ข่าวมอนิเตอร์ ประจำวันที่ 17 เมษายน 2550





การเมือง

 

ประธาน คมช. ชี้พวกหวงอำนาจ - ต้นตอบ้านเมืองวุ่นวาย 

ผู้จัดการออนไลน์ - วานนี้ (16 เม.ย.) พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ.และประธาน คมช. กล่าวว่า ภายใน1-2 สัปดาห์ที่จะถึงนี้ ตนจะเชิญสื่อมวลชนสายทหารและคอลัมน์นิสต์ที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง โดยเชิญมาพูดคุยชี้แจงเรื่องความมั่นคงของชาติและปัญหาพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่กองทัพบก โดยตนจะเป็นผู้บรรยายด้วยตัวเอง นอกจากนี้มีการฉายสไลด์สิ่งที่ต่างๆที่เกิดขึ้นในบ้านเมือง ทั้งนี้เห็นว่าปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นเกิดจากคนที่ยังหวงอำนาจไม่ยอมคืนอำนาจให้เห็นแก่บ้านเมือง "ไม่กี่เดือนปัญหาก็จะหมดไป ทำไมถึงไม่รอ" พล.อ.สนธิ กล่าว

      

เมื่อถามว่า มีการเคลื่อนไหวเพราะกลัวว่าพล.อ.สนธิ จะขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี พล.อ.สนธิ กล่าวว่า "ผมไม่เอาหรอก เรื่องอะไร จะทำให้เจ็บตัว เจ็บครั้งนี้ก็พอแล้ว ไม่ขอเจ็บอีก ยืนยันว่าผมไม่เป็นนายกรัฐมนตรีแน่นอน

 

แม่ทัพภาค 1 ลั่นใช้แผนปฐพี 149 ปรามม็อบออกนอกกรอบ

ผู้จัดการออนไลน์ - พล.ท.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แม่ทัพภาคที่ 1 และ ผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 1 (ผอ.รมน.ภาค1) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ นายจาตุรนต์ ฉายแสง รักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ออกมาเตือนถึงความเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ชุมนุมหลังวันสงกรานต์ ว่า ต้องรอดูหลังสงกรานต์ เนื่องจากประชาชนยังเที่ยวยังกลับบ้านกันอยู่ แนวโน้มที่จะมีการชุมนุมมีทั้งเป็นไปได้และเป็นไปไม่ได้ หน่วยงานด้านการข่าวจับตาอย่างใกล้ชิดอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามกองทัพยืนยันจะไม่พูดถึงการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เนื่องจากกฎหมายปกติสามารถควบคุมได้อยู่แล้ว

 

พล.ท.ประยุทธ์ ยังเปิดเผยถึงความพร้อมในการรับมือขนาดใหญ่อีกว่า เชื่อว่าคงเข้ามาไม่ได้มากเท่าไหร่ กองทัพมั่นใจว่า ประชาชนไม่น่าจะเข้าร่วมชุมนุมกันมากถึงขนาดนั้น ทางคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ(คมช.)และรัฐบาลก็พยายามแก้ปัญหากันอยู่ ขณะเดียวกันก็ยังไม่มีความจำเป็นนำแผนปฐพี 149 มาใช้ควบคุมประชาชนเนื่องจากแผนปฐพี 149 กองทัพมีอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าจะนำมาใช้เมื่อไหร่เท่านั้น หากไม่มีเหตุการณ์รุนแรงก็จะไม่นำมาใช้

 

"เรื่องนี้ต้องให้ประชาชนเป็นผู้พิจารณา เพราะ คมช.และรัฐบาล มีขั้นตอนต่างๆ อยู่ โดยเฉพาะการเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้น ถ้าจะมาสร้างความวุ่นวายในตอนนี้ก็คงไม่เกิดประโยชน์อะไร ส่วนกรณีที่ นายจาตุรนต์ ระบุว่า กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย สามารถกำหนดบทบาทของ คมช.และรัฐบาลได้นั้น ผมไม่เชื่อ นายจาตุรนต์พยายามหาอะไรพูดไปเรื่อย ผมเชื่อว่าทุกคนก็อยากจะทำนู้นทำนี่กันทั้งนั้น" พล.ท.ประยุทธ์ กล่าว

 

นอกจากนี้ พล.ท.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยเฉพาะตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง ที่อาจจะกระทบต่อประธานคมช.ที่รับผิดชอบโดยตรงอีกว่า ใครบอกว่า จะมีการปรับ ครม.เห็นพูดกันมานานแล้ว คิดว่าไม่น่าจะปรับ ไม่น่าจะเป็นไปได้เพราะเรื่องความมั่นคง คมช.ดูแลอยู่ ส่วนจะเพิ่มรองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคงหรือไม่นั้นตนไม่รู้ อย่างไรก็ตามเชื่อว่าในปัจจุบันตำแหน่งนี้ยังไม่จำเป็น เนื่องจากประธาน คมช.ยังดูแลรับผิดชอบอยู่ ต้องรอไว้หลังสงกรานต์ค่อยมาว่ากัน หากเป็นความคิดเห็นส่วนตัวคงไม่ใช่และไม่น่าจะมีอย่างแน่นอน

 

ชาวบ้านบันนังสตาเก็บเต้นท์ - ม็อบสลายแล้ว

เว็บไซต์สำนักข่าวเนชั่น - จากกรณีการชุมนุมของชาวบ้านมุสลิมหลายร้อยคนที่มัสยิดบ้านเขื่อนบางลาง พร้อมกับนำเต็นท์มาปิดกั้นถนนสายบันนังสตา - เขื่อนบางลาง เนื่องจากไม่พอใจกับเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่ กราดยิงขบวนรถยนต์ของชาวบ้านที่บริเวณด่านสกัดของชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ของหมู่ที่ 5 ต.เขื่อนบางลาง อ.บันนังสตา จ.ยะลา จนเป็นเหตุทำให้มีผู้เสียชีวิต 5 ราย และบาดเจ็บ 8 ราย ซึ่งชาวบ้านในที่ชุมนุมเชื่อว่า เป็นฝีมือของชรบ. และเจ้าหน้าที่ทหาร ซึ่งเป็นเหตุให้มีการชุมนุมต่อเนื่องในวันที่ 10 เม.ย. เป็นต้นมานั้น

 

ล่าสุดมีรายงานข่าวแจ้งว่า วันนี้ (16 เม.ย.) เมื่อเวลาประมาณ 14.00 น. กลุ่มผู้ชุมนุมได้ยอมสลายตัว และยอมเปิดทางให้มีการสัญจรไปมาแล้ว ภายหลังจากที่ได้มีการเจรจาระหว่างตัวแทนชาวบ้านกับเจ้าหน้าที่ในระดับพื้นที่มาตั้งแต่วานนี้ (15 เม.ย.) โดยมีเจ้าหน้าที่ของคณะทำงานยุติธรรมเพื่อสันติภาพ และทนายความบางส่วน จากชมรมนักกฎหมายมุสลิมเป็นตัวกลางในการเจรจา ข้อตกลงดังกล่าวอยู่บนเงื่อนไขที่ฝ่ายชาวบ้านจะยอมสลายการชุมนุม และนำเครื่องกีดขวางออกจากถนนเพื่อต่อรองกับข้อเรียกร้องหลายประการ

 

นางอังคณา นีละไพจิตร ประธานคณะทำงานยุติธรรมเพื่อสันติภาพกรรมาธิการวิสามัญศึกษาและสอบสวนปัญหาความไม่สงบในภาคใต้ สภานิติบัญญัติและเป็นหนึ่งในผู้ที่เป็นตัวกลางในการเจรจา พร้อมกับตั้งข้อสังเกตว่า การชุมนุมครั้งนี้ มีสาเหตุมาจากเหตุการณ์ยิงรถชาวบ้าน เป็นเหตุให้มีคนเสียชีวิตจำนวนมาก จนถึงวันนี้ก็จะครบสัปดาห์แล้ว แต่เจ้าหน้าที่กลับยังไม่มีความคืบหน้าในการสืบสวนหาสาเหตุที่แท้จริง รวมทั้งนำตัวผู้ต้องสงสัยมาดำเนินคดี โดยอ้างว่าผู้เสียหายไม่ได้มาแจ้งความ ทั้งๆ ที่มีคนเจ็บและญาติคนตายจำนวนมากอยู่ที่โรงพยาบาล

 

ในขณะเดียวกันการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ก็ไม่มีความพยายามที่จะเข้าไปสอบปากคำพยานในที่เกิดเหตุหรือใกล้เคียง ซึ่งมีคนจำนวนมากที่อยู่ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในช่วงห้าโมงเย็น "การปล่อยปัญหาไว้เช่นนี้ ทำให้ชาวบ้านคาใจ และส่งผลให้เกิดความโกรธแค้นเจ้าหน้าที่รัฐ และอาจก่อตัวมาชุมนุมอีกซึ่งจะส่งผลเสียหายไม่รู้จบ" นางอังคณา กล่าวพร้อมระบุว่า ประเด็นที่ได้จากการลงพื้นที่ในครั้งนี้ จะนำเข้าหารือในการประชุมคณะกรรมาธิการนัดต่อไป

 

ปัตตานีเดือด คนร้ายลอบวางเพลิงโรงเรียน-สถานที่ราชการรวม 9 แห่ง 

ผู้จัดการออนไลน์ - วานนี้ (16 เม.ย.) เมื่อเวลา 00.10 น.ได้มีคนร้ายไม่ทราบจำนวนและกลุ่มวางเพลิงเผาบริเวณภายในโรงเรียนในเวลาไล่เลี่ยกันรวม 7 จุดได้แก่

 

1.โรงเรียนบ้านบานา หมู่ที่ 2 ได้รับความเสียหายภายในอาคารเรียนและบานประตู หลังจากที่ทางชุดรักษาความสงบหมู่บ้าน (ชรบ.) และชาวบ้านช่วยดับไฟไว้ทัน 2.โรงเรียนบ้านจือโระ หมู่ที่ 6 ตำบลบานา ได้รับความเสียหายทั้งหลังซึ่งเป็นอาคารตึกชั้นเดียว จำนวน 3 ห้องเรียนกับอีก 1 ห้องสหกรณ์ 3.โรงเรียนบ้านปะกาฮะรัง หมู่ที่ 1 4.โรงเรียนบ้านจางา หมู่ที่ 2 5.โรงเรียนบ้านกือยา หมู่ที่ 3 6.โรงเรียนบ้านกาแลบีเละ หมู่ที่ 7 ของตำบลปะกาฮะรัง 7.บ้านพักครูของโรงเรียนชุมชนบ้านกรือเซะ หมู่ที่ 3 ตำบลตังหยงลุโล๊ะ ได้รับความเสียหายทั้งหลัง ซึ่งเป็นอาคารไม้เก่ายกพื้นช่วงเกิดเหตุไม่มีครูพักอาศัยอยู่ เพราะระหว่างช่วงปิดเทอม

      

นอกจากนี้ คนร้ายยังได้วางเพลิงเผาสถานที่ราชการอื่นๆ ประกอบด้วย 1.บ้านพักอนามัยตำบลตะลุโบ๊ะ หมู่ที่ 9 ตำบลตะลุโบ๊ะ ได้รับความเสียหายทั้งหลัง และเกิดการยิงปะทะกันระหว่าง ชรบ.กับกลุ่มไม่ทราบฝ่ายนาน 10 นาที ระหว่างที่ ชรบ. จะเข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ แต่โชคดีไม่มีการสูญเสียแต่อย่างใด 2.ศูนย์การเรียนรู้บ้านลือเมาะ ตำบลสะดาวา อำเภอยะรัง ได้รับความเสียหายบางส่วนหลังจากที่ชุด ชรบ.และชาวบ้านดับไฟไว้ทัน ซึ่งก่อนหน้านี้ศูนย์การเรียนรู้หลังนี้เคยถูกวางเพลิงมาแล้วเสียหายทั้งหลัง

      

ส่วนประเด็นสาเหตุนั้นยังอยู่ระหว่างการสืบสวนและสอบสวนของเจ้าหน้าที่ แต่จากพูดคุยของชาวบ้านน่าจะเป็นการกระทำของกลุ่มที่ไม่พอใจกับแนวทางการเจรจาจากการประท้วงปิดถนนสาย 42 ปัตตานี-นราธิวาส ของชาวบ้าน หลังจากที่เกิดเหตุจ้าหน้าที่ทหารยิงพลาดถูกเด็กเยาวชนเสียชีวิต 3 คน และได้รับบาดเจ็บสาหัสอีก จำนวน 3 คน เพื่อเป็นการตอบโต้

 

ผู้สื่อข่าวรายงานหลังจากที่เจ้าหน้าที่หลายฝ่ายที่มีหน้าที่รับผิดชอบ ได้ใช้ความพยายามที่มีการเจรจากับกลุ่มผู้ชุมนุมที่ปิดถนนจนประสบความสำเร็จตามเงื่อนไขที่ได้ตกลงร่วมกันระหว่างญาติๆ ผู้เสียชีวิตและตัวแทนของผู้ชุมนุม 5 ข้อ จนทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมยอมแยกย้ายและสลายการชุมนุมทันที แต่ยังมีอีกจำนวนไม่น้อยที่ยังคงไม่ยอมรับกับเงื่อนไขดังกล่าว เห็นได้ว่าบริเวณจุดเกิดเหตุนั้นได้มีประชาชนเดินทางมาเยี่ยมชมเป็นจำนวนมากอย่างไม่ขาดสาย และได้มีการวิพากษ์วิจารณ์กับเหตุที่เกิดขึ้น

 

ท่านผู้หญิงวิระยาเยี่ยมม็อบศาลากลางยะลาให้กำลังใจ

เว็บไซต์คมชัดลึก - เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 16 เม.ย.  ท่านผู้หญิงวิระยา ชวกุล ประธานมูลนิธิขวัญและกำลังใจ ตำรวจ ทหาร อาสาสมัครรักษาดินแดน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้เดินทางมายังหน้าศาลากลางจังหวัดยะลา เพื่อเคารพศพนางสาวพัชราภรณ์ บุญมาศ และพบปะกับกลุ่มชาวบ้านที่มารวมตัวกันที่หน้าศาลากลาง

ท่านผู้หญิงวิระยาได้สอบถามเรื่องราวต่างๆตัวแทนของกลุ่มชาวบ้าน ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมรับฟังข้อเรียกร้องต่างๆ นอกจากนั้นท่านผู้หญิงวิระยายังได้สอบถามนายกลิ่น บุญมาศ บิดาของนางสาวพัชราภรณ์ ว่าจะฌาปนกิจศพเมื่อใด ซึ่งนายกลิ่นก็ได้แจ้งให้ทราบว่าขณะนี้อยู่ในระหว่างการดูวันอีกครั้ง ซึ่งคาดว่าเร็วๆ นี้

 

วันเดียวกัน เครือข่ายพลังแผ่นดินขจัดภัยก่อการร้าย ได้ออกแถลงการณ์ เรื่อง ขอให้พี่น้องประชาชนรวมพลังเรียกร้องให้เกิดความเป็นธรรมในสังคม โดยมีข้อความว่า "ตามที่เกิดเหตุการณ์โจรแบ่งแยกดินแดน ข่มขู่ ข่มเหง รังแก และทำลายทรัพย์สิน ของราชการและเอกชน เป็นรายวัน และฆ่าคนไทยผู้บริสุทธิ์อย่างโหดร้าย ทารุณ สุดที่จะพรรณนา ลอบทำร้ายและฆ่าเจ้าหน้าที่ของรัฐ ผู้ทำหน้าที่ปกป้องผืนแผ่นดินไทย ด้วยอาวุธสงครามและระเบิดชนิดต่างๆ คนไทยพุทธต้องอพยพทิ้งถิ่นฐานทำมาหากิน ได้รับความเดือดร้อนอย่างแสนสาหัส นางสาวพัชราภรณ์ บุญมาศ ถูกโจรแบ่งแยกดินแดนฆ่าและเผาทารุณโหดร้าย และศพก็ยังคงตั้งบำเพ็ญกุศลอยู่ที่หน้าศาลากลางจังหวัดยะลา ไม่มีกำหนดฌาปนกิจ

 

โดยบิดามารดาและญาติของนางสาวพัชราภรณ์ ได้มอบหมายให้เครือข่ายพลังแผ่นดินขจัดภัยก่อการร้าย ร่วมเป็นเจ้าภาพ เรียกร้องความเป็นธรรมจากรัฐบาล เพื่อปราบปรามโจรแบ่งแยกดินแดนให้ราบคาบ ให้เกิดความสันติสุขแก่พี่น้องประชาชน ซึ่งเป็นความเสียสละอย่างยิ่งของบิดามารดาของนางสาวพัชราภรณ์ บุญมาศ"

 

แถลงการณ์ยังระบุอีกว่า สื่อของรัฐ ยังคงทำหน้าที่เสนอข่าวบิดเบือน ทำให้ผู้จะมาร่วมแสดงพลังสับสน จึงขอโอกาสนี้ยืนยันว่า เครือข่ายยังคงเดินหน้าแสดงพลังต่อไปจนกว่าจะบรรลุผล ผู้บังคับบัญชา องค์กรของรัฐ รวมทั้งองค์กรเอกชน ที่ขัดขวางหรือ ไม่ให้ความร่วมมือการรวมพลังของมหาชนผู้บริสุทธิ์ในครั้งนี้ในรูปแบบต่างๆ เครือข่ายฯ ถือว่า เป็นผู้ทรยศต่อแผ่นดิน ซึ่งจะถูกกำจัดในโอกาสต่อไป ถ้าต้องการให้บ้านเมืองสงบสุข เข้าสู้สภาวะปกติ ดังเช่นที่ผ่านมาในอดีต ขอให้พวกเราชาวเครือข่ายพลังแผ่นดินฯ ออกมารวมพลังในวันนี้(16 เม.ย.) เวลา 21.00 น. ซึ่งถือเป็นวันแห่งชัยชนะของพวกเรา ที่หน้าศาลาสกลางจังหวัดยะลา

 





ผู้จัดการ "การเมือง"

 

ผู้จัดการออนไลน์ section การเมืองวานนี้ (16 เม.ย.) มีการนำเสนอบทความ รายงานเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองหลายชิ้น อาทิ รายพิเศษที่ชื่อว่า "6 เดือนรัฐบาลสุรยุทธ์ บุญเก่าหดบารมีหาย" มีเนื้อหาวิจารณ์การทำงานของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ว่าไม่มีผลงานชัดเจน หลายอย่างเป็นการต่อยอดนโยบายประชานิยมของรัฐบาลทักษิณ ไม่มีมาตรการสมานฉันท์ที่เป็นรูปธรรม โดยเนื้อหาส่วนหนึ่งกล่าวว่า "แม้นายกรัฐมนตรีไม่ถอดใจลาออก แต่ตอนนี้ประชาชนเริ่มถอดใจออกจากรัฐบาลพล.อ.สุรยุทธ์ ไปแล้วไม่น้อย" หรือ "ดังนั้น สิ่งที่กลุ่มพันธมิตรฯ ได้ออกมาเรียกร้องให้ พล.อ.สุรยุทธ์ ในฐานะผู้นำรัฐบาล หันกลับมาทบทวนบทบาทหน้าที่ของตัวเอง ดูบ้าง จึงไม่ใช่เรื่องที่ก้าวล่วง เกินเลย เพราะอย่างน้อยในช่วงเวลาของการทำหน้าที่ 6 เดือน ที่ผ่านมานั้น มันน่าจะมีผลงานที่เป็นที่ประทับใจให้กับประชาชนบ้าง ไม่ใช่อยู่แบบหายใจทิ้งไปวันๆ รอพระอาทิตย์ขึ้น แล้วก็รอพระอาทิตย์ตก ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อประเทศชาติบ้านเมืองที่อยู่ในยามวิกฤติ ทั้งเรื่องเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง หากเป็นเช่นนั้นการกอบกู้ฟื้นฟู คงต้องใช้เวลาอีกนาน"

      

"แม้ต้นทุน บุญเก่า ที่พล.อ.สุรยุทธ์ พกมาเต็มกระเป๋าตั้งแต่ต้น จะหดหายไปมาก แต่เวลาอีกประมาณ 6 เดือนที่เหลืออยู่ นับเป็นโอกาสที่นายกรัฐมนตรีจะได้เร่งทำงานเพื่อเรียกศรัทธากลับคืนมา แต่ถ้าหากเห็นว่า 6 เดือนที่ผ่านมานั้น นายกรัฐมนตรีเห็นว่า การทำงานเต็มไปด้วยอุปสรรค ขวากหนาม จะทำอะไรก็ติดขัดไปหมด จนต้องปล่อยเกียร์ว่าง และ อีก 6 เดือนข้างหน้าก็มองเห็นแล้วว่า จะยิ่งหนักหนาสาหัสกว่าเดิมอีกเป็นเท่าทวีคูณ … ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้วละก็ การ "ถอดใจ" ย่อมจะดีกว่า "เกียร์ว่าง" "

 

"เรื่องดีไม่ทำ ทำแต่เรื่องไม่ดี" เป็นบทความมีเนื้อหาวิจารณ์นายฉลองภพ สุสังกร์กาญจน์ รมต.คลัง กรณีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่ว่าให้ธนาคารของรัฐปล่อยเงินกู้ให้กับประชาชนคนรากหญ้า และเร่งอุ้มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยให้ธนาคารปล่อยกู้ให้กับบ้านหรือคอนโดที่มีราคาราว 3 ล้านบาท ด้วยหวังว่าจะฟื้นฟูเศรษฐกิจในภาพรวมให้ดีขึ้น

 

โดยบทความดังกล่าวมองว่านโยบายดังกล่าวจะทำให้ประชาชนระดับล่างไม่สามารถชำระหนี้ได้ จึงทำให้เกิดหนี้เสียหนี้สูญขึ้นในระบบเป็นจำนวนมาก ส่วนนโยบายสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์เป็นเรื่องอุ้มคนรวย ซึ่งบทความดังกล่าวเสนอให้นายฉลองภพ หันมาพัฒนาด้านสาธารณูปโภคขั้นพื้นที่เช่น การขนส่งระบบรางคู่ หรือ แหล่งน้ำ โดยมุ่งหมายและเน้นให้มีการจ้างแรงงาน หรือจ้างงานในท้องถิ่นเพื่อทำให้รายได้ตกแก่ผู้คนในท้องถิ่นให้มากที่สุด และต้องสนับสนุนช่วยเหลือวิสาหกิจของคนไทย โดยเฉพาะกิจการแปรรูปผลิตผลทางการเกษตรและภาคบริการทุกประเภท ซึ่งเป็นประเภทกิจการที่จะได้ประโยชน์แก่คนไทยส่วนใหญ่ของประเทศ บทความดังกล่าวระบุ

 

บทความ "กู้ชาติโดยบังเอิญ สนช.มีโอกาสแก้กฎหมายขายชาติ ช่วยชีวิตธุรกิจค้าปลีกของคนไทย !!" ของ คำนูณ สิทธิสมาน สนช.ค่ายผู้จัดการ มีเนื้อหาเรียกร้องให้ สนช. ช่วยกันผ่าง ร่างพ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. ....  ซึ่งมีเสนอแก้ไขบทนิยามของ "คนต่างด้าว" ให้หมายรวมครอบคลุมทั้ง 3 ปัจจัย คือ Ownership - ความเป็นเจ้าของ, Voting Right - สิทธิการออกเสียง, Control - อำนาจการจัดการ (พิจารณาที่ Board) เพื่อให้ควบคุมกิจการของคนต่างด้าวให้มากที่สุด และถ้าแพ้โหวตในชั้นกรรมาธิการ - อย่ายอมแพ้! และหากโหวตแพ้คำนูณเสนอว่า ให้ "สงวนความเห็น" ไว้ เพื่อมาอภิปรายตัดสินในสภาใหญ่ ที่จะต้องดำเนินการให้มีการถ่ายทอดโทรทัศน์ทั่วประเทศ!!

 

บทความที่มีเนื้อหาส่งสัญญาณอะไรบางอย่างคือ บทความที่ชื่อ "ปฏิวัติต้องฆ่ารีบลงมือเร็วๆ เข้าเถอะ" โดยผู้ใช้นามแฝงว่า ยอดรัก ตะวันรอน ออนไลน์มาตั้งแต่วันที่ 15 เมษายน 2550 เวลา 20:39 น. มีเนื้อหารุนแรงระบุว่า

 

"รีบลงมือเร็วๆ เข้าเถอะไม่ว่าจะต้องยิงต้องฆ่าหรือต้องกระทืบก็น่าจะลงมืออย่าเอาแต่เพียงพูดเล่น น่าจะมีคนสรรเสริญยกย่องกันมาก ถ้ากระทืบให้เต็มเท้า! แม้แต่เจ้านายหรือผู้บังเกิดเกล้าที่สร้างความยุ่งยาก และนิยมชมชอบที่ทำลายบ้านเมืองมานานถึง 5-6 ปี หรือจะเป็นใครก็ตามที่สร้างความยุ่งยากเอามันเลย ไม่ว่าจะเป็นสนามหลวงหรือที่ไหน กระทืบดูเล่นสักหนสองหนมันก็เงียบ มันไม่ได้มีความสำคัญอะไรกับบ้านเมืองหรือสังคมไหนๆ สวะของบ้านเมืองทั้งสิ้น"

 

หรือ "ไม่ต้องเอาชนะเอาแพ้กันหรอก เอาให้พอมีความหวังบ้างก็พอ ผมเชื่อว่าน่าจะมีคนคัดค้านไม่กี่คน เฉพาะระยะนี้เป็นเทศกาลชุมนุมของสัตว์เลี้ยงนักปล้นชาติที่กำลังประสบความสำเร็จในการเห่าหอนตามประเพณีปฏิบัติ ตามข่าวกล่าวว่าการกระทำของเดียรัจฉานพวกนี้ต้องการจะทำลายและล้มรัฐบาลปฏิวัติเมื่อวันที่ 19 กันยายน ที่ผ่านมา ซึ่งก็เป็นคณะรัฐบาลสัพเพเหระที่ประเทศไทยผลิตขึ้นมาได้"

 

และยังมีเนื้อหาวิจารณ์การทำงานของรัฐบาลว่า "พฤติการณ์ของคณะปฏิวัติที่แสดงออกมาตลอดเวลาที่ขึ้นมาครองอำนาจแสดงให้เห็นชัดเจนว่ารัฐบาลกำลังเล่นกับหมาอยู่ โดยไม่เพียงแต่หมาเลียปากเท่านั้น แต่รัฐบาลเองก็พร้อมจะเลียปากหมาไปด้วย ซึ่งดูว่ามันทุเรศพอสมควรอยู่ เอากันว่าตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน ที่ยกโขยงออกมาทำการปฏิวัติกันนั้น เป็นการเปิดกรงหมาออกมาเล่นกับหมาทำให้หมามันเลียปากมาเป็นแรมเดือนโดยไม่ได้ทำอะไรกัน"

 

"รัฐบาลปัจจุบันเป็นรัฐบาลที่ได้อำนาจมาโดยการปฏิวัติที่จำเป็นต้องปฏิวัติ และการปฏิวัตินั้นได้รับการรับรองจากประชาชนส่วนใหญ่หรือไม่มีใครปฏิเสธที่จะยอมรับ แต่เมื่อได้อำนาจมาอย่างสมบูรณ์แล้ว แทนที่จะใช้อำนาจนั้นอย่างการปฏิวัติต่างๆ ในโลกนี้กลับไปนั่งเลียปากหมาและให้หมาเลียปากเล่นกันอยู่ ... ในขณะเดียวกันประชาชนพลเมืองที่เต็มไปด้วยปัญหาร้อยแปดพันเก้าที่รัฐบาลหมาเลียปากชุดนี้ไม่สามารถจะแก้ปัญหาอะไร แม้แต่คลื่นบนดินและคลื่นใต้น้ำกำลังโหมเล่นงานล้มรัฐบาลในขณะที่รัฐบาลเองเป็นฝ่ายกุมอำนาจ"

      

"มีบทโคลงในโลกนิติสอนเรื่องนี้ไว้ว่า "หมาใดตัวร้ายขบบาทา อย่ากัดตอบหมาเตะได้" ที่สอนการเล่นกับหมาเอาไว้โดยมีคนมาเปลี่ยนท้ายโคลงนี้เอาไว้อย่างน่าสนใจ" บทความดังกล่าวระบุ และบอกให้ พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร และพรรคพวกอาจจะต้องท่องจำโคลงบทนี้เอาไว้ใช้บ้าง

 

นอกจากนี้ยังเรียกร้องให้ พล.อ.สพรั่ง ออกมา "ทำอะไรบางอย่าง" โดย 4 ย่อหน้าสุดท้ายเขียนเอาไว้ว่า 

       

"6 เดือนที่ผ่านไป คณะรัฐบาลและคณะปฏิวัติอาจจะไม่มีความคิดไม่มีความรู้สึกว่ามันเป็นเวลานานมากสำหรับประเทศชาติ และประชาชนที่ต้องสูญเสียทุกอย่างไปโดยไร้ประโยชน์ทุกด้าน พร้อมกันนั้น ความขัดแย้งความยุ่งยากก็เพิ่มขึ้นทุกหนทุกแห่ง แต่วีรบุรุษของชาติที่ตัดสินใจเข้ามาทำการปฏิวัติรวบรวมนักคอร์รัปชัน และพรรคพวกที่มีแต่ขี้กับไส้มาร่วมกันเป็นคณะรัฐบาลเพื่อทำมาหากินกันอย่างสะดวกสบายนั้น ปรากฏว่าทำได้สำเร็จเพียงการพ่นน้ำลายออกมาจากปาก เพื่อแสวงหาประโยชน์เลี้ยงปากท้องไปวันๆ ในระยะเวลา 6 เดือนที่ว่านั้น เมื่อพูดถึงความเสียหายและความไร้ประโยชน์ที่ได้รับจากการปฏิวัติรัฐประหารนั้นมันน้อยมากหรือเกือบไม่มีเอาเลย"

 

"แต่ก็นับว่าเป็นพฤติกรรมการปฏิวัติที่ดีอย่างยิ่งสำหรับนักปฏิวัติรุ่นหลังซึ่งภายในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เมื่อมีการเลือกตั้งเสร็จสิ้นลงแล้วก็จะมีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่อีกไม่กี่วันก็จะต้องฉีกรัฐธรรมนูญฉบับนี้ทิ้งโดยนักปฏิวัติรุ่นใหม่กลุ่มใหม่ซึ่งก็จะได้แบบอย่างเอามาทำมาหากินอย่างนักปฏิวัติรุ่นนี้หรือรุ่นก่อนที่ทำบ้านเมืองฉิบหายมาในลักษณะต่างๆ กัน หรืออาจจะมีนักปฏิวัติที่มีความสามารถจะใช้สติปัญญาคิด และศึกษากันมาสำหรับทำการปฏิวัติ นักปฏิวัติเหล่านั้นอาจจะไม่ต้องปล่อยให้มีการคัดค้าน การเห่าหอนหรือการประกาศล้มล้างคณะปฏิวัติของตัวเองอย่างที่นักปฏิวัติคณะนี้ได้รับอยู่ อาการคลื่นเหียนของประชาชนก็จะได้ลดน้อยลง"

 

"และถ้าสามารถทำได้ก็สร้างความเชื่อมั่นให้ตัวเองว่า จะต้องปฏิวัติกันจริงๆ แล้วจะไม่ยอมหากินด้วยวิธีการสมานฉันท์หรือมัวแต่นั่งคอร์รัปชันอย่างที่เป็นกันอยู่"

 

"หรือว่าไงครับ ท่านพล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ลงมือตอนนี้ก็น่าจะยังไม่สายน่าจะลองดูบ้าง!" บทความดังกล่าวระบุ

 

ทั้งหมดนี้คือ สัญญาณ คือ ท่าที ต่อสถานการณ์การเมืองแบบ "เอาสพรั่ง ไม่เอาสุรยุทธ์" ที่ส่งออกมาจาก "ค่ายผู้จัดการ" ในรอบวันนี้

 

 





เศรษฐกิจ

 

"ฉลองภพ" เลิกประชานิยม อ้างทำคนชนบทลำบาก

ผู้จัดการออนไลน์ - วานนี้ (16 เม.ย.) นายฉลองภพ สุสังกร์กาญจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในการให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทมส์ ว่า ไทยกำลังผ่านช่วงเวลาแห่งความสับสนวุ่นวาย และความพยายามในการกระตุ้นเศรษฐกิจจะประสบความล้มเหลวในการผลักดันให้เกิดการเติบโตทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่ นายฉลองภพ กล่าวว่า การที่รัฐบาลชุดปัจจุบันตัดสินใจยกเลิกนโยบายประชานิยมที่เกิดขึ้นในสมัยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้สร้างความยากลำบากแก่ประชาชนในชนบท โดยเขากล่าวว่า หากเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับต่ำ และการเติบโตยังไม่ฟื้นตัวขึ้นมาก การผ่อนคลายนโยบายการเงินก็จะควรจะดำเนินต่อไป

 

นอกจากนี้ นายฉลองภพ ยังกล่าวว่า รัฐบาลกำลังเรียกร้องให้สถาบันการเงินของรัฐปล่อยกู้แก่ผู้ที่อยู่ในเขตชนบทมากขึ้น เพื่อสร้างเสริมสภาพคล่องให้กับประชาชนในชนบท

 

 





คุณภาพชีวิต

 

คนกลับเข้ากรุงแล้วหลังสงกรานต์ อุบัติเหตุรวม 5 วัน 273 ศพ!

ไอ.เอ็น.เอ็น. และ ผู้จัดการออนไลน์ - สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. รายงานการเดินทางกลับกรุงเทพมหานคร หลังช่วงเทศกาลสงกรานต์ ที่สถานีขนส่งหมอชิต มีรถโดยสารประจำทางทยอยเดินทางถึงสถานีขนส่ง อย่างต่อเนื่อง แต่จำนวนผู้โดยสารในรถบางเที่ยวยังมีปริมาณไม่มากนัก ทั้งนี้จากการสอบถามพนักงานขับรถทราบว่า ผู้โดยสารบางคนมีการเดินทางระหว่างจังหวัดและลงระหว่างทาง ขณะที่ บางส่วนจะเดินทางกลับในวันพรุ่งนี้

 

นอกจากนี้ ยังพบว่าประชาชนที่เดินทางถึงสถานีขนส่งหมอชิต ต่างขนสัมภาระเข้าของต่างๆ รวมถึงของขวัญของฝากมาเป็นจำนวนมาก โดยบางคนได้พาครอบครัวที่อยู่ต่างจังหวัดเดินทางมายังกรุงเทพด้วย อย่างไรก็ตามจากการสังเกตการณ์พบว่ามีกลุ่มผู้ฉวยโอกาสดักรอผู้โดยสารระหว่างประตูขึ้นลงรถและชักชวนให้ใช้บริการรถแท็กซี่โดยมีการคิดค่าโดยสารเกินอัตรา หรือ เก็บเงินเพิ่มจากราคามิเตอร์

 

นอกจากนี้ ผู้จัดการออนไลน์รายงานด้วยว่าวานนี้ (16 เม.ย ) นายบัญญัติ จันทน์เสนะ รมช.มหาดไทย แถลงสถิติอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2550 "7 วันระวังอันตราย" ว่า วันที่ 15 เม.ย. มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น 585 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 37 คน บาดเจ็บ 650 คน สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุเกิดจากการเมาสุรา ร้อยละ 40.85 รองลงมา คือ ขับรถเร็วเกินกำหนด ร้อยละ 18.29 และขับรถตัดหน้ากระชั้นชิด ร้อยละ 10.43 ตามลำดับ ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 83.17รองลงมา รถปิกอัพ ร้อยละ 8.50 และรถยนต์นั่งส่วนบุคคล ร้อยละ 2.83 อุบัติเหตุส่วนใหญ่เกิดในช่วงทางตรงของถนนนอกเขตทางหลวงแผ่นดิน และช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด คือ ช่วงเย็นถึงค่ำเวลา 16.01 - 20.00 น.

 

จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ บุรีรัมย์ (4 คน) รองลงมา ได้แก่ ร้อยเอ็ด (3 คน) นครพนม สุรินทร์ ระยอง ชลบุรี อุบลราชธานี กาญจนบุรีและกรุงเทพมหานคร (จังหวัดละ 2 คน) จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิตของวันที่ 15 เม.ย. 50 มีจำนวน 51 จังหวัด จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ ขอนแก่น (25 คน) รองลงมา ได้แก่ สุรินทร์ (24 คน) เชียงราย (23 คน) จังหวัดที่ไม่มีผู้บาดเจ็บของวันที่ 15 เม.ย. 50 ได้แก่ สมุทรสาคร ยโสธร และระยอง จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ เชียงราย (22 ครั้ง) รองลงมาได้แก่ เชียงใหม่และเพชรบูรณ์ (19 ครั้ง) ขอนแก่น (18 ครั้ง) ตามลำดับ

 

จำนวนอุบัติเหตุสะสม 5 วัน (11-15 เม.ย. 2550) รวม 3,406 ครั้ง มากกว่าปี 2549 จำนวน 9 ครั้ง (เพิ่มขึ้น ร้อยละ 0.26) ผู้เสียชีวิตรวม 273 คน น้อยกว่าปี 2549 จำนวน 38 คน (ลดลงร้อยละ 12.22 ) ผู้บาดเจ็บ รวม 3,832 คน มากกว่าปี 2549 จำนวน 51 คน (เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.35)

      

นายบัญญัติ กล่าวด้วยว่าจากพยากรณ์อากาศของกรมอุตุนิยมวิทยาคาดว่า จะมีสภาพอากาศแปรปรวนอาจมีฝนตกกระจายในทุกภาค โดยเฉพาะพื้นที่จังหวัดตรัง พังงา ภูเก็ต กระบี่ และสตูล จึงขอให้ประชาชน รวมทั้งเจ้าหน้าที่ในพื้นที่เสี่ยงระมัดระวังอันตรายจากน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่ม สำหรับผู้ที่เดินทางไปท่องเที่ยวบริเวณน้ำตก ลำธาร ขอให้เพิ่มความระมัดระวังในการลงเล่นน้ำ หากเป็นไปได้ เพื่อความปลอดภัย ควรงดการท่องเที่ยวบริเวณน้ำตกในช่วงนี้ นอกจากนี้ ผู้ใช้รถใช้ถนน ให้เพิ่มความระมัดระวังในการขับขี่ยานพาหนะ เนื่องจากสภาพถนนที่เปียกลื่น รวมถึงเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานประจำจุดตรวจจุดบริการให้ตรวจตราความมั่นคงของเต็นท์จุดตรวจ รวมทั้งเตรียมการตัดกระแสไฟฟ้า เพื่อป้องกันการเกิดไฟฟ้าลัดวงจร หากเกิดผลกระทบจากพายุฤดูร้อน

 

 





ต่างประเทศ

 

ซาร์โกซียังนำเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศส

เดลินิวส์ - การเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศสซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 22 เม.ย. นี้ นายนิโคลาส ซาร์โกซี ผู้นำพรรคยูเนียน ฟอร์ เอ พ็อพพิวลาร์ มูฟเมนต์ (ยูเอ็มพี) พรรคเดียวกับนายณาคส์ ชีรัค ประธานาธิบดีฝรั่งเศสคนปัจจุบัน ยังคงมีคะแนนนิยมนำหน้าผู้สมัครรายอื่น จากการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนตั้งแต่เดือน ม.ค. เป็นต้นมา โดย 102 โพลจากทั้งหมด 104 โพล ตามด้วยนางซีโกลีน โรยาล แห่งพรรคสังคมนิยม นางฟรองซัวส์ เบอิรู นักการเมืองสายกลางและนายฌ็อง-มารี เลอ แปง หัวหน้าพรรคเนชั่นแนล ฟรอนท์ (เอฟเอ็น) ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายขวา

 

อย่างไรก็ตาม ราว 40% ของผู้ตอบคำถามยังไม่ตัดสินใจจะเลือกใคร บรรดานักวิเคราะห์กล่าวว่า ดุลความคิดเห็นอาจมีความผันแปรเกินกว่าที่ควรจะเป็น แต่ที่ควรจับตามองคือ ผู้สมัครรายใดจะได้คะแนนเป็นที่สอง ซึ่งจะต้องลงแข่งขันรอบที่สองรอบชี้ขาดกับซาร์โกซีในวันที่ 6 พ.ค. แม้ว่าโรยาลจะมีเค้าความเป็นไปได้มากที่สุด แต่คะแนนนิยมของเธอนำหน้าเบอิรูเพียงไม่กี่คะแนน ส่วน เลอ แปง ซึ่งมีคะแนนนิยมเป็นที่สี่ตามโพลสำรวจ กล่าวว่าเสียงสนับสนุนของตนถูกประเมินต่ำกว่าความเป็นจริง เนื่องจากกลุ่มผู้ลงคะแนนเสียงฝ่ายขวาจัดมักอำพรางความคิดเห็น เหมือนการเลือกตั้งเมื่อปี 2545 ซึ่ง เลอ แปง ทำให้โลกตะลึง เมื่อสามารถ เข้าไปเลือกตั้งรอบชี้ขาดกับ ฌาคส์ ชีรัค ผู้นำคนปัจจุบัน แม้ว่าโพลสำรวจก่อนหน้านั้นคะแนนนิยมของเขาจะตกเป็นรองนายไลโอเนล จอสแปง ตลอด

 

การเลือกตั้งครั้งนี้มีผู้สมัครแข่งขันรวมทั้งหมด 12 ราย เพื่อครองตำแหน่งสืบต่อจากประธานาธิบดีฌาคส์ ชีรัค วัย 74 ปี ระหว่างการหาเสียงผู้สมัครทุกคนเห็นพ้องกันว่า ระบบงานของประเทศผิดปกติ เศรษฐกิจตกต่ำจากสาเหตุหนี้สาธารณะจำนวนมหาศาล อัตราว่างงาน 8.5% รายได้อยู่ในเกณฑ์ต่ำ และประชาชนส่วนใหญ่ไม่พอใจต่อปัญหาผู้อพยพแถบชานเมือง ซึ่งก่อปัญหาจลาจลหลายครั้งในปี 2548

 

จับตาเสถียรภาพรัฐบาลอิรักหลังรัฐมนตรีกลุ่มซาดร์ถอน

เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ - นายนัสซาร์ อัล-รูเบอิ หัวหน้านักการเมืองกลุ่มซาดร์ ซึ่งมีรัฐมนตรีนั่งในรัฐบาลชุดปัจจุบันของอิรักรวม 6 คน เปิดเผยเมื่อวานนี้ (15 เม.ย.) ว่า รัฐมนตรีของกลุ่ม ซึ่งภักดีต่อนายมุกตาดา อัล-ซาดร์ แกนนำกลุ่มซึ่งมีแนวคิดรุนแรง จะถอนตัวจากรัฐบาลอิรัก แต่สมาชิกรัฐสภาซึ่งเป็นคนของกลุ่มอีก 30 คนจะอยู่ในตำแหน่งต่อไป

 

การถอนตัวของกลุ่มซาดร์มีขึ้นเพื่อประท้วงที่แกนนำของกลุ่มติดอาวุธมาห์ดีถูกจับกุม ระหว่างการกวาดล้างผู้ก่อเหตุรุนแรงครั้งใหญ่ของกองกำลังรักษาความมั่นคงในกรุงแบกแดด อีกทั้งเพื่อแสดงความผิดหวังต่อการที่รัฐบาลไม่สามารถกดดันให้สหรัฐกำหนดกรอบเวลาถอนทหารจากอิรัก

 

นักวิเคราะห์มองว่า การถอนตัวจะส่งผลกระทบรุนแรงกับรัฐบาลของนายกรัฐมนตรีนูริ อัล-มาลิกิ ที่พึ่งการสนับสนุนของผู้สนับสนุนกลุ่มซาดร์ในการดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศ ขณะนักวิเคราะห์จำนวนหนึ่งมองว่า อาจส่งผลให้ต้องยุบรัฐบาลชุดปัจจุบัน ซึ่งประสบปัญหาด้านการทำงานอยู่แล้ว โดยความเคลื่อนไหวนี้มีขึ้นในช่วง 2 เดือนแรกที่สหรัฐพยายามเปิดทางให้รัฐบาลอัล-มาลิกิมีอำนาจหน้าที่มากขึ้น เจ้าหน้าที่ ซึ่งเป็นแหล่งข่าวใกล้ชิดกลุ่มซาดร์เปิดเผยว่า สมาชิกกลุ่มในสภาอาจยื่นใบลาออกในเร็วๆ นี้ พร้อมส่งสัญญาณว่า เหตุรุนแรงอาจทวีความรุนแรงขึ้น

 

เกาหลีใต้อาจเลื่อนการส่งข้าวให้เกาหลีเหนือหลังเบี้ยวไม่ปิดนิวเคลียร์

กรมประชาสัมพันธ์ - หนังสือพิมพ์โชซัน อิลโบ รายงานว่า เกาหลีใต้อาจจะเลื่อนการส่งข้าวจำนวน 4 แสนตันไปให้แก่เกาหลีเหนือ หลังเกาหลีเหนือล้มเหลวที่จะปิดเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ตามกำหนดเส้นตายเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ภายใต้ข้อตกลงเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งรายงานระบุว่าการส่งข้าวไปให้แก่เกาหลีเหนืออาจล่าช้าไปจนกว่าเกาหลีเหนือจะดำเนินการดังกล่าวภายในวันเสาร์หน้า โดยเดิมนั้นเจ้าหน้าที่เกาหลีใต้วางแผนจะประกาศฟื้นฟูความช่วยเหลือด้วยการส่งข้าวไปให้เกาหลีเหนือในระหว่างการประชุมเศรษฐกิจเกาหลีที่จะเริ่มขึ้นในวันพรุ่งนี้ นอกจากนี้รายงานยังระบุด้วยว่า เกาหลีใต้ได้ยกเลิกการทำข้อตกลงเบื้องต้นเพื่อซื้อเชื้อเพลิงหนักจำนวน 50,000 ตันส่งไปให้แก่เกาหลีเหนือ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงแลกเปลี่ยนกับการให้เกาหลีเหนือปิดเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่รัฐบาลเกาหลีใต้ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นเกี่ยวกับรายงานนี้

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท