ดิก เชนีย์ (ซ้าย) - เอลเลียต เอเบริมส์ (ขวา)
โดย : อุทัยวรรณ เจริญวัย |
หลังรายงานชิ้นล่าสุด "The Redirection" ของ ซีมัวร์ เฮิร์ช เผยแพร่สู่สาธารณะตั้งแต่ปลายกุมภาพันธ์ ถึงแม้ว่าปฏิกิริยาตอบรับในซีกสื่อทางเลือกจะเป็นไปอย่างคึกคัก (ตามปกติ) แต่ในส่วนของสื่อเมนสตรีมหรือสื่อกระแสหลักในอเมริกากลับเย็นชาสะลึมสะลือเกินเหตุ
ร้อนถึงบรรณาธิการสื่อทางเลือกคุณภาพยอดเยี่ยม อย่าง ทอม เองเกิลฮาร์ต (Tom Engelhardt ) เห็นแล้วทนไม่ไหว จึงขอลุกขึ้นมาเปิดอภิปรายและตั้งคำถามแรงๆ กับท่าทีดังกล่าว
หลายคำถามที่เขาถาม ไม่ใช่กับพวกกระแสหลักในสื่อมวลชนเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงพวกกระแสหลักในสภาคองเกรสด้วย
ตั้งแต่มกราคมเป็นต้นมา อเมริกาเปิดแคมเปญเล่นงานอิหร่านอย่างหนักเรื่อง "เข้าไปยุ่ง" ในอิรัก โดยเฉพาะในการซัพพลายหรือสนับสนุนด้านอาวุธ มีการหยิบยกเรื่องระเบิดไออีดีรุ่นหลังๆ (แบบ Shaped Charge ที่มีอานุภาพรุนแรง สามารถเจาะเกราะสร้างความเสียหายให้กับทหารอเมริกาค่อนข้างสาหัส) มากล่าวหาอิหร่าน และแม้ว่าอเมริกาจะไม่มีหลักฐานที่น่าเชื่อถืออะไร และแม้ว่าความเสียหายของอเมริกาอันเนื่องมาจากโรดไซด์บอมบ์หรือระเบิดไออีดีที่ว่า จะมาจากฝ่ายต่อต้านซุนนีเป็นหลักก็ตาม (อดีตคนของซัดดัมมีความสามารถเกินพอที่จะทำระเบิดพวกนี้) - แต่เรื่องนี้ก็เป็นข่าวเด่นใหญ่โตที่ถูกโหมประโคมในอเมริกามาตลอด 1-2 เดือน
ตรงกันข้าม เรื่องราวชวนอึ้ง-ชวนตะลึง "ด้านลับของนโยบายอเมริกา" ที่เฮิร์ชเป็นคนเปิดประเด็น ไม่ว่าจะเป็น : การทุ่มทุนช่วยเหลือกลุ่มติดอาวุธซุนนีลัทธิสุดขั้ว (อารมณ์อัล-ไคดา) การกลับไปดำเนินนโยบายลับหลังคองเกรสแบบอิหร่าน-คอนทรา ตลอดจนการส่งทีมปฏิบัติการลับ "เข้าไปทำแสบ" ในอิหร่าน มาตั้งแต่ปี 2004 - กลับจมหายไปในความเงียบตายด้านปลุกไม่ตื่น
อิหร่าน "เข้าไปยุ่ง" ในอิรักเป็นข่าวใหญ่ แต่อเมริกา "เข้าไปทำแสบ" ในอิหร่าน ไม่นิยมเป็นข่าว
เกิดอะไรขึ้นกับคนพวกนั้น? (ซึ่งปกติ ก็ไม่สามารถคาดหวังอะไรได้มากอยู่แล้ว) หรือ "อาการทางจิต" ของพวกกระแสหลักจะกำเริบหนักข้อขึ้นทุกวัน?
ทอม เองเกิลฮาร์ต - บิ๊ก บก. ขวัญใจปัญญาชนซ้าย - ขออาสาวิเคราะห์ไล่เรียงเรื่องราวทั้งหมด ในเวอร์ชันเข้มๆ ข้นๆ แต่แอบคัน (นิดนึง) จาก The Seymour Hersh Mystery : A Journalist Writing Bloody Murder
And No One Notices, Tomdispatch, March 13, 2007 (ต้นฉบับมีลิงก์อ้างอิง, ข้อความในวงเล็บเป็นของเองเกิลฮาร์ต ยกเว้นวงเล็บตัวเอียงเป็นของผู้แปล) o
0 0 0
เรื่องลับ (สุดสยอง) ของซีมัวร์ เฮิร์ช :
เมื่อนักข่าวคนหนึ่งรายงานถึงการเข่นฆ่านองเลือด
และคนที่เหลือ...ดับไฟปิดหน้าต่าง
ทอม เองเกิลฮาร์ต
ไหนลองดูสิว่า...ผมเข้าใจถูกมั้ย?
ประมาณสัก 2 ปีที่แล้ว มีการพบปะกัน "อย่างไม่เป็นทางการ" เกิดขึ้นในหมู่ "พวกที่รอดตาย" จากคดีฉาวอิหร่าน-คอนทราในยุค 1980 มาได้ - แถมยังได้ดีมีตำแหน่งอยู่ในทีมบริหารของบุชซะด้วย - โดยงานนั้นมี เอลเลียต เอเบริมส์ ผู้ช่วยที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติ เป็นเจ้าภาพเรียกประชุม
สิ่งที่พวกนั้นตั้งวงถกกันก็คือ "บทเรียนที่ได้เรียนรู้" จากเรื่องราวอื้อฉาวในอดีต ดีลเถื่อนผิดกฎหมายและลึกลับซับซ้อนประมาณเขาวงกต ว่าด้วยเรื่องอาวุธแลกเงิน/เงินแลกอาวุธ ระหว่างอิสราเอล อิหร่าน ซาอุดิ กลุ่มกบฎคอนทราแห่งนิคารากัว และตัวละครอื่นๆ - ดีลเถื่อนนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเพื่อหาทางหลบเลี่ยงกฎหมายข้อที่เรียกว่า Boland Amendment (เสนอโดย "เอ็ดเวิร์ด โบแลนด์" ส.ส. เดโมแครต) ซึ่งถือเป็นความพยายามของสภาคองเกรส ในอันที่จะยับยั้งขัดขวางไม่ให้คณะผู้บริหารเรแกนให้ความช่วยเหลือกลุ่มกบฏคอนทราอีกต่อไป - และจากกรรมวิธีที่คิดค้นให้พ้นหูพ้นตาคองเกรสนี้เอง อดีตชาวคณะอิหร่าน-คอนทราสรุปได้ว่า ปฏิบัติการอันซับซ้อนยอกย้อนของพวกเขาประสบความสำเร็จ และน่าจะไปได้ไกลกว่านี้ ถ้ากันเอาซีไอเอและทหารออกไป ปล่อยให้เรื่องทั้งหมดเป็นธุระภายใต้ออฟฟิศของรองประธานาธิบดีอย่างเดียว
หลังจากนั้นต่อมา ผู้สมคบคิดบางส่วนก็เริ่มลงมือปฏิบัติการแบบเดิมๆ ด้วยความช่วยเหลือและเงินทองสนับสนุนจากคนกลุ่มเดิมๆ อย่างเช่น ซาอุดิอาระเบีย (และบางทีอาจจะรวมไปถึงอิสราเอลและอังกฤษ) ดำเนินการผ่านออฟฟิศของรองประธานาธิบดี โดยมีเป้าหมายเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบจากสภาและภาคสาธารณะใดๆ ทุกชนิด พวกนั้นได้กระโจนเข้าใส่ "บ่อรวมงบลับสารพัดแหล่ง" ซึ่งเป็นไปได้ว่า...จะรวมเอาส่วนที่ปล้นมาจากรายได้น้ำมันของอิรักเข้าไว้ด้วย มีหลักฐานว่าบางส่วนของเงินพวกนี้ รวมทั้งเงินของขาใหญ่ซาอุดิ ได้ไหลผ่านมือรัฐบาล ฟูอัด ซินยอรา - รัฐบาลเลบานอนที่ซุนนีคุมอยู่ - ไปสู่มือของซุนนีบางกลุ่มที่เข้าข่าย จิฮัดดิสต์ ("บางส่วนเป็นพวกเห็นใจอัล-ไคดา") และไปสู่บางกลุ่มที่เชื่อมโยงกับพวกฟันดะเมนทัลลิสต์อย่าง Muslim Brotherhood
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นและเป็นส่วนหนึ่งของ "การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่" ในนโยบายตะวันออกกลางของคณะผู้บริหารบุช มีเป้าหมายเพื่อจะระดมกำลังจากบรรดารัฐซุนนีที่ซี้ๆ กันไปต่อต้านฝ่ายชีอะต์อิหร่าน ตลอดจน เฮซบอลเลาะห์ ฮามาส และรัฐบาลซีเรีย-พันธมิตรของมัน และมีการเปิดฉากปฏิบัติการลับเพื่อบ่อนเซาะ ทำลายสมาชิกฝ่ายหลังตามมา - - ทั้งๆ ที่ข้อเท็จจริงมีอยู่ว่า ตามที่รับรู้กันเป็นทางการ คณะผู้บริหารบุชกำลังทำสงครามอยู่กับฝ่ายซุนนีลัทธิสุดขั้วในอิรัก (หรือ ในสงครามต่อต้านการร้ายระดับโลก - โดยภาพรวม) ทั้งๆ ที่มันประกาศตัวให้การสนับสนุนรัฐบาลชีอะต์ในอิรัก ทั้งๆ ที่มันบอกว่าไม่ชอบสงครามกลางเมืองซุนนี-ชีอะต์ในอิรัก - - ทั้งๆ อะไรสารพัดที่มันแสดงออกมานี้ ในทางลับ บางส่วนของคณะผู้บริหารกลับแอบสุมไฟสร้างความแตกแยกซุนนี-ชีอะต์ให้ขยายวงเพิ่มขึ้นในภูมิภาค
ลองคิดดูสิว่า...เรื่องทั้งหมดนี้ และอีกมาก (ทั้งเรื่องกองทัพอเมริการุกข้ามพรมแดนไปปฏิบัติการในอิหร่าน เรื่องแผนโจมตีอิหร่านที่พร้อมใน 24 ชั่วโมงหลังคำสั่งของประธานาธิบดี และเรื่องที่เรือบรรทุกเครื่องบินถึง 4 ลำจะโคจรมาเจอกันที่อ่าวเปอร์เซีย ช่วงหนึ่งในฤดูใบไม้ผลิ ฯลฯ ) ล้วนเป็นเรื่องที่ได้รับการเปิดโปง ด้วยรายละเอียดที่น่าทึ่ง-น่าตื่นตะลึงไม่เหมือนใคร ในรายงานของ ซีมัวร์ เฮิร์ช ชิ้นใหม่ - "The Redirection" ซึ่งตีพิมพ์อยู่ในนิตยสารนิวยอร์คเกอร์ เมื่อเร็วๆ นี้ เฮิร์ช...นักข่าวคนแรกที่นำเอาเรื่องฉาว "การสังหารหมู่ที่มีลาย" ในยุคสงครามเวียดนามมาตีแผ่เปิดประเด็น และหลังจากนั้นเขาก็ไม่เคยเสื่อมถอยรามือไปจากแนวถนัดนี้เลย ไม่กี่ปีที่แล้ว นับจากคดีฉาว "อาบูกราอิบ" เฮิร์ชยังคงเดินหน้าปล่อยหมัดเด็ด รายงานข่าวที่จุดประเด็นร้อนแรงเกี่ยวกับแผนการและความเคลื่อนไหวของคณะผู้บริหารบุชมาตลอด
แต่อนิจจา เอาเข้าจริง ทั้งหมดที่ผมสามารถพูดได้ตอนนี้ก็คือว่า...แม้แต่ข้อเดียวของลิสต์ข้างบนที่กล่าวมา ผมก็ยังมองไม่เห็นเลยว่ามันกำลังจะเกิดขึ้น
จนถึงตอนนี้ เท่าที่มองเห็น ยังไม่มีใครสักคนในแวดวงกระแสหลัก ที่จะอุทิศเวลาสักกะแว้บเดียวเพื่อมองเรื่องทั้งหมดนี้ในมุมอิหร่าน-คอนทรา รวมทั้งความน่าจะเป็นที่ว่า...มีการลักลอบดำเนินการปฏิบัติการลับขนาดมโหฬาร และมีความเป็นไปได้ว่าผิดกฎหมาย โดยใช้งบดำเนินการที่ขโมยมาจากแหล่งอื่นและเงินของซาอุดิ ผ่านทีมงานหรือสำนักงานของเชนีย์ - - คุณอาจจะพบว่ามีการพูดถึงรายงานชิ้นนี้ของเฮิร์ชอยู่บ้างเหมือนกันในสื่อไม่มากรายนัก แต่ทั้งหมดก็เป็นการโฟกัสไปที่การเตรียมพร้อมของอเมริกาเพื่อทำสงครามกับอิหร่าน หรืออาจจะมีเอเจนซีข่าวบางรายพาดพิงไว้สั้นๆ แต่โดยสรุปก็คือ ไม่มีอะไรใหญ่ ไม่มีอะไรแบบแผ่นดินไหว ไม่มีอะไรทำให้ประชาชนตาลุก
ว่าที่จริงแล้ว ไม่มีแม้แต่บทบรรณาธิการหรือบทความของนักวิจารณ์ที่เล่นเรื่องนี้ชัดๆ แม้แต่ชิ้นเดียวในสื่อกระแสหลัก ไม่มีการตั้งคำถามอย่างที่นักวารสารศาสตร์ควรจะถามต่อคณะผู้บริหาร ไม่มีเสียงโวยวายทักท้วงจากสภาคองเกรสถึงประเด็นที่ชวนให้หวาดผวา ไม่มีเสียงเรียกร้องจากที่ไหนทั้งสิ้นให้มีการสืบสวนหรือไต่สวนเรื่องหนึ่งเรื่องใดที่เฮิร์ชได้เปิดโปงไว้ ไม่มีแม้แต่การแสดงความกลัวออกมาสักนิดเดียวว่า เราอาจจะได้เจอกับอิหร่าน-คอนทรา "ภาคต่อมา" ในชั่วขณะปัจจุบันของเรา
ยิ่งกว่านั้น เขายังรายงานว่า "มีการจัดตั้งทีมงานพิเศษขึ้นมาในสำนักงานของ หัวหน้าเสนาธิการทหารร่วม เพื่อทำหน้าที่วางแผนเตรียมพร้อมสำหรับการบอมบ์อิหร่าน แผนเผชิญเหตุที่ว่านี้ จะเป็นแผนพร้อมปฏิบัติการทันทีภายใน 24 ชั่วโมงหลังจากประธานาธิบดีมีคำสั่งออกมา" และ "การมอบหมายงานใหม่" นี้ ไม่เพียงแต่เป็นเรื่องของการกำหนดเป้าหมายโจมตีที่เกี่ยวข้องกับโรงงานนิวเคลียร์หรือการโค่นล้มระบอบปกครองเดิมเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึง "เป้าโจมตีในอิหร่านที่เกี่ยวข้องกับการซัพพลายอาวุธยุทโธปกรณ์หรือให้ความช่วยเหลือกลุ่มต่างๆ ที่ต่อสู้อยู่ในอิรักไปด้วย"
และแม้แต่ ลองสมมุติว่าในงานชิ้นล่าสุดของเฮิร์ชจะไม่มีการนำเสนอประเด็นอื่นใดในโลกอีกแล้ว มีแค่ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ มันก็ยังถือว่าเป็นข่าวสำคัญอยู่ดี - - ถ้าพวกเราทั้งหลายจะไม่ได้บังเอิญเกิดมาอาศัยอยู่บน "ดาวเคราะห์อภิมหาจักรวรรดิแบบทางเดียว" แห่งนี้ ณ ที่ซึ่ง "การแทรกแซง" ของอิหร่านที่มีต่อกิจการในอิรัก สามารถสร้างความโกรธแค้นฟูมฟายใหญ่โตอย่างมาก ขณะที่เรื่องปฏิบัติการลับของอเมริกาในอิหร่าน ตลอดจนการวางแผนทางทหารเพื่อถล่มอิหร่าน กลับกลายเป็นประเด็นอะไรสักอย่าง...ที่มีไว้สำหรับส่งเสียงงึมงำตามมาก็เท่านั้น
โดยทั่วไป ผู้ผลิตและเผยแพร่ข่าวกระแสหลักของเรา ไม่ได้คิดว่า "การแทรกแซง" ของอเมริกาในอิหร่าน จะมีค่ามากมายพอจะที่รายงาน เหล่าบัณฑิตผู้รู้ของเรา ก็ไม่เห็นว่าหัวข้อดังกล่าวจะมีค่าพอสำหรับการใช้ปัญญาเพ่งพิจารณาหรือคาดการณ์ใดๆ และเช่นกัน ในสภาคองเกรส ที่ซึ่งเดโมแครตระดับหัวแถวมักจะคอยเลี่ยงๆ หลบๆ ให้กับท่าทีแบบสายเหยี่ยวของคณะผู้บริหารบุชที่มีต่ออิหร่านเป็นประจำ ประเด็น "การแทรกแซง" อิหร่าน ก็ไม่น่าจะอยู่ในความสนใจของพวกเขามากนัก
แต่ไกลออกไปในส่วนอื่นของโลก คุณสามารถหาอ่านเรื่องปฏิบัติการลับของอเมริกาที่เขาร่ำลือกันได้ (เอเชียไทมส์) อย่างเช่น มีการดำเนินการมาจากข้างในปากีสถานและอัฟกานิสถาน จุดมุ่งหมายเพื่อสร้างกระแสความปั่นป่วนพุ่งพล่านไม่พอใจรัฐบาลขึ้นในหมู่ชนกลุ่มน้อยของอิหร่าน อย่างในหมู่บาลูชี เป็นต้น นอกจากนั้น ยังมีรายงานเช่นกัน (บีบีซี) เกี่ยวกับปฏิบัติการที่อาจมีขึ้นเพื่อสร้างความขัดแย้งในหมู่ชนกลุ่มน้อยของอิหร่านที่เป็นชาวอาหรับ ทางตอนใต้อิหร่านด้านที่ติดกับพรมแดนอิรัก ซึ่งกรณีหลัง อิหร่านดูเหมือนจะตำหนิอังกฤษซึ่งมีทหารอยู่แถวๆ นั้นว่าเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ - - แต่เรื่องทั้งหมด ก็ไม่ใช่ประเด็นที่จะได้รับความสนใจอะไรมากมายที่นี่อยู่ดี
ใครจะไปรู้ว่า เงินทุน การฝึก และอุปกรณ์สำหรับการวางระเบิดในอิหร่านนั้น มาจากไหน - - แต่ในช่วงเวลาที่ข้อกล่าวหาว่าอิหร่านคอยจัดส่งระเบิดให้อิรัก สามารถสร้างความโกรธแค้นไม่พอใจขึ้นมาได้ เรื่องที่เรากำลังพูดอยู่นี้จึงเป็นหัวข้อที่มีความหมายและสัมพันธ์กับสถานการณ์โดยตรง
แต่ก็นั่นแหละ สำหรับประเทศนี้ มันเป็นสิ่งที่เห็นชัดมาก ว่าอิหร่านไม่มีสิทธิใดๆ เลยที่จะส่งคนของมัน ทั้งแบบเปิดเผยและปิดลับ มายังอิรักซึ่งมีพรมแดนอยู่ติดกัน และเป็นประเทศซึ่งย้อนไปในยุค 1980 ได้ใช้กำลังเข้ารุกรานอิหร่านและต่อสู้กันมาอย่างขมขื่นยาวนานถึง 8 ปี ส่งผลให้เกิดความบาดเจ็บล้มตายตามมามหาศาล และอาจจะถึงหลักล้านด้วยซ้ำ - - ตรงกันข้าม มันกลับเป็นพฤติกรรมปกติที่ยอมรับได้ สำหรับเพนตากอนที่จะเดินทางไปครึ่งโลก เข้ายึดอำนาจเหนือกองทัพอิรัก เข้าควบคุมอิรักจากฐานทัพถาวรขนาดใหญ่ สร้างสถานทูตที่มหึมาที่สุดในโลกขึ้นในแบกแดด และส่งทีมปฏิบัติการลับ (ซึ่งไม่ต้องสงสัยว่าซีไอเอก็ร่วมด้วย) ข้ามพรมแดนไปยังอิหร่าน หรืออาจจะส่งเข้าไปเพื่อให้ปฏิบัติการ "ลาดตระเวนหาข้อมูล" ให้ หรืออาจจะมีการปลุกระดมให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในหมู่ชนกลุ่มน้อยร่วมด้วยก็ได้ - - - และทั้งหมดนี้ก็ไม่ใช่อะไร นอกจาก...คำนิยามของโลกทัศน์แบบจักรวรรดินิยมนั่นเอง
จากอิหร่าน เราจะมาดูอีกสองเรื่องเด่นๆ ใน "The Redirection" ซึ่งเป็นเรื่องที่ควรจะทำให้อเมริกาต้องยกธงแดงและกดปุ่มเตือนภัยซะยิ่งกว่า
1. อิหร่าน-คอนทรา กลับมาอีกครั้ง (Iran-Contra Redux) : มันไม่ได้ทำให้ใครเลิกคิ้วมั่งเลยรึไง ที่การชุมนุมศิษย์เก่าครั้งนั้น มีโต้โผใหญ่ชื่อ เอลเลียต เอเบริมส์ (ซึ่งในยุคอิหร่าน-คอนทรา ถูกตัดสินว่ามีความผิด 2 กระทง ฐานพยายามปิดบังข้อมูลข่าวสารจากคองเกรส และภายหลังได้รับอภัยโทษ) ไม่มีใครอยากจะเช็คและคอนเฟิร์มมั่งหรือว่ามีการพบปะแบบที่ว่าเกิดขึ้น? ไม่มีใครอยากรู้ว่ามีใครร่วมประชุมบ้าง? ศิษย์เก่าอิหร่าน-คอนทรา ที่มีตำแหน่งอยู่ในคณะผู้บริหารบุชขณะนี้หรือภายในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา ที่เด่นๆ นอกจากเอเบริมส์ ยังมี จอห์น พอยน์เดกซเตอร์ (John Poindexter) ออตโต ไรช์ (Otto Reich) จอห์น เนโกรพอนเต (John Negroponte) รอเจอร์ นอริเอกา (Roger Noriega) และ รอเบิร์ต เกตส์
มีประธานาธิบดีหรือรองประธานาธิบดีมาร่วมด้วยมั้ย? หรือหนึ่งในสองคนนี้ ได้รับรู้อะไรเกี่ยวกับ "บทเรียนที่เป็นข้อสรุปร่วมกัน" บ้างหรือเปล่า? งานนี้...มีมือขวาของรองประธานาธิบดีดิก เชนีย์ อย่าง ไอ. ลูว์อิส ลิบบี (I. Lewis Libby) (1) และ/หรือ เดวิด แอดดิงตัน (David Addington) เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยรึเปล่า - ไม่ว่าจะในรูปแบบไหนก็เถอะ? ใครจะไปรู้?
ในคดีฉาว อิหร่าน-คอนทรา คณะผู้บริหารเรแกนได้สร้างสรรค์เครือข่ายชนิดหนึ่งขึ้นมาทำงานร่วมกัน คอลเลคชันเถื่อนสุด-เยินสุด-เห่ยสุด ที่ว่านี้ประกอบด้วย นักค้าอาวุธไร้สังกัด เจ้าหน้าที่ข่าวกรองของรัฐ พันธมิตรจี๋จ๋าของอเมริกา และศัตรูชนิดตัดขาดไม่นับญาติ (อิหร่านภายใต้อยาตอลลาห์ โคไมนี) และสิ่งที่เกิดขึ้นตามมา ก็เป็นได้แค่ "ชั่วโมงของมือสมัครเล่น" สำหรับทำเนียบขาวยุคนั้น แต่วันนี้ มันดูเหมือนว่า คณะผู้บริหารบุชกำลังเดินหน้าไปสู่เส้นทางสายเดิมๆ อีกแล้ว ยิ่งเมื่อพิจารณาถึงเครดิตที่ผ่านๆ มาของคณะผู้บริหารประกอบ ลองจินตนาการดูว่า เรื่องพวกนี้มันจะมีความหมายแค่ไหน
2. จีฮัดดิสต์ ในฐานะตัวแทนอเมริกา : การใช้จิฮัดดิสต์เป็นตัวแทนอเมริกาในการต่อต้านอิหร่าน ด้วยความช่วยเหลือจากซาอุดิ เรื่องแบบนี้...น่าจะทำปฏิกิริยากับต่อมความทรงจำของอเมริกันชนได้บ้าง ในฐานะการกลับมาของอีกพล็อตคุ้นๆ อีกโมเมนต์ซ้ำๆ
ในยุค 1980 - บนทฤษฎีที่ว่า ศัตรูของศัตรูคือเพื่อน - วิลเลียม เคซีย์ ผู้อำนวยการซีไอเอที่เป็นคริสเตียนเคร่งคัมภีร์หรือ "แคธอลิก ฟันดะเมนทัลลิสต์" ได้เกิดความคิดความเชื่อขึ้นมาว่า พวกอิสลามฟันดะเมนทัลลิสต์มีคุณสมบัติสามารถพอที่จะเป็นพันธมิตรใกล้ชิด แนบแน่น ไว้ใจได้ ของอเมริกาในการต่อสู้สร้างความถดถอยให้กับโซเวียต ด้วยเหตุนี้ ในอัฟกานิสถาน ซีไอเอ ด้วยการหนุนหลังของราชวงศ์แห่งซาอุดิ-ตัวแทนซุนนีสาขาลัทธิสุดขั้ว จึงพร้อมใจกันอุ้มชู อุดหนุน ทุ่มทุนให้กับมูจาฮีดีนกลุ่มที่สุดขั้วมากที่สุด เพื่อให้ทำสงครามตัวแทนกับโซเวียตให้
แล้วสุดท้าย ผลลัพธ์ที่ตามมาของเรื่องนี้เป็นไง มีใครบ้างที่จะลืมมันได้? แต่แล้วล่าสุด ตามที่เฮิร์ชรายงาน ซาอุดิได้ให้ความมั่นใจกับเจ้าหน้าที่คนสำคัญของฝ่ายบริหารว่า เขาคุมพวกจิฮัดดิสต์ที่ได้รับเงินหว่าน-เงินไหล (เป็นทอดๆ) พวกนั้นได้ ไม่มีปัญหาอะไร - - อือม์ ถ้าคุณสามารถเชื่อเรื่องแบบนี้ได้...คุณก็สามารถเชื่อได้ทุกเรื่องในโลกน่ะแหละ
3. คองเกรสในความมืด : เฮิร์ชอ้างว่า ด้วยความช่วยเหลือจากที่ปรึกษาด้านความมั่นคงซาอุดิ เจ้าชายบันดาร์ บิน สุลตาน (มิตรในครัวเรือนของบุช และ "สหายร่วมรบ" ซี้ปึ้กของเชนีย์) ผู้ปฏิบัติงานทั้งหลายภายใต้โปรแกรมลับจากออฟฟิศเชนีย์ ได้ร่วมกันจัดการสิ่งต่างๆ แบบพลิกแพลงออกนอกเส้นทาง ชนิดที่คองเกรสไม่สามารถเอื้อมมือมาตรวจสอบได้ง่ายๆ ส่งผลให้สถาบันตรวจสอบแห่งนี้ต้องตกอยู่ "ในความมืด" ฉบับสมบูรณ์ไปแล้ว และนั่นก็ดูเหมือนจะเป็นที่ที่คองเกรสต้องการจะอยู่มาตลอด 6 ปี จนถึงทุกวันนี้ มันก็ยังเป็นจริงตามนั้นอยู่ใช่มั้ย? อาการตายด้านไร้ปฏิกิริยาของคองเกรสที่มีต่อบทความเฮิร์ช ไม่ชวนให้คิดอะไรในแง่บวกได้เลยจริงๆ
โดยสรุป ถ้าสิ่งที่เฮิร์ชพูดพอจะยึดถือตามนั้นได้ (ซึ่งในฐานะที่เขาเป็นนักวารสารศาสตร์คนสำคัญที่มีบทบาทโดดเด่นมาตลอดเกือบ 40 ปี แน่นอนว่า เขาสมควรจะได้รับความสนใจจริงจังและสังคมควรจะให้ความสำคัญกับสิ่งที่เขาพูด) ดูเหมือนว่าขณะนี้ คณะผู้บริหารบุชกำลังจะทำความผิดร้ายแรงที่สุดซ้ำรอยเดียวกับคณะผู้บริหารเรแกน และ เป็นความผิดซ้ำในเรื่องสงครามต่อต้านโซเวียตในอัฟกานิสถาน ซึ่งได้นำไปสู่เหตุการณ์ที่เป็นผลลัพธ์แบบไม่ตั้งใจหรือ "blowback" (2) ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของเรามาแล้ว โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาถึงสิ่งต่างๆ ที่คณะผู้บริหารบุชได้ทำมา อเมริกันชนทั้งหลายควรจะนอนคิดวิตกจริตกันทั้งคืนว่า ทั้งหมดนี้ จะมีความหมายว่าอย่างไรในตอนนี้ รวมทั้งจะมีความหมายอย่างไรในตอนต่อๆ ไปด้วย
สำหรับสมาชิกคองเกรส สื่อมวลชน ตลอดจนคนอเมริกันเดินดินทั่วๆ ไป รายงานชิ้นนี้ของเฮิร์ชไม่ควรจะเป็นแค่การส่งเสียงตามสายมาปลุกให้เราตื่นธรรมดาๆ แต่มันควรจะเป็นการตะโกนดังๆ ให้เราหยิบ "คาเฟอีนเม็ด" (NoDoz) เข้าปาก และไม่ต้องหลับต้องนอนกันตลอดทั้งคืนต่างหาก
ในสมัยที่ผมยังเด็ก มีหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งของฟิลาเดลเฟียชอบลงโฆษณาตัวเองด้วยภาพการ์ตูนเป็นประจำ ในโฆษณาพวกนั้น เราจะเห็นคนที่น่าสงสารกำลังตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายบางอย่าง เป็นต้นว่า กำลังจะหล่นจากตึกสูงแต่เอามือเกาะชั้นที่ยื่นออกมาเอาไว้สุดแรง คนๆ นั้นกำลังกรีดร้องขอความช่วยเหลือ ขณะที่กลุ่มคนเดินถนนข้างล่างต่างก็ไม่มีใครสนใจหรือแหงนหน้าขึ้นไปมอง เพราะทั้งหมดกำลังใจจรดใจจ่ออยู่กับข่าวในหนังสือพิมพ์ฉบับที่ว่า - - แต่วันนี้ สิ่งที่เรามีกลับเป็นสถานการณ์ตรงกันข้าม นักข่าวคนหนึ่งซึ่งรายงานข่าวที่มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการเข่นฆ่านองเลือด กับกลุ่มคนเดินถนนซึ่งเป็นคนที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลและสื่อมวลชนกลุ่มใหญ่ เพียงแต่ในกรณีนี้ ไม่มีใครสักคนที่อยู่ในกระแสหลักจะแสดงความสนใจใยดีต่อข่าวชิ้นดังกล่าวออกมาแม้แต่นิดเดียว อย่างน้อยก็ยังไม่มี มันเหมือนกับว่า ตอนนี้มีอาชญากรรมกำลังเกิดขึ้นและทุกคนก็กำลังปล่อยให้มันเกิดขึ้น...........
ได้โปรดกรุณาคิดถึง เรื่องของ คิตตี เจนโนวีส (Kitty Genovese) ในสเกลใหญ่ยักษ์ o
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)