Skip to main content
sharethis





การเมือง


 


ประชุม คมช.ซัดม็อบ นปก. รับจ้างหัวละ 1,000-3,000 บาท ทักษิณกลับไทยให้ลงอู่ตะเภา


กรุงเทพธุรกิจ - พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก และประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ได้เป็นประธานการประชุม คมช. บ่ายวานนี้ (25 มิ.ย.) โดยมี พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส รักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รักษการผบ.ตร.) ขณะที่พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผบ.ตร. ที่ติดภารกิจไม่เข้าร่วมประชุม


 


พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก คมช.แถลงว่า ในเรื่องการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) ที่ประชุมไม่ได้ให้ความสำคัญมากนัก แต่มีการพูดถึงกรณีที่แหล่งข่าวจากหลายสายให้ข้อมูลตรงกันว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงมีข้อมูลว่า การเคลื่อนขบวนจากสนามหลวงมาชุมนุมที่บริเวณหน้ากองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) มีอัตราการว่าจ้างสูง โดยแบ่งเป็นผู้ร่วมชุมนุม 1,000 บาท ขณะที่ผู้ร่วมชุมนุมและเคลื่อนขบวนมาที่หน้ากองบัญชาการกองทัพบกจะได้ 1,500 บาท และกลุ่มที่เป็นด่านหน้าและส่วนรักษาความปลอดภัยในการเคลื่อนขบวนจะได้คนละ 2,500-3,000 บาท


 


อย่างไรก็ตาม พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ชี้แจงว่า ขณะนี้ตำรวจได้รวบรวมภาพถ่ายของการเบิกจ่ายเงินบ้างแล้ว ซึ่งได้มีการตรวจสอบในรายละเอียดว่า คนมารับเงินและมาร่วมชุมนุมได้ปฏิบัติตามกลุ่มที่เป็นแกนนำในการร้องขอเพื่อขับไล่ คมช. หรือมีความคิดเห็นพูดจาหมิ่นประมาท ไม่ว่าจะเป็นบุคคลต่างๆ เช่น รัฐบาล และคมช. ถือว่าเป็นความผิดทางอาญา รับเงินแล้วมีหลักฐานชัดเจนว่ารับเงินมาร่วมชุมนุมถือเป็นความผิดทางอาญา เพราะพยายามที่จะล้มล้างรัฐบาล


 



"พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ไม่ได้พูดในรายละเอียดเรื่องการรับเงิน คงไม่ได้เป็นความผิดถ้าเป็นการให้ด้วยความเสน่หา แต่หากตรวจพบว่า ผู้ที่รับเงินไปร่วมชุมนุมและมีส่วนปฏิบัติตามข้อเรียกร้องของแกนนำให้มาขับไล่ คมช. ถือเป็นความผิดทางอาญา อย่างไรก็ตาม พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ได้บอกว่าภาพหลักฐานมีจำนวนหนึ่ง ไม่สามารถไปถ่ายได้ทุกคน"


 



สำหรับการเก็บรวบรวมข้อมูล เพื่อส่งให้ผู้ที่ถูกกล่าวพาดพิงจากการโจมตีของ นปก.นั้น พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถรวบรวมพยานหลักฐานไว้ได้ทั้งหมด โดยในส่วนของประธาน คมช. และ พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ผู้ช่วยเลขาธิการ คมช. ที่ถูกโจมตีพาดพิงด้วยถ้อยคำที่หยาบคายรุนแรงนั้น จะดำเนินการฟ้องร้องในข้อหาหมิ่นประมาทอย่างแน่นอน ทั้งในส่วนบุคคลและในส่วนของการละเมิดเจ้าพนักงาน โดยมอบหมายให้ศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ คมช. ดำเนินการในเรื่องนี้


 



ส่วนกรณี พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ถูกกล่าวโจมตีพาดพิงเช่นกันนั้น โฆษก คมช. กล่าวว่า ที่ผ่านมา พล.อ.เปรม ได้บอกไว้แล้วว่า จะไม่ดำเนินการใด ๆ เพราะไม่ต้องการให้เกิดความขัดแย้ง แต่ในส่วนของ คมช. ยืนยันว่า จะต้องดำเนินการตามกฎหมายอย่างแน่นอน


 



รายงานแจ้งว่า คมช.ได้มีการวิเคราะห์กรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อาจจะเดินทางกลับประเทศไทยในเดือนธันวาคมว่า อาจไม่เป็นไปตามนั้น และอาจจะต้องกลับมาในเร็วๆ นี้ เพื่อเข้าสู่ขั้นตอนการชี้แจงต่อศาล และเพื่อความเรียบร้อยและง่ายต่อมาตรการรักษาความปลอดภัย ที่อาจจะมีการเกณฑ์คนไปรับจำนวนมาก อาจจะต้องจัดพื้นที่รองรับเมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ  เดินทางกลับถึงประเทศไทย ซึ่งอาจจะเป็นสนามบินอู่ตะเภา จ.ระยอง  โดยจะมีการจัดเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกในการเดินทางด้วย


 



"หากใช้สนามบินสุวรรณภูมิ ก็อาจจะมีปัญหาเรื่องความไม่สะดวกและการดูแลรักษาความปลอดภัย เพราะตรงนั้นเป็นสนามบินพาณิชย์ อาจจะเกิดความไม่เป็นระเบียบขึ้นได้"


 



ม็อบไล่ "เปรม" ยื่นขีดเส้นลาออกใน 7 วัน ป๋ายึดหลักตอบแทนคุณแผ่นดินไม่ตอบโต้


กรุงเทพธุรกิจ - นายวิภูแถลง พัฒนภูไท แกนนำกลุ่มคนวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการ พร้อมสมาชิกรวม 10 คน เดินทางมายังบ้านพักสี่เสาเทเวศร์ เพื่อยื่นจดหมายเปิดผนึก 4 หน้า และสมุดปกม่วง เพื่อเรียกร้องให้ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ลาออกจากตำแหน่งประธานองคมนตรี โดยมี พล.ร.ท.พะจุณณ์ ตามประทีป หัวหน้าสำนักงานประธานองคมนตรี เป็นผู้แทนมารับมอบ


 


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่แกนนำกลุ่มวันเสาร์ มายื่นหนังสือนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจากสถานีตำรวจสามเสนได้นำแผงกั้นถนนมาวางไว้รอบบริเวณบ้านพักสี่เสาเทเวศร์ เรื่อยไปจนถึงสี่แยกสี่เสาและสี่แยกกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (พล.1 รอ.) โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจประมาณ 150 คน และกำลังทหารจาก พล.1 รอ. เป็นผู้ดูแลความเรียบร้อย


 


ทำให้นายวิภูแถลง เกิดความไม่พอใจจึงขอต่อรองกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อเข้าไปยื่นหนังสือต่อ พล.อ.เปรม ในลักษณะเดียวกับกลุ่มอื่นที่มายื่นหนังสือร้องเรียน หลังจากนั้นนายสุชาติ นาคบางไทร หนึ่งในแกนนำกลุ่ม สามารถหลุดแผงกั้นเข้าไปยื่นหนังสือถึงบริเวณหน้าประตูบ้านสี่เสาเทเวศร์ และเรียกร้องให้ พล.อ.เปรม ออกมารับหนังสือด้วยตนเอง และหากไม่ออกมาก็จะนั่งอยู่บริเวณนั้น


 


ทั้งนี้นายสุชาติ กล่าวประณาม พล.อ.เปรม ด้วยถ้อยคำที่รุนแรงตลอดเวลา และไม่ยอมออกจากบริเวณดังกล่าว จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเชิญ นายวิภูแถลง มาเชิญตัวกลับไป ภายหลังที่ พล.ร.ท.พะจุณณ์ รับหนังสือแล้ว


 


นายวิภูแถลง กล่าวว่า ภายใน 7 วันหาก พล.อ.เปรม ไม่ลาออกจากตำแหน่งจะทำหนังสือถวายฎีกา เพื่อปลด พล.อ.เปรม ซึ่งขณะนี้มีการล่ารายชื่อได้เกือบ 1 แสนคนแล้ว


 


ด้าน พล.ร.ท.พะจุณณ์ กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มคนคนวันเสาร์ ตะโกนด่าทอ พล.อ.เปรม ว่า เราไม่สามารถทำอะไรได้ ไม่เป็นไรหรอก ม็อบสนามหลวงก็อย่างนี้แหล่ะ ช่างมันเถอะ ไม่เป็นไร ทั้งนี้ ตนฟังข้อเรียกร้องของกลุ่มที่มายื่นหนังสือมาหลายวันแล้ว ไม่ต้องพูดแล้ว เพราะเข้าใจแล้วมาทำให้บ้านเมืองสงบดีกว่า ส่วนการมายื่นหนังสือเป็นสิทธิไม่มีอะไร ก็ว่ากันไป ทั้งนี้ พล.อ.เปรม ก็บอกว่าไม่เป็นไร


 



ผู้สื่อข่าวซักว่า พล.อ.เปรม ได้บ่นเรื่องนี้อย่างไร พล.ร.ท.พะจุณณ์ กล่าวว่า พล.อ.เปรม บ่นแค่ว่าบ้านเมืองไม่สงบ ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนี้ ไม่ได้มีอะไร เพราะคนเหล่านี้มายื่นหนังสือหน้าบ้านป๋าหลายครั้งแล้ว เมื่อถามว่า พล.อ.เปรม เคยบ่นน้อยใจว่าจะลาออกหรือไม่ พล.ร.ท.พะจุณณ์ กล่าวว่า  เป็นธรรมชาติของท่านในสิ่งที่ดี หากมองภาพคือท่านอยู่ตรงกลางระหว่างทุกสิ่ง เขาเลยต้องทำอย่างนี้ ท่านมีหน้าที่ต้องอดทน และท่านเป็นเจ้าของสโลแกนเกิดมาต้องตอบแทนคุณแผ่นดิน ขณะนี้กำลังตอบแทนคุณแผ่นดินอยู่


 


เลขาฯ ครป.ชี้การเจรจาร่วม 3 ฝ่าย เป็นแนวคิดที่ดี แต่ทำได้ยาก


ผู้จัดการออนไลน์ - นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) กล่าวถึงแนวทางการเจรจา 3 ฝ่าย ระหว่างรัฐบาล คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) และแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) ว่า เป็นแนวคิดที่ดีในการแก้ปัญหาความขัดแย้ง แต่คงเป็นเรื่องยาก เพราะไม่รู้จะตั้งกรอบประเด็นในการหารือกันอย่างไร และที่สำคัญใครจะเป็นตัวแทน หรือผู้มีอำนาจตัดสินใจเด็ดขาดในนาม นปก. เพราะอำนาจตัดสินใจสูงสุดน่าจะอยู่ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งไม่แน่ใจว่าต้องถึงขั้นนำตัว พ.ต.ท.ทักษิณ มานั่งบนโต๊ะเจรจาด้วยหรือไม่ ทั้งนี้ แนวคิดนี้ ทั้งรัฐบาล และ คมช. ต้องระมัดระวัง เพราะการชุมนุมของ นปก.วาระสำคัญ คือการฟอกผิดให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ดังนั้น หากกำหนดกรอบเจรจาไม่ชัดเจน จะทำให้ประชาชนสับสน และขาดความมั่นใจ จนแยกแยะถูกผิดไม่ออก จนอาจทำให้กระแสพลิกกลับไปอีกทางได้


 


ส่วนแนวคิดรัฐบาลแห่งชาติของนายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ โดยผสมสูตรอดีตพรรคฝ่ายค้าน ผสมกับอำนาจเก่าบางส่วนนั้น นายสุริยะใส กล่าวว่า ตรงนี้อาจจะสมานฉันท์ในหมู่นักการเมือง และพรรคการเมืองได้ แต่คงยากที่จะสมานฉันท์ทางสังคม เพราะความขัดแย้งในขณะนี้ มีประชาชนกลุ่มหนึ่งถูกปลุกปั่นให้เชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นเทวดา รวย และไม่งก ทำมาหากินโดยสุจริต ฉะนั้น คนกลุ่มนี้จะยังสร้างกระแสต่อต้านคำพิพากษาต่อไป เพื่อปกป้องความผิดของผู้เป็นนาย ขณะที่ประชาชนอีกกลุ่มหนึ่งยืนยันว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มีความผิด ต้องได้รับโทษ ซึ่งความขัดแย้งแตกแยกทางความคิดแบบนี้ จะสมานฉันท์ได้ก็ด้วยคำพิพากษาของศาลเท่านั้น จะเอาความสมานฉันท์ในหมู่นักการเมือง มาแก้ปัญหาพฤติกรรมความถูกผิด หรือลบล้างคดีความผิดของคนใดคนหนึ่งคงไม่ได้


 


คมช. เชื่อ นางสดศรี สัตยธรรม ไม่ได้มีเจตนาตีรวนรัฐบาล


สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์ - พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ หรือ คมช. กล่าวถึงกรณีนางสดศรี สัตยธรรม กรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. และกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ หรือ ส.ส.ร.ประกาศที่จะลาออกจากการดำรงตำแหน่งกกต.ก่อนออกมายืนยันว่า จะยังไม่ลาออก ว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นยังไม่ชัดเจนซึ่งอาจเป็นเพียงการแสดงความเห็น


 


โดย พ.อ.สรรเสริญกล่าวว่ายังเชื่อมั่น ในตัวนางสดศรีที่ทำงานเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ ดังนั้นจึงเชื่อว่า การประกาศดังกล่าวไม่ใช่การป่วน หรือ ตีรวนแต่อย่างใด


 


รัฐบาลลงพื้นที่ให้ข้อมูลประชาชนทำประชามติ


สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์ - นายวิทยากร เชียงกูล ประธานคณะกรรมการอำนวยการการมีส่วนร่วมของประชาชนในรัฐธรรมนูญฉบับถาวร และคณะร่วมกันแถลงข่าวแนวทางการดำเนินการลงพื้นที่เพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับการทำประชามติแก่ประชาชนในทุกพื้นที่ โดยภาคเหนือที่จังหวัดพิษณุโลก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่จังหวัดสุรินทร์ ภาคใต้ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี และภาคกลาง ที่จังหวัดชลบุรี ซึ่งการลงพื้นที่จะเป็นการรณรงค์พร้อมแจกเอกสารอธิบายเนื้อหาในร่างรัฐธรรมนูญอย่างง่ายแจกให้กับประชาชนด้วย เนื่องจากขณะนี้มีประชาชนส่วนมากยังไม่ทราบข้อมูลข่าวสารเพียงพอ และกรณีกลุ่มคนทั้งกลุ่มการเมือง นักวิชาการและองค์กรพุทธรณรงค์ให้คว่ำร่างรัฐธรรมนูญ โดยไม่ได้พิจารณาข้อดีข้อเสียของรัฐธรรมนูญอย่างเพียงพอ


 


สำหรับปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างการร่างรัฐธรรมนูญ เชื่อว่าเป็นเพียงส่วนหนึ่งแต่สิ่งที่สำคัญคือต้องให้ประชาชนมีข้อมูล จึงขอให้สื่อมวลชนช่วยนำเสนอข้อมูลให้ไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อป้องกันความสับสนที่จะเกิดขึ้น


 






ผู้จัดการออนไลน์ Section "การเมือง"


วานนี้ ผู้จัดการออนไลน์ รายงานข่าว "ยามฯ"ติง ส.ส.ร.ปล่อยกลุ่มต้าน รธน.เอาเท้าลูบหน้า และ ยามเฝ้าแผ่นดิน : อัด"ขิงแก่"ตั้งธงวันเลือกตั้ง ส.ส.ร.พลาดท่าฝ่ายคว่ำรธน. มีเนื้อหาจากออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม เอเอสทีวี วันที่ 25 มิ.ย. นายคำนูณ สิทธิสมาน สมาชิสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ นักวิชาการอิสระ และนางสโรชา พรอุดมศักดิ์ ร่วมดำเนินรายการ


 


โดยได้กล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มผู้สนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งล่าสุดได้ไปยื่นหนังสือเปิดผนึกถึง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ให้พิจารณากราบบังคมทูลลาออกจากตำแหน่งองคมนตรี และประธานองคมนตรี ว่า สุดท้ายการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเหล่านี้ก็ไม่มีอะไรใหม่ พยายามเรียกร้องอะไรต่อมิอะไรไปเรื่อย


      


ในช่วงสองของรายการ ผู้ดำเนินรายการ สนทนาถึงกรณีที่หนังสือพิมพ์มติชนลงโฆษณาของใยสนับสนุนและต่อต้านร่างรัฐธรรมนูญ 2550 ในฉบับเดียวกันว่า ในหน้า 5 ของหนังสือพิมพ์มติชนฉบับวันที่ 25 มิ.ย. ส.ส.ร.ได้ลงโฆษณาประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้ประชาชลงมติรับร่างรัฐธรรมนูญ ขณะเดียวกันฝ่ายต่อต้านการทำรัฐประหาร ก็ลงโฆษณาเชิญชวนให้ประชาชนไม่รับร่างรัฐธรรมนูญฉบับเดียวกัน โดยนำเอาเหตุผลของ ศ.ดร.นิธิ เอียวศรีวงศ์ มาลงตีพิมพ์


 


นายคำนูณ สิทธิสมาน สนช. กล่าวว่าค่าโฆษณาเต็มหน้าขาวดำในหนังสือพิมพ์มติชนนั้น ตกวันละ 240,000 บาท โดยยังไม่รวมเอกสารคู่มือ และสติ๊กเกอร์ แสดงว่าเขาทำงานกันเป็นระบบ ทำเป็นกระบวน รูปแบบน่าสนใจกว่าโฆษณาของ ส.ส.ร.


 


"แต่พอลองดูทางฝ่ายภาครัฐ ก็อยากให้เห็นว่าสิ่งที่ทำโฆษณาออกมาว่าของ ส.ส.ร.ถ้าเปรียบเทียบกันแล้วผมว่าความคิดสร้างสรรค์มันสู้กันไม่ได้ เราตกลงว่าเราจะขายแค่เลือกตั้งเท่านั้นนะ" นายคำนูณกล่าว


 


โดยนายคำนูณเชื่อว่า ค่าใช้จ่ายพิมพ์เอกสารและจ้างโฆษณาในหนังสือพิมพ์มติชน "ส่วนหนึ่งที่มาจากเครือข่ายคุณทักษิณ ชินวัตร"


 


เนื้อหาที่นำเสนอ นายคำนูณกล่าวว่า ฝ่ายค้านรัฐประหารทำได้น่าสนใจกว่าฝ่าย ส.ส.ร. เพราะมีการใช้สัญลักษณ์ที่สื่อให้เห็นชัดว่าทหารเข้ามาครอบงำรัฐธรรมนูญและเหยียบประชาชน และมีคำอธิบายเหตุผลของการไมรับร่างฯ ว่า เพื่อเป็นสัญลักษณ์การต่อต้านการรัฐประหาร และเอารัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 มาใช้ ขณะที่โฆษณาของ ส.ส.ร.ที่ทำออกมานั้น มีแค่บอกว่าให้รับเพื่อไปสู่การเลือกตั้งเท่านั้น ซึ่งไม่ได้มีความหมายอะไรเลยเพราะการเลือกตั้งถึงอย่างไรก็ต้องมี แม้ว่าร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่าน แต่ คมช.ก็ไปเลือกเอารัฐธรรมนูญฉบับเก่ามาใช้ได้ แล้วอย่างนี้จะยึดอำนาจไปทำไม


 


นายคำนูณ วิเคราะห์ต่อว่า สิ่งที่มองไม่เห็นในขณะนี้คือ รัฐบาลกำลังทำอะไร เพราะ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ออกมาระบุเรื่องวันเลือกตั้งกลับไปกลับมา อีกทั้งยังไปพูดคุยกับ ส.ส.ร. โดยไปกำหนดว่าวันที่ 19 ส.ค. จะเป็นวันลงประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่นั้น ปรากฏว่าจนถึงเวลานี้ ยังไม่เห็นร่างกฎหมายว่าด้วยการลงประชามติออกมาเลย ซึ่งพอตรวจสอบไปก็พบว่าเรื่องจ่อคิวที่จะเข้าวิป สนช.สัปดาห์หน้า สรุปแล้วอย่างเร็วถ้าได้พิจารณาใน สนช.วันที่ 9 ก.ค. ถามว่าแล้วจะผ่าน 3 วาระรวดเลยหรือไม่ เพราะปกติแล้วต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1 เดือน ซึ่งคิดว่าไม่น่าที่จะทันวันที่รัฐบาลกำหนด


 


นายคำนูณยังมองการตีพิมพ์โฆษณาคว่ำรัฐธรรมนูญว่าปล่อยให้ฝ่ายตรงข้ามมาทำอย่างนี้ เหมือนถูกเขาเอาเท้ามาลูบหน้า


 


"ผมเห็นตอนแรก แผนปฏิรูปการเมืองของรัฐบาล มีคณะกรรมการประชาสัมพันธ์หลายต่อหลายชุด แล้วผมก็เชื่อว่ามีงบประมาณกันพอสมควร จนบัดนี้ได้ทำอะไรไปบ้าง มีแนวทางอะไรออกไปบ้าง ปล่อยให้ฝ่ายตรงข้ามเขาทำออกมาอย่างนี้ มันเหมือนกับว่าเขาเอาเท้ามาลูบหน้า อันนี้เป็นเรื่องที่บางครั้งเราก็เจ็บปวด"


 


ทั้งๆ ที่ในข้อเท็จจริงแล้วคณะรัฐประหารชุดนี้ ไม่ได้ใช้อำนาจเผด็จการเลย ใช้เพียงวันเดียวคือวันที่ 19 ก.ย.เท่านั้น


 


คำนูณยังให้ความเห็นอีกว่า ต่อว่า ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่นี้ มีรากฐานมาจากรัฐธรรมนูญปี 2540 ซึ่งธงของกลุ่มต่อต้านรัฐประหารคือ เขาต้องการที่จะใช้รัฐธรรมนูญ ปี 2540 ไปก่อน แล้วเลือกตั้ง จากนั้นจึงกลับไปแก้รัฐธรรมนูญ ซึ่งเรายอมรับว่า พวกเราเองก็ไม่ชอบการทำรัฐประหาร แต่เมื่อเกิดรัฐประหารแล้ว ก็ต้องถือว่าคณะรัฐประหารคือ รัฐาธิปัตย์ ซึ่งสามารถออกกฎหมายต่างๆ และทำอะไรหลายๆ อย่างตามที่เขาต้องการได้ ซึ่งในอดีตเป็นมาอย่างนี้


 


ผู้ดำเนินรายการ กล่าวว่า การกำหนดวันเลือกตั้งล่วงหน้า แล้วรัฐบาลไม่สามารถทำให้มีรัฐธรรมนูญฉบับล่าสุดออกมา จะเลือกตั้งได้อย่างไร การตั้งธงอย่างนี้ถือว่าล้มเหลว โดยครั้งนี้ดูเหมือนจะต้องเป็นฝ่ายตั้งรับอีกแล้ว เพราะถ้าร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ไม่ผ่าน ก็จะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นอย่างแน่นอน คืออาจจะมีการหยิบเอารัฐธรรมนูญ ปี 2540 ขึ้นมาปัดฝุ่น เพื่อให้มีการเลือกตั้ง ซึ่งเชื่อว่าฝ่ายต่อต้านเขาต้องการอย่างนั้น และถ้าจะเปรียบว่าประชาธิปไตยคือการเลือกตั้งก็ต้องจบ เพราะเราต้องดูอะไรอีกพอสมควร


 


สโรชา พรอุดมศักดิ์ ถามว่า สหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนนท.) ที่มีชื่ออยู่ในเอกสารรณรงค์คว่ำรัฐธรรมนูญด้วย ตอนนี้จุดยืนเป็นอย่างไร


 


นายคำนูณตอบว่า "จุดยืนเขาคือไม่เอารัฐประหาร เขาต่อต้านเผด็จการทหาร โดยความเคารพน้องๆ ที่พูดมาก็ถูก แต่น้องพูดครึ่งเดียว ทำไมไม่พูดบ้างว่าก่อนจะมีเผด็จการทหารนั้น เผด็จการรัฐสภาหรือเผด็จการของกลุ่มทุน มันเกิดขึ้นจริงหรือเปล่า และมันอันตรายต่อชาติบ้านเมืองหรือเปล่า และเผด็จการทหารที่เขาเกิดขึ้นมา เขาพยายามใช้วิธีการประชาธิปไตยแค่ไหนอย่างไร น้องพูดถึงสิ่งเหล่านี้ด้วย เพราะฉะนั้นการพูดอะไร พูดความจริงครึ่งเดียว พูดความจริงเสี้ยวเดียว ซึ่งอันตรายกว่าการโกหกทั้งหมดอีก"


 


โดยก่อนหน้านี้ สนนท. ชุดกรรมการบริหารปี 2548 มีมติออกมาขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ร่วมกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พปป.) ก่อนที่จะถอนตัวออกไปในเวลาต่อมา ภายหลังจากที่ พปป. ประกาศใช้ มาตรา 7 ขอนายกรัฐมนตรีพระราชทาน


 






ความมั่นคง


 


เลขาฯมุสลิมโลกรับช่วยเจรจาดับไฟใต้


กรุงเทพธุรกิจ - วานนี้ (25 มิ.ย.) นายอารีย์ วงค์อารยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวหลังจากที่ศ. ดร.อับดุลลอ ฮ.บิน มุห ชินอัตตุรกี (H.E. Dr. Abdullah Bin Abdul Mohsin Al-Turki) เลขาธิการสันนิบาตมุสลิมโลกเข้าพบพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ว่า เลขาธิการสันนิบาตโลกพร้อมให้ความช่วยเหลือทั้งด้านวิชาการ หรือในกรณีที่มีปัญหาข้อขัดแย้ง โดยวันนี้ (26 มิ.ย.) ทางเลขาธิการสันนิบาตมุสลิมโลกจะเดินทางไป สามจังหวัดชายแดนภาคใต้เพื่อพบกับผู้นำศาสนาในพื้นที่ด้วย


 


ส่วนขอความช่วยเหลือจากเลขาธิการสันนิบาตมุสลิมโลกนั้น นายอารีย์ กล่าวว่า ปัญหาเรื่องความขัดแย้งยังไม่ทราบว่าแกนนำจะมีส่วนหรือไม่ แต่ก็มีการหารือในส่วนนี้ด้วย อย่างไรก็ตาม การพบกับระหว่างสันนิบาตมุสลิมโลกกับทางโอไอซีมีความแตกต่างกัน เพราะโอไอซีจะมาศึกษาปัญหาด้วยตนเอง แต่ในส่วนสันนิบาตมุสลิมโลกจะเป็นเรื่องของการช่วยเหลือด้านศาสนา การทำความเข้าใจ การสงเคราะห์ ทั้งการศึกษา และข้อขัดแย้งการเจรจา


 


"เลขาธิการสันนิบาตมุสลิมโลก บอกว่าศาสนาไม่ใช่เรื่องของการสุดโต่ง ไปเชื่ออะไรก็ไม่รู้ เขามีความรู้ด้านศาสนาจึงทราบดีว่าอะไรคืออะไร อะไรที่เกินไป หรือไม่ถูกต้องเขาก็จะมาพูด เพื่อให้ประชาชนเห็นว่าไม่ใช่เป็นสิ่งที่ถูกต้อง โดยเลขาธิการฯจะไปพูดกับผู้นำศาสนาในพื้นที่สามจังหวัด และหลังจากนั้นจะมีแถลงการณ์ให้ประชาชนได้รับทราบ" นายอารีย์ กล่าว


 


ยุวมุสลิมร้องเจ้าหน้าที่ปูพรมค้นกระทบชาวบ้านประกอบอาชีพไม่ได้


กรุงเทพธุรกิจ - วานนี้ (25 มิ.ย.50) นายอับดุลอาซิซ ตาเดร์อิน อุปนายกหัวหน้าฝ่ายสิทธิมนุษยชน สมาคมยุวมุสลิมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ขณะนี้ได้มีกลุ่มชาวบ้านจากพื้นที่ ต.บาเจาะ และ ต.ตาเนาะปูเต๊ะ อ.บันนังสตา มาร้องเรียนกับสมาคมยุวมุสลิมฯ หลังจากกองทัพภาคที่ 4 ร่วมสนธิกำลังแก้ปัญหาในเชิงรุก ด้วยการปิดล้อมตรวจค้นหมู่บ้านเป้าหมายในพื้นที่ อ.บันนังสตา จ.ยะลา รวมทั้งเขตรอยต่อในพื้นที่ดังกล่าว ทำให้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อน ไม่สามารถออกไปประกอบอาชีพนอกพื้นที่ได้เนื่องจากความเข้มงวดในแผนยุทธการของกองกำลัง โดยชาวบ้านต้องการให้ทหารยุติการปิดล้อมตรวจค้นโดยด่วน จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ได้ประเมินสถานการณ์ส่วนนี้ด้วย เพราะไม่เช่นนั้นจะส่งผลกระทบต่อชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ และทำให้เกิดรอยร้าวระหว่างรัฐกับชาวบ้านมากขึ้น


 






เศรษฐกิจ


 


"บางจาก"ชี้ยอดขายแก๊สโซฮอล์พลาดเป้าต่ำกว่า8ล้านลิตร/วัน


กรุงเทพธุรกิจ - ดร.อนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทบางจากปิโตรเลียมจำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ยอดจำหน่ายแก๊สโซฮอล์ขยายตัวค่อนข้างต่ำ เฉลี่ยอยู่ที่ 3.8 ล้านลิตรต่อวัน ซึ่งคาดว่าในสิ้นปีนี้ยอดขายจะต่ำกว่า 8 ล้านลิตรต่อวัน ที่กระทรวงพลังงานตั้งเป้าไว้ สาเหตุที่ยอดขายแก๊สโซฮอล์ โดยเฉพาะแก๊สโซฮอล์ 95 ไม่เพิ่มขึ้น เนื่องจากผู้ใช้น้ำมันที่ใช้เบนซิน 95 เป็นลูกค้าฐานะดี จึงไม่สนใจส่วนต่างราคาที่รัฐกำหนดให้แก๊สโซฮอล์ 95 ต่ำกว่าเบนซิน 95 ที่ 3.30 บาทต่อลิตร และแก๊สโซฮอล์ 91 ต่ำกว่าเบนซิน 91 ที่ 2.80 บาทต่อลิตร เพราะสามารถรับภาระราคาน้ำมันสูงได้


 



"เป็นเรื่องยากที่ผู้ใช้รถยนต์กลุ่มนี้จะหันมาใช้แก๊สโซฮอล์ หากยังมีเบนซิน 95 อยู่ แม้จะเป็นรถที่สามารถใช้แก๊สโซฮอล์ได้ก็ตาม" ดร.อนุสรณ์ กล่าว


 



นอกจากนี้ จากการสำรวจตามสถานีบริการน้ำมันต่างๆ พบว่าพฤติกรรมผู้ใช้น้ำมันเปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจน โดยลูกค้าที่ใช้แก๊สโซฮอล์แล้วจะเติมน้ำมันที่สถานีบริการบางจากหรือปตท. แต่ลูกค้าที่ยังใช้เบนซินจะเลือกเติมน้ำมันที่สถานีบริการของต่างชาติ เพราะสถานีบริการดังกล่าวยังขายเบนซินเป็นหลัก และมีหัวจ่ายแก๊สโซฮอล์เพียง 1-2 หัวจ่ายเท่านั้น


 



สาเหตุที่สถานีบริการต่างชาติ ยังไม่ขายแก๊สโซฮอล์จริงจัง เพราะยังมีกลุ่มลูกค้าเบนซินอยู่มาก ประกอบกับค่าการตลาดระหว่างแก๊สโซฮอล์ กับเบนซิน ไม่ต่างกัน ขณะที่ผู้ค้าต้องลงทุนเรื่องแก๊สโซฮอล์มากกว่า ดังนั้น ควรขอความร่วมมือสถานีบริการน้ำมันที่ขายเบนซินให้หันมาขายแก๊สโซฮอล์มากขึ้นและลดปริมาณขายจริงจัง โดยจูงใจด้วยการปรับค่าการตลาดให้แก๊สโซฮอล์สูงกว่าเบนซิน


 


ดร.อนุสรณ์ ยังกล่าวถึงการให้โรงกลั่นน้ำมันลดมาตรฐานค่ากำมะถันในน้ำมันเตาเหลือ 0.7% ว่าเป็นเรื่องดีต่อสิ่งแวดล้อม แต่อาจจะทำได้ยากในทางปฏิบัติ เพราะโรงกลั่นต้องลงทุนติดตั้งหน่วยกำจัดกำมะถัน 7,000 -10,000 ล้านบาท และติดตั้งหน่วยอื่นๆ อีก เช่น หน่วยผลิตไฮโดรเจน หรือหากใช้วิธีนำเข้าน้ำมันดิบกำมะถันต่ำ เช่น แหล่งทาปิส ราคาสูงถึง 60-70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล


 


ทีโอที เตรียมฟ้อง กทช.


สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์ - บริษัททีโอที จำกัด (มหาชน) เตรียมฟ้องกทช.ออกประกาศค่าเชื่อมต่อโครงข่าย หรือไอซีผิดกฎหมาย ส่วนค่าแอคเซส ชาร์จ ให้กสท.โทรคมนาคม จ่ายหนี้ค้างแล้วไปฟ้องไล่เบี้ยกับดีแทคและทรูเอง


 


พันเอกนที  ศุกลรัตน์  กรรมการบริษัท ทีโอที  จำกัด(มหาชน) กล่าวชี้แจงถึงแนวทางการดำเนินงานกรณีปัญหาค่าเชื่อมโยงโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ หรือ เอซี ระหว่างบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน)  กับบริษัท กสท.โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) และบริษัทโทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค และบริษัททรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ที่ยืดเยื้อมานาน ทางคณะกรรมการร่วมทีโอทีและกสท.โทรคมนาคม ได้พิจารณาแล้วให้ บริษัท กสท. โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นคู่สัญญาโดยตรงกับ ดีแทค และทรู เป็นผู้จ่ายเงินให้ก่อน แล้วให้กสท.ไปฟ้องไล่เบี้ยกับทั้ง 2 รายเป็นเงินจำนวน 2 เท่าของที่กสท.จ่ายจริง แต่ในขณะนี้ยังไม่สามารถระบุจำนวนเงินได้  แต่ปีที่แล้วมีรายได้จากค่าแอคเซสชาร์จ 1 หมื่น 4 พัน 6 ร้อยล้านบาท ซึ่งข้อเท็จจริงแล้ว ค่าแอคแซสชาร์จ ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายประกอบกิจการโทรคมนาคม เอกชนต้องทำตามกฎหมาย และค่าแอสเซสชาร์จ ได้ระบุไว้ในสัญญาว่าเป็นค่าชดเชยรายได้จากการปรับระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่ให้เป็นระบบเดียวกัน จึงไม่ได้ซ้ำซ้อนกับค่าเชื่อมต่อโครงข่าย หรือ ไอซี ที่คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติประกาศออกมาแต่อย่างใด


 


อย่างไรก็ตามนายศาสตรา  โตอ่อน ที่ปรึกษากฎหมาย บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ทางทีโอที ได้ทำหนังสือโต้แย้งไปยัง กทช. โดยทีโอที ไม่ยอมรับ คำวินิจฉัยของกทช. ที่ให้ทำสัญญาค่าเชื่อมต่อโครงข่าย หรือ ไอซีกับผู้ให้บริการมือถือ และเตรียมฟ้องศาลปกครอง ให้ยกเลิกประกาศประกาศไอซีที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย  เพราะถือในสัญญาที่ระบุไว้ได้นิยามให้ค่าเอซีเป็นสัญญาที่ทำขึ้นระหว่างกันเป็นการชดเชยรายได้จากการปรับระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่ให้เป็นระบบเดียวกัน ซึ่งไม่มีความเกี่ยวข้องกับค่าเชื่อมต่อโครงข่ายหรือ อินเตอร์คอนเนคชั่น หรือ ไอซีแต่อย่างใด


 






คุณภาพชีวิต


 


ประกาศพื้นที่ไฟไหม้ตลาดโบ๊เบ๊ เป็นพื้นที่อันตราย


สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์ - ความคืบหน้าหลังเหตุเพลิงไหม้ตลาดโบ๊เบ๊ วอด 7 คูหาเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา ซึ่งเป็นพื้นที่ต่อเนื่องจากจุดที่เกิดเหตุครั้งที่แล้ว (29 ธันวาคม 2549) แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต และทางเขตได้ประกาศให้เป็นเขตเพลิงไหม้ ห้ามเข้าใช้อาคารและห้ามบุคคลไม่เกี่ยวข้องเข้าพื้นที่ตั้งแต่เมื่อคืนนี้ โดยเวลา 09.00 น. วันนี้ (26 มิ.ย.) นายสุรเกียรติ ลิ้มเจริญ ผู้อำนวยการเขตปทุมวันพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่โยธาเขต และกองพิสูจน์หลักฐานจะเข้าตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุ เพื่อสำรวจโครงสร้างอาคารว่ามีความมั่นคงแข็งแรงหรือไม่ และตรวจสอบการหาสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ ขณะเดียวกันทางเขตได้ตั้งเต็นท์ลงทะเบียนเพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน โดยเบื้องต้นยังไม่สามารถประเมินค่าความเสียหายได้


 


เตือนพายุเข้าอีก 2 ลูก ปชช.นอกแนวเขื่อนระวัง


ไทยโพสต์ - นางบรรณโศภิษฐ์ เมฆวิชัย รองผู้ว่าฯ กทม. กล่าวถึงสถานการณ์และการป้องกันน้ำท่วมในกรุงเทพฯ ว่า เนื่องจากปีนี้ฤดูฝนมาเร็วกว่าปกติตั้งแต่เดือน พ.ค.นี้และยาวไปถึงเดือน ต.ค.นี้ โดยปกติปริมาณน้ำฝนตลอดทั้งปีมีปริมาณที่ 1,500 มิลลิเมตรต่อปีขณะที่ในปี 2550 ตั้งแต่ต้นปี-ปัจจุบันมีปริมาณน้ำฝน 615 มิลลิเมตรต่อปี หรือตลอดทั้งปี 1,800 มิลลิเมตรต่อปี ซึ่งมีปริมาณมากกว่าช่วงเดียวกันถึง 30% ดังนั้นจึงมีการคาดการณ์ว่า ปริมาณน้ำจะมากกว่าปกติ ทั้งนี้ กทม. ได้คาดการณ์ว่าในช่วงต้นเดือน ต.ค.นี้ จะเกิดปรากฏการณ์ 3 น้ำ มาบรรจบกัน ได้แก่ น้ำเหนือไหลหลาก น้ำทะเลหนุน และน้ำฝน และจะส่งผลให้ระดับน้ำแม่น้ำเจ้าพระยาสูงถึง 2.27 เมตรต่อระดับน้ำทะเลปานกลาง และจะเอ่อล้นเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนนอกแนวเขื่อนระยะทางที่มีอยู่ทั้งสิ้นความยาว 18 ก.ม. (พื้นที่แนวเขื่อนสร้างเสร็จ 59 ก.ม. จากที่ต้องสร้างทั้งหมด 77 กม. ได้แก่ เขตดุสิต บางซื่อ บางกอกน้อย บางพลัด เป็นต้น นอกจากนี้ยังได้รับรายงานว่า ในช่วงฤดูฝนนี้จะมีพายุเข้าในพื้นที่กรุงเทพฯ อีก 2 ลูกด้วย


 


รองผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า กทม. ได้เตรียมรับมือ อาทิ การจัดเตรียมกระสอบทรายจำนวน 4 ล้านใบ สูงจากปีที่ผ่านมาที่มีจำนวน 3 ล้านใบ ขณะเดียวกันขณะนี้ได้ขุดลอกคลอง 102 คลองเปิดทางน้ำไหล จำนวน 1,171 คลองความยาว 1,626 ก.ม. การพร่องน้ำในคลอง และแก้มลิง 21 แห่งให้มีระดับต่ำซึ่งจะสามารถรองรับปริมาณน้ำได้ 12.75 ล้านลูกบาศก์เมตร พร้อมทั้งติดตั้งเครื่องสูบน้ำทั้งหมด 1,626 เครื่อง บริเวณจุด อ่อนน้ำท่วม สถานีสูบน้ำ ประตูระบายน้ำรวมกำลังสูง 1,937 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ขณะที่ในเดือน ต.ค.นี้ การก่อสร้างอุโมงค์ระบายน้ำบึงมักกะสันจะแล้วเสร็จ และสามารถควบคุมระดับน้ำได้ถึง 45 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาทีในบริเวณ ถ.เพชรบุรีตัดใหม่ แยกอโศก-รัชดาภิเษกฯ และพื้นที่เขตดินแดง ส่วนอุโมงค์ระบายน้ำคลองแสนแสบขณะน้ำกำลังดำเนินการก่อสร้าง และสามารถใช้งานได้ประมาณกลางปี 2551 และ กทม. ยังติดตั้งกล้องซีซีทีวี ในบริเวณ 21 จุด เพื่อควบคุมจุดอ่อนน้ำท่วมทั่วกรุงเทพฯ ด้วย


 


นางบรรณโศภิษฐ์กล่าวว่า นอกจากนี้ยังได้ประสานข้อมูลร่วมหน่วยงานภายนอก อาทิ กรมชลประทาน กรมอุตุนิยมวิทยา และกรมอุทกศาสตร์ ทุกสัปดาห์เพื่อเตรียมรับมือสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยกรมชลประทานจะทำหน้าที่ควบคุมปริมาณน้ำท้ายเขื่อน จากเขื่อนเจ้าพระยา ป่าสักชลสิทธิ์ ให้เข้ามาในพื้นที่กรุงเทพฯ ไม่เกิน 2,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ขณะที่กรมอุทกศาสตร์ จะรายงานระดับน้ำทะเลหนุนสูงสุด โดยเบื้องต้นคาดการณ์น้ำทะเลหนุนสูงสุด คือระหว่างวันที่ 13-16, 26-30 ต.ค. น้ำทะเลจะหนุนสูง 1.35 ม. และระหว่างวันที่ 10.15, 24-29 พ.ย.นี้ และวันที่ 23-28 ธ.ค. จะหนุนสูงอีกครั้ง 1.40 ม.


 






ต่างประเทศ


 


บทความ : ความขัดแย้งทีแฝงอยู่ใน "หนึ่งประเทศ สองระบบ"


ไทยโพสต์ - หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์วันนี้ (26 มิ.ย.) ลงบทความชื่อ "ความขัดแย้งทีแฝงอยู่ใน 'หนึ่งประเทศ สองระบบ" ของนายเดวิด โจว ผู้อำนวยการฝ่ายสารนิเทศ สำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเปประจำประเทศไทย ซึ่งเป็นหน่วยงานของไต้หวัน แสดงความเห็นเนื่องในโอกาสครบรอบ 10 ปี ของการโอนเกาะฮ่องกงแก่ประเทศจีน 1 กรกฎาคม นี้


 


โดยนายเดวิด โจว แสดงความเป็นห่วง แนวทางการปกครองของจีนต่อฮ่องกงว่า จากการเฝ้าสังเกตุติดตามเชิงลึกระยะยาวแล้ว พบว่า แก่นแท้ของอำนาจการปกครองแบบเบ็ดเสร็จของจีนขัดแย้งกับการปฏิรูปประชาธิปไตย คำมั่นสัญญาที่จีนให้ไว้ว่า "จะให้เกาะฮ่องกงปกครองโดยชาวฮ่องกง และเป็นการปกครองตนเองอย่างเป็นอิสระระดับสูง" จวบจนบัดนี้ยังคงไม่ปรากฏผลเป็นที่ประจักษ์ อาทิเช่น ธรรมนูญของฮ่องกงกำหนดไว้อย่างชัดเจน ให้ผู้ว่าเกาะฮ่องกงและสมาชิกสภานิติบัญญัติมาจาการเลือกตั้งทั่วไป แต่จีนกลับพยายามยืดเยื้อไม่นำไปสู่การปฏิบัติ ทำให้สิทธิการมีส่วนร่วมทางการเมืองถูกลิดรอน ทำให้วันที่ 1 กรกฎาคมของตลอดหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันรำลึกการโอนเกาะฮ่องกงให้จีนจึงมีประชาชนชาวฮ่องกงจำนวนหนึ่งเดินขบวนเรียกร้องให้มีการเลือกตั้งทั่วไป และจากการสำรวจความเห็นประชาชนของมหาวิทยาลัยฮ่องกงก็ปรากฏว่า ชาวฮ่องกงกว่า ร้อยละ 80 หวังว่า จะมีการเลือกตั้งทั่วไปอย่างบริสุทธิยุติธรรมก่อน ค.ศ 2012 การที่รัฐบาลจีนเจตนาละเลยและเพิกเฉยต่อเรื่องนี้จึงเป็นสิ่งขัดแย้งในเชิงลึก และเป็นเรื่องหน้ากังวลต่ออนาคตทางการเมืองของฮ่องกง


 


จีนมักอาศัยอำนาจการตีความกฎหมายของสมัชชาแห่งชาติของจีนแทรกแซงอธิปไตยทางศาลของฮ่องกง ทำให้สังคมนานาประเทศขาดความเชื่อมั่นต่อสภาพแวดล้อมการลงทุนของฮ่องกงส่วนทางด้านสื่อมวลชน จีนใช้วิธีซื้อหุ้นขององค์กรสื่อ แต่งตั้งให้ตำแหน่งแก่ผู้บริหารของสื่อ บีบบังคับให้ผู้จัดรายการลาออก ตลอดจนขัดขวางมิให้สื่อที่มีจุดยืนแตกต่างกับจีนไปทำข่าวในประเทศจีน ล้วนเป็นการบีบคั้นและสกัดกั้นเสรีภาพของสื่อมวลชนในฮ่องกง เมื่อต้นปีนี้ สมาคมผู้สื่อข่าวฮ่องกงเคยสำรวจประชามติพบว่า ผู้สื่อข่าวร้อยละ 58.5 แสดงความเห็นว่าสื่อมวลชนต้อง "เซ็นเซอร์ตนเอง" สาหัสกว่าสมัยก่อนโอนเกาะฮ่องกงหลายเท่า โดยเฉพาะการเสนอข่าวสารที่เป็นภาพลบต่อจีนจะเห็นได้ชัดเจนที่สุด เมื่อมองจากแง่มุมนี้แล้ว การที่อำนาจศาลไม่มีอธิปไตยและสื่อมวลชนไม่มีเสรีภาพ อนาคตของฮ่องกงยังจะสดใสต่อไปหรือไม่จึงเป็นเรื่องน่าวิตกกังวล


 


นายเดวิด โจว ยังกล่าวถึงกรณีของจีนต่อไต้หวันว่า จีนพยายามเรียกร้องให้ไต้หวันยอมรับสิ่งที่เรียกว่า "หนึ่งประเทศสองระบบ" เราอาจจะยกเอาสารพัดปัญหาของฮ่องกงที่เกิดจาก "หนึ่งประเทศสองระบบ" พักไว้ก่อน แล้วมองในแง่ทฤษฎีและตรรกะ วิธีนี้ย่อมเท่ากับว่าไต้หวันต้องทิ้งอธิปไตยที่ไต้หวันเพียรพยายามสรรค์สร้างมานานปี ซึ่งประชาชนชาวไต้หวันส่วนใหญ่ไม่มีวันยอมรับอย่างแน่นอน จากการสำรวจประชามติระยะยาวในไต้หวันพบว่า ชาวไต้หวันร้อยละ 70 คัดค้านการกระทำเช่นนี้ นี่จึงเป็นข้อพิสูจน์อย่างชัดเจน


 


เมื่อไม่กี่วันก่อน นายอู๋ปังกั๋ว สมาชิกสมัชชาแห่งชาติของจีนกล่าวย้ำอย่างเปิดเผยว่า "การปกครองตนเองระดับสูงของฮ่องกงมิใช่สิ่งที่มีมาแต่เก่าก่อน หากขึ้นอยู่กับรัฐบาลของจีนมอบให้ รัฐบาลกลางให้เท่าไหร่ ฮ่องกงก็จะได้เท่านั้น" คำพูดนี้เท่ากับประกาศต่อชาวโลกว่าฮ่องกงไม่สามารถเป็นประชาธิปไตย และนี่ก็ย่อมทำให้ชาวไต้หวันหมดความเชื่อมั่นต่อสิ่งที่เรียกว่า "หนึ่งประเทศสองระบบ"ไปด้วย


 


โสมแดงยันเดินหน้าปลด'นุก'


ไทยโพสต์ - โฆษกกระทรวงต่างประเทศของเกาหลีเหนือบอกกับสำนักข่าวเคซีเอ็นเอของทางการเกาหลีเหนือเมื่อวันจันทร์ว่า เกาหลีเหนือจะพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ของทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (ไอเออีเอ) ที่กรุงเปียงยางในวันอังคาร "เนื่องจากเงินที่ถูกอายัดที่ธนาคารบังโกเดลตาเอเชียในมาเก๊าได้ถูกมอบโอนตามที่เราเรียกร้องแล้ว ปัญหาเรื่องเงินที่ถูกอายัดจึงหมดไป การหารือกับผู้แทนของไอเออีเอจะมีขึ้นเพื่อหารือถึงการปิดเตาปฏิกรณ์ การตรวจสอบ และการติดตามผล"


 


ก่อนหน้านี้ ธนาคารดัลคอมแบงก์ของรัสเซียบอกว่า เงิน 25 ล้านดอลลาร์ซึ่งถูกอายัดหลังสหรัฐกล่าวหาเกาหลีเหนือว่าฟอกเงินที่ได้มาโดยผิดกฎหมายนั้น ได้ถูกมอบโอนให้แก่รัฐบาลเปียงยางแล้ว เกาหลีเหนือได้ปฏิเสธที่จะทำตามข้อตกลงปิดเตาปฏิกรณ์เพื่อแลกกับความช่วยเหลือจนกว่าตนจะได้รับเงินคืน


 


การผ่าทางตันดังกล่าวมีขึ้นขณะนายโอลลี ไฮโนเนน รอง ผอ.ไอเออีเอ นำคณะผู้ตรวจสอบของเดินทางถึงจีนเพื่อมุ่งไปยังเกาหลีเหนือ ซึ่งเขาหวังที่จะจัดส่งเจ้าหน้าที่ไปติดตามดูการปิดเตาปฏิกรณ์ที่เมืองยองเบียน ซึ่งเป็นหัวใจของโครงการนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ และเป็นแหล่งผลิตพลูโตเนียมคุณภาพระดับใช้ทำระเบิดได้


 


เกาหลีเหนือตกลงที่จะปิดเตาปฏิกรณ์ดังกล่าวเพื่อแลกกับความช่วยเหลือด้านเชื้อเพลิงและผลประโยชน์อื่นๆ รวมทั้งการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตร และถอนเกาหลีเหนือออกจากบัญชีประเทศสนับสนุนการก่อการร้ายของสหรัฐ ไฮโนเนนพร้อมเจ้าหน้าที่ 4 คนจะอยู่ในเกาหลีเหนือนาน 5 วัน ทั้งนี้ เกาหลีเหนือได้สั่งขับผู้ตรวจการณ์ของไอเออีเอเมื่อเดือนธันวาคม 2545 และได้ถอนตัวออกจากสนธิสัญญาห้ามแพร่กระจายอาวุธนิวเคลียร์หลังจากนั้นไม่นาน


 


เมื่อปี 2548 เกาหลีเหนือประกาศว่าตนมีอาวุธนิวเคลียร์แล้ว เมื่อปีก่อน เปียงยางได้ทดสอบจุดระเบิดนิวเคลียร์เป็นครั้งแรก เรียกเสียงประณามจากทั่วโลก และสหประชาชาติได้คว่ำบาตรทางการเงินและอาวุธต่อเกาหลีเหนือ


 


ผู้แทนสหรัฐ คริสโตเฟอร์ ฮิลล์ ได้เดินทางไปเกาหลีเหนือโดยพักที่นั่น 1 คืนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เขาให้สัมภาษณ์ที่กรุงโตเกียวเมื่อวันเสาร์ว่า เกาหลีเหนืออาจปิดเตาปฏิกรณ์ยองเบียนภายใน 3 สัปดาห์


 


แม้ปรากฏสัญญาณของการผ่อนคลายความตึงเครียดแล้ว แต่หนังสือพิมพ์โรด็องซินมุนของทางการเกาหลีเหนือได้กล่าวโจมตีวอชิงตันในวันจันทร์ว่า โหมกระแสยั่วยุเพื่อจุดชนวนสงคราม "นโยบายเป็นปฏิปักษ์ของสหรัฐ และการเคลื่อนไหวเพื่อเผชิญหน้าทางทหารกำลังโหมกระแสความตึงเครียดต่อคาบสมุทรเกาหลี และเพิ่มอันตรายของสงคราม"


 


อากาศที่ร้อนจัดคร่าชีวิตประชาชนในหลายประเทศในยุโรปตะวันออกเฉียงใต้


สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์ - หลายพื้นที่ในภาคตะวันออกเฉียงใต้ของยุโรปกำลังประสบปัญหาอากาศร้อนจัดอุณหภูมิพุ่งสูงถึง 46 องศาเซลเซียสและมีผู้เสียชีวิตแล้วหลายคน เช่น ที่กรีซอุณหภูมิในเดือนมิถุนายนปีนี้สูงที่สุดเท่าที่เคยบันทึกไว้และมีผู้เสียชีวิตแล้ว 2 คน ซึ่งรัฐบาลกรีซมีคำสั่งให้หน่วยงานหน่วยงานของรัฐทุกแห่งทำงานเพียงครึ่งวันในวันนี้และวันพรุ่งนี้ โดยให้ปิดทำการตั้งแต่เที่ยงวัน เพื่อลดการใช้พลังงาน และให้ประชาชนอยู่ในที่ร่มหลีกเลี่ยงการถูกแสงแดดโดยตรง โดยเฉพาะในช่วงเที่ยง


 


ส่วนที่นครอีสตันบูลของตุรกี อนุญาตให้เจ้าหน้าที่ตั้งครรภ์และเจ้าหน้าที่พิการหยุดงานได้ในวันนี้และวันพรุ่งนี้ นอกจากนี้ยังมีรายงานไฟป่าหลายจุดในพื้นที่ชายฝั่งด้านแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียนด้วย และที่โรมาเนีย อากาศที่ร้อนจัดคร่าชีวิตผู้คนไปอีก 6 คน หลังจากที่มีผู้เสียชีวิตแล้ว 25 คนก่อนหน้านี้ ขณะที่เจ้าหน้าที่อุตุนิยมวิทยาเตือนว่า อุณหภูมิในกรุงบูคาเรสต์วันนี้อาจจะสูงถึง 40 องศาเซลเซียสสูงที่สุดในช่วง 90 ปีที่ผ่านมา

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net