Skip to main content
sharethis

ประชาไท- 22 พ.ค. 2550 องค์กร ปชช.ภาคเหนือ เรียกร้องให้ พิสิษฐ์ ลาออกจากตำแหน่งประธานมูลนิธิคุ้มครองสัตว์ป่าฯ เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อข้อครหาความไม่เหมาะสม ในการดำเนินการธุรกิจจัดตั้ง บริษัท เพื่อน เดรัจฉาน จำกัด ซึ่งอาจจะมีการซื้อขายสัตว์ป่าด้วยหรือไม่


 


เครือข่ายองค์กรประชาชนภาคเหนือ นำโดย ภาคีฮักเชียงใหม่, กลุ่มเพื่อนประชาชนบนพื้นที่สูง,โครงการสร้างพื้นที่ทางสังคม,ศูนย์พิทักษ์และฟื้นฟูสิทธิชุมชนท้องถิ่น, คณะกรรมการประสานงานเครือข่ายชนเผ่าเพื่อรัฐธรรมนูญ, สหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือและเครือข่ายองค์กรประชาชนภาคเหนือ และคณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชนภาคเหนือ


 


โดยในแถลงการณ์ ระบุว่า นับจาก นายพิสิษฐ์ ณ พัทลุง ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานมูลนิธิคุ้มครองสัตว์ป่าและพรรณพืชแห่งประเทศไทยฯ ได้เปิดการทำธุรกิจเปิดร้านอาหาร และการซื้อขายแลกเปลี่ยนสัตว์ ที่ร้าน "เพื่อนเดรัจฉาน" ย่านถนนรามอินทรากรุงเทพฯ รวมทั้งการมีตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาอะควาเรี่ยมใหญ่และทันสมัยที่สยามพารากอนกลางเมืองกรุงและที่ไนท์ซาฟารี จังหวัดเชียงใหม่ อันเป็นเหตุพี่น้องในเครือข่ายองค์กรพัฒนาเอกชนและนักอนุรักษ์ สิ้นความเชื่อถือ ศรัทธา และเคลือบแคลงใจในความเหมาะสมของการดำรงตำแหน่งประธานมูลนิธิคุ้มครองสัตว์ป่าและพรรณพืช ฯ เป็นอย่างยิ่ง ทั้งๆ ที่ดำเนินการธุรกิจซื้อขายสัตว์ป่า ซึ่งผิดหลักการและเจตนารมณ์ของมูลนิธิที่ก่อตั้งขึ้นมา จนกระทั่งเมื่อเกิดการทักท้วงเกี่ยวกับทิศทางการบริหารองค์กรของเจ้าหน้าที่ในมูลนิธิฯ ก็ถูกคำสั่งของนายพิสิษฐ์ ให้ถูกย้ายจากตำแหน่งเดิม


 


จากพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมดังกล่าวข้างต้น เครือข่ายองค์กรประชาชนภาคเหนือ อันประกอบไปด้วยเครือข่ายองค์กรภาคประชาชน องค์กรพัฒนาเอกชน ซึ่งรณรงค์สร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับความโปร่งใสในหลักธรรมาภิบาลในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จึงขอเรียกร้องให้นายพิสิษฐ์ ณ พัทลุง ได้ลาออกจากตำแหน่งประธานมูลนิธิคุ้มครองสัตว์ป่าและพรรณพืชแห่งประเทศไทยฯ เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อข้อครหาความไม่เหมาะสม ในการดำเนินการธุรกิจจัดตั้ง บริษัท เพื่อน เดรัจฉาน จำกัด ซึ่งอาจจะมีการซื้อขายสัตว์ป่าด้วยหรือไม่ เพราะมูลนิธินี้ตั้งขึ้นมาเพื่อปกป้องรักษาสัตว์ป่า ฟื้นฟูป่าไม้และพืชพรรณธรรมชาติให้มีชีวิตอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เป็นป่าเขาลำเนาไพรที่อุดมสมบูรณ์ ไม่ใช่มาทำธุรกิจจัดตั้งบริษัทขึ้นมาเพื่อซื้อขายสัตว์ป่านี้ อันเลวร้าย


 


เครือข่ายองค์กรประชาชนภาคเหนือจะร่วมกับองค์กรภาคประชาชนทั่วประเทศในการดำเนินการติดตามข้อเรียกร้องดังกล่าวโดยเร่งด่วน และถ้าไม่มีการดำเนินการใดๆ ทางเครือข่ายฯ จะมีการเคลื่อนไหวประสานงานร่วมกับองค์กรพัฒนาเอกชนด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และนักอนุรักษ์ฯ ทั่วประเทศ เพื่อกำหนดมาตรการและท่าทีต่อประธานมูลนิธิคุ้มครองสัตว์ป่าและพรรณพืชฯ ต่อไป


 


ทั้งนี้ เครือข่ายองค์กรประชาชนภาคเหนือ ประกอบด้วย ภาคีฮักเชียงใหม่, กลุ่มเพื่อนประชาชนบนพื้นที่สูง,โครงการสร้างพื้นที่ทางสังคม,ศูนย์พิทักษ์และฟื้นฟูสิทธิชุมชนท้องถิ่น, คณะกรรมการประสานงานเครือข่ายชนเผ่าเพื่อรัฐธรรมนูญ, สหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือและเครือข่ายองค์กรประชาชนภาคเหนือ และคณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชนภาคเหนือ


 


ในขณะที่สำนักงานมูลนิธิคุ้มครองสัตว์ป่าฯ มีรายงานแจ้งว่า เมื่อตอนหัวค่ำ ประมาณเวลา 20.30 น.ของวันที่ 21 พ.ค.ที่ผ่านมา ฯ หลังจากเจ้าหน้าที่ทั้ง 36 คน เข้ายื่นหนังสือให้ประธานลาออก ได้มีบุคคลกลุ่มหนึ่งอ้างว่าเป็นตำรวจ สน.บางเขน มาเฝ้ามูลนิธิคุ้มครอง ทั้งยังไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้าไปข้างใน โดยอ้างว่าเพราะเจ้านายสั่ง ซึ่งสารวัตรสั่งมาอีกทีหนึ่ง แต่เมื่อมีการสอบถามไปยัง สน.บางเขน โดยผ่านจส.100 กลับได้รับการยืนยันจาก สน.บางเขน ว่า ไม่มีตำรวจมาเฝ้าแต่อย่างได แต่หลักฐานที่เห็นรถจักรยานยนต์ เป็นป้ายทะเบียนกรมตำรวจรุ่นเก่า ซึ่งได้สร้างความเคลือบแคลงสงสัยต่อเจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ ว่า เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือเป็นกลุ่มบุคคลอื่นที่เข้ามาแอบแฝงหรือข่มขู่กันแน่.

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net