่จะชินแล้ว เหลือเวลาอีก 1 เดือนก็จะครบ 4 เดือนตามกำหนด แต่ก็ยังไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร หรือถ้าได้กลับบ้าน ก็ยังไม่รู้ว่าจะเจออะไรบ้าง
ทางด้านนางแอเซาะ กาจะลากี มารดาของญาติของผู้ถูกควบคุมตัวที่ศูนย์ฝึกอาชีพท่าแซะรายหนึ่ง จากหมู่บ้านบียอ ตำบลบาเจาะ อำเภอบันนังสตา ซึ่งเป็นผู้หนึ่งที่ยื่นคำร้องต่อศาลขอให้ปล่อยตัว บอกว่า หวังว่าศาลคงจะมีคำสั่งให้ปล่อยตัวทัน เพราะจะได้กลับไปร่วมงานฮารีรายอที่บ้าน พร้อมๆ กับญาติพี่น้อง
"วันฮารีรายอ จะมีการให้อภัยซึ่งกันและกัน ถ้าพวกเขาไม่ได้กลับบ้าน ก็จะรู้สึกเหมือนกับไม่ได้ให้อภัยหรือขออภัยจากพวกเขา ในความผิดพลาดที่เคยเกิดขึ้น ยิ่งในสถานการณ์เช่นนี้ยิ่งต้องให้อภัยซึ่งกันและกันให้มาก"
ความหวังของพวกเขาขณะนี้อยู่ที่ศาลอย่างเดียวว่า จะมีคำสั่งอย่างไร
ขณะที่ พ.อ.อัคร ทิพย์โรจน์ โฆษกกองบัญชาการผสมพลเรือน ตำรวจ ทหาร (พตท.) พูดถึงเรื่องการยื่นคำร้องของปล่อยตัวผู้เข้าร่วมโครงการฝึกอบรมอาชีพนี้ว่า ในมุมมองของทหารได้ใช้มิติทางรัฐศาสตร์ในการแก้ปัญหา ซึ่งการนำแนวร่วมออกนอกพื้นที่ได้ ส่งผลให้ความไม่สงบลดลงอย่างเห็นได้ชัด
"ต่างกับมุมมองของนักสิทธิมนุษยชน ที่มองว่าการแก้ปัญหาต้องใช้หลักนิติศาสตร์เท่านั้น อย่างไรก็ตาม ทหารก็จะอธิบายให้ศาลเห็นถึงผลการดำเนินโครงการนี้ว่า ทำให้เหตุการณ์ไม่สงบในพื้นที่ลดลงจริงๆ ในบางจุด" นั่นเป็นคำอธิบายของเขา
อนาคตอันใกล้ของผู้ถูกควบคุมตัวเหล่านี้ ขึ้นอยู่กับศาลว่าจะมีคำสั่งอย่างไร หากศาลสั่งให้ปล่อยตัวทันที ความหวังที่จะกลับไปร่วมฮารีรายอกับครอบครัวก็เป็นจริง
ถึงแม้จะต้องใช้เวลาเดินทางกลับชายแดนภาคใต้เกือบ 10 ชั่วโมง เพื่อให้ถึงบ้านทันวันที่ 12 ตุลาคม 2550 อันเป็นฮารีรายอ ตามประกาศของจุฬาราชมนตรีก็ตาม