ประวิตร โรจนพฤกษ์ : พ.ร.บ. ความมั่นคง: เมื่อพล.อ.สนธิกำลังทำให้ฝันของทักษิณเป็นจริง

ประวิตร โรจนพฤกษ์

 

หลายท่านคงทราบว่าสมัยที่นายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกฯ นั้น เขามองผู้นำเพื่อนบ้านอย่างนายมหาธีร์ โมฮัมเม็ดแห่งมาเลเซีย และลี กวน ยู อดีตนายกรัฐมนตรีของสิงคโปร์เป็นตัวอย่าง และนายทักษิณก็หวังว่าจะมีอำนาจอย่างเช่นสองอดีตผู้นำ มาวันนี้ฝันของคุณทักษิณ กำลังเป็นจริงหากแต่อำนาจเบ็ดเสร็จกำลังจะตกไปอยู่ในมือของ ผบ.ทบ. หาก พ.ร.บ. การรักษาความมั่นคงในราชอาณาจักร สามารถคลอดได้สำเร็จ

 

พ.ร.บ. นี้ เปรียบได้กับการยึดอำนาจครั้งสำคัญที่สุดของกองทัพบกก็ว่าได้ เพราะมันจะสร้าง "ความถูกต้องและชอบธรรมทางกฎหมาย" ในการใช้อำนาจกดขี่ประชาชนโดยกองทัพ ซึ่งรวมถึงอำนาจในการโยกย้ายข้าราชการ อำนาจในการจับใครคุมขังก็ได้โดยไม่ต้องพึ่งหมายศาล และสามารถควบคุมตัวได้ 7 วัน รวมถึงขยายเวลาควบคุมต่อได้อย่างไม่สิ้นสุด อำนาจในการห้ามมิให้มีการชุมนุมและอำนาจในการกักกันบริเวณ สิ่งเหล่านี้อาจกลายเป็นฝันที่เป็นจริง หากประชาชนไม่สามารถต้านทานพลังทหารและพวกเชลียร์ทหารได้ในอนาคตอันใกล้ ใครก็ตามหากถูกทหารจับไปซ้อมสักอาทิตย์สองอาทิตย์ก็อาจสามารถพูดอะไรก็ตามที่ทหารอยากให้ "สารภาพ" ก็ได้ ซึ่งไม่น่าเป็นเรื่องแปลกและคาดไม่ถึง และคงจะเกิดขึ้นหาก พ.ร.บ. นี้ประกาศใช้

 

กลุ่มผู้ที่สนับสนุนร่าง พ.ร.บ. นี้กล่าวว่า ประเทศอย่างมาเลเซียและสิงคโปร์ก็มีกฎหมายอย่างว่า (แต่อำนาจอยู่กับนายกฯ ในกรณีสองประเทศที่ว่า) แถมประเทศทั้งสองก็ดูจะ "สงบเรียบร้อย" ดี

 

ใช่ครับ "สงบเรียบร้อย" แต่ต้องถามว่าสงบเรียบร้อยแบบไหน เพราะอะไร และราคาต้นทุนใครเป็นผู้เสีย ในสองประเทศนี้ความสงบสุขและมีระเบียบเกิดขึ้นบนพื้นฐานของการกดขี่ ละเมิดสิทธิทางการเมืองของราษฎรอย่างกว้างขวางและต่อเนื่อง นิตยสาร Aliran ซึ่งเป็นวารสารรายเดือนทางการเมืองโดยกลุ่มเอ็นจีโอฝ่ายประชาธิปไตย (ต้องบอกว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตยเพราะเดี๋ยวนี้ เอ็นจีโอบางส่วนในเมืองไทยดูเหมือนไม่ได้อยู่ฝ่ายประชาธิปไตยอีกต่อไปแล้ว ถึงแม้ชื่อองค์กรยังมีคำว่า ประชาธิปไตย พ่วงท้ายอยู่) ได้เขียนเมื่อเร็วๆ นี้ว่า พ.ร.บ. ความมั่นคงของมาเลเซียนั้น "ถูกใช้เพื่อคุกคาม" ประชาชนในประเทศตนเอง

 

"มีคนประมาณ 80 คนที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นสมาชิกหรือพัวพันกับกลุ่มอิสลามหัวรุนแรงยังถูกคุมขังอยู่ใน ณ ปลายปี [49] และอย่างน้อย มีคำสั่งขังต่ออีก 20 กรณี โดยที่ไม่มีการแจ้งสาเหตุให้สาธารณะทราบ ในเดือน พ.ค. ประชาชนอีก 11 คนถูกจับคุมขังภายใต้ พ.ร.บ. นี้ ... ในเดือนตุลาคม [ปีที่แล้ว] ผู้ต้องหาว่าเป็นสมาชิกของเจมาห์ อิสลามิยาห์และกลุ่มหัวรุนแรงจำนวน 17 คนได้รับการปล่อยตัว แต่พวกเขายังถูกควบคุมจำกัดสิทธิในการเคลื่อนไหว"

 

เพื่อให้แน่ใจว่ามาเลเซียมีเจ้าหน้าที่มาดูแลเรื่องนี้อย่างพอเพียง รัฐบาลประเทศดังกล่าวจึงได้ใช้งบประมาณจากภาษีประชาชนตั้งกระทรวงความมั่นคงภายในขึ้น (Ministry of Internal Security)

 

หากคุณถามชาวมาเลเซียที่สนใจเรื่องการเมืองและประชาธิปไตยว่า แล้วสถานการณ์ในสิงคโปร์เป็นอย่างไร ก็คงจะได้คำตอบว่าสถานการณ์ในประเทศนั้นแย่ยิ่งกว่ามาเลเซียเสียอีก ผู้คนมักรู้จักสิงคโปร์ในฐานะประเทศที่มีคอร์รัปชั่นน้อยที่สุดประเทศหนึ่ง แต่ว่ากันตามจริงแล้ว อำนาจที่แทบจะไม่สามารถถูกตรวจสอบคานคัดได้กลับกระจุกอยู่ในมือผู้นำทางการเมืองเพียงไม่กี่คน จึงน่าจะตั้งคำถามได้ว่าจริงๆ แล้วสังคมเช่นนี้เป็นสังคมที่ไม่มีคอร์รัปชั่นจริงหรือ โดยเฉพาะเมื่อตีความให้กว้างว่า คอร์รัปชั่นนั้นรวมถึงการใช้อำนาจอย่างไม่ชอบธรรม

 

กลับมามองดูเมืองไทย เมื่อผนวกเอาเรื่อง พ.ร.บ. นี้เข้ามารวมกับการที่พลกเอกสนธิ บุญยรัตกลิน แสดงท่าแบไต๋อยากลงสมัครรับเลือกตั้ง และการจับกุมแอคทิวิสต์ต่อต้านรัฐธรรมนูญฉบับทหารอย่างนายสมบัติ บุญงามอนงค์เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว และการจับกุมครั้งล่าสุดของสองกรรมกรสมาชิกกลุ่มสมัชชาผู้ใช้แรงงาน 1550 ก็ไม่น่าสงสัยว่า หาก พ.ร.บ. นี้ผ่านจะเกิดอะไรขึ้นกับประชาชนไทยผู้บริสุทธิ์อีกจำนวนมาก

 

อำนาจที่มิสามารถตรวจสอบได้และไม่มีการคานคัดภายใต้ พ.ร.บ. นี้ย่อมเป็นการสร้างความ "ชอบธรรม" และ "ถูกต้องตามกฎหมาย" ต่อการละเมิดสิทธิของราษฎรโดยทหาร และถึงแม้ว่ามันอาจจะสายเกินที กระทั่งบรรดาพันธมิตรฯ และเอ็นจีโอที่เคยสนับสนุนเผด็จการทหาร คมช. มายาวนาน ก็ยังต้องถึงขนาดออกมาวิพากษ์วิจารณ์เมื่อไม่นานมานี้

 

พลเอกสนธิได้อ้างไว้หลังก่อรัฐประหารปีที่แล้วว่า เขาทำเพื่อช่วยสถาปนาประชาธิปไตยให้กับประเทศอีกครั้ง มาวันนี้หลังการขึ้นงบทหารไปกว่า 20% และเหตุการณ์อะไรอีกหลายอย่างย่อมชี้ให้เห็นแล้วว่าสิ่งที่กำลังถูกสถาปนาขึ้นมาใหม่นั้นไม่น่าจะเป็นระบอบประชาธิปไตย

 

หากมองในแง่ดีแล้ว พอ พ.ร.บ. นี้ผ่านเมื่อไหร่ ประชาชนไทยก็จะได้เรียนรู้กันอีกครั้งว่า ประชาธิปไตยไม่สามารถเกิดขึ้นได้จากการหยิบยื่นให้โดยคนหยิบมือเดียว (ที่ติดอาวุธและใส่ยูนิฟอร์ม) หากต้องสู้มาให้ได้โดยน้ำมือของพวกเขา พวกเขาอาจต้องสู้กับกฎหมายที่ไร้ความชอบธรรม อาจถูกจองจำ หรือแม้แต่เสียเลือด แต่ก็ดูเหมือนว่าความเป็นไปได้ที่เหตุการณ์เหล่านี้จะเกิดขึ้นกำลังมีสูงขึ้นทุกที

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท