Skip to main content
sharethis






การเมือง


"สนธิ"เชื่อ คตส.ไม่ถอดใจหลังมีข่าวส่อสาวไม่ถึงทักษิณ


เว็บไซต์คมชัดลึก - พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) เริ่มถอดใจ เนื่องจากไม่สามารถหาหลักฐานเอาผิดกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ว่า ยังไม่ทราบรายละเอียด แต่เชื่อว่าคงไม่ถอดใจ


ด้านพรรคไทนรักไทย โดยนายสุทิน คลังแสง รองโฆษกพรรคไทยรักไทย กล่าวว่า ในวันที่ 9 มีนาคมนี้ คณะทำงานด้านการเมืองของพรรคจะไปยื่นหนังสือให้ ป.ป.ช. และ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นประสานงานกับสำนักนายกฯ และ ป.ป.ช.ว่าจะรับหนังสือได้เวลาใด ซึ่งการยื่นหนังสือก็เพื่อให้นายกฯ ตรวจสอบการไปดูงานของบอร์ด ทอท.ทั้งคณะ ว่ามีความถูกต้องเหมาะสมเพียงใด นอกจากนี้ยังขอให้มีการตรวจสอบการทำหน้าที่ และการใช้งบประมาณขององค์กรต่างๆ ที่ตั้งขึ้นมาหลังการรัฐประหาร คือ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ว่าถูกต้องหรือไม่อย่างไร เพราะพรรคได้พบข้อมูลความผิดปกติในการดำเนินการใช้งบ และยังเห็นว่าการใช้งบในหลายองค์กร ขาดความเหมาะสมถูกต้อง ขัดกับนโยบายรัฐบาลที่อ้างว่ามีคุณธรรมและต้องการปราบคอรัปชั่น เราจึงเรียกร้องให้นายกฯ พิสูจน์ว่าจะสามารถทำตามที่ประกาศได้หรือไม่


ทรท.ดิ้นดึงแม้วสู้คดียุบค้านศาลห้ามอัยการซัก


ผู้จัดการรายวัน -ที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ คณะตุลาการรัฐธรรมนูญ ออกนั่งบัลลังก์พิจารณาคำร้องของอัยการสูงสุดที่ขอให้พิจารณายุบพรรคประชาธิปัตย์และพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า ในความผิดตามพ.ร.บ.พรรคการเมือง มาตรา 66 (2)และ(3) โดยเป็นการไต่สวนนัดที่ 8 และเป็นการไต่สวนพยานฝ่ายผู้ถูกร้องเป็นนัดแรก โดยทางพรรคประชาธิปัตย์ ยื่นบัญชีพยาน 3 ปาก ประกอบด้วยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรค และนายบัณฑิต ศิริพันธุ์ ทนายความของพรรค


ทั้งนี้ในการไต่สวนนายอภิสิทธิ์นั้น นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรค ในฐานะหัวหน้าคณะกฎหมายสู้คดียุบพรรค เป็นผู้ซักถาม นายอภิสิทธิ์ด้วยตัวเอง โดยได้สอบถามถึงประเด็นข้อกล่าวหาต่างๆ ทั้งในเรื่องการโจมตีระบบทักษิณ การไม่ส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้ง และการรณรงค์ให้ประชาชนทำเครื่องหมายกากบาทลงในช่องไม่ประสงค์ลงคะแนน



นายอภิสิทธิ์ ชี้แจงว่า การกล่าวหาระบบทักษิณนั้น คำว่าระบบทักษิณ เป็นคำที่นักวิชาการใช้เรียกการปกครองในช่วงที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยมีพฤติกรรมที่เป็นอันตรายต่อระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข และมีการดำเนินการที่ส่อไปในทางที่ขัดต่อเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ซึ่งตนและพรรคประชาธิปัตย์ไม่ใช่เพิ่งโต้แย้งหรือกล่าวอ้างถึงการบริหารงาน ในรูปแบบนี้ของรัฐบาลทักษิณในช่วงการเลือกตั้ง 2 เม.ย. 49 เท่านั้น แต่ได้ท้วงติงมา ตลอดตั้งแต่ปี 2544 ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการแก้ปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือการปราบปรามยาเสพติด แม้ว่าในขณะนั้นจะมีกระแสสังคมต่อต้าน แต่พรรคเองก็ดำเนินการตามจุดยืนที่จะต้องให้ความจริงต่อประชาชน


นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การที่พรรคประชาธิปัตย์ไม่ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งในวันที่ 2 เม.ย. 2549 ก็เพราะพฤติกรรมของพ.ต.ท.ทักษิณที่ยุบสภาก็เพื่อหนีปัญหาการ ตรวจสอบเกี่ยวกับการซื้อขายหุ้นชินคอร์ป โดยเรามองแล้วว่าการเลือกตั้งไม่ใช่การ แก้ปัญหา และอาจจะกลายเป็นเครื่องมือของการละเมิดเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ แต่ในสถานะของพรรคการเมืองในระบอบประชาธิปไตย มีความเชื่อมั่นว่าการเลือกตั้งจะต้องบริสุทธิ์ ยุติธรรม จึงให้สมาชิกตรวจสอบเกี่ยวกับความสุจริตในการเลือกตั้ง ตามหน้าที่ของปวงชนชาวไทย ซึ่งทาง กกต.เองก็อนุญาต พรรคจึงเข้าไปตรวจสอบ เช่นเรื่องฐานสมาชิกพรรค


v

ย่างไรก็ตามพรรคไม่เคยมีเจตนาจะล้มการเลือกตั้ง โดยในเวทีปราศรัยของ พรรคได้ย้ำตลอดว่าประชาชนควรไปเลือกตั้ง แต่การจะเลือกใครหรือทำเครื่องหมาย ในช่องไม่ลงคะแนนก็เป็นสิทธิเสรีภาพของบุคคลนั้น จึงไม่เข้าใจว่ามีความผิดอย่างไร

ส่วนข้อกล่าวหว่าว่าพรรคประชาธิปัตย์พยายามขัดขวางการเลือกตั้งเพื่อไม่ให้ มีส.ส.ในสภาครบ 500 คน ทั้งในพื้นที่จ.ตรัง และจ.สงขลานั้น ขอยืนยันว่า พรรคไม่เคยมีความคิดเช่นนั้น และไม่เกิดประโยชน์ใดๆ เพราะข้อเท็จจริงขณะนั้น นพ.เปรมศักดิ์ เพียรยุระ ผู้สมัครระบบบัญชีรายชื่อของพรรคไทยรักไทย ได้ลาออก ไปบรรพชา ทำให้ขาดคุณสมบัติการเป็นผู้สมัคร ส่งผลให้ไม่มีทางที่จะได้ ส.ส.ครบ 500 คนอยู่แล้ว จึงไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่พรรคจะขัดขวางการเลือกตั้ง


นายสุเทพ ให้การ ในประเด็นถูกกล่าวหาว่าพรรครู้เห็นกับการส่งผู้ไม่มีสิทธิ สมัคร ลงสมัครที่จ.ตรังว่า การที่พาผู้สมัครพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า มาแถลง ที่พรรคประชาธิปัตย์นั้น ไม่ได้มีเจตนาเพื่อให้ใส่ร้ายพรรคไทยรักไทย แต่เพราะผู้สมัครมาขอความช่วยเหลือหลังรู้ว่าตัวเองไม่มีสิทธิสมัคร การที่ให้แถลงข่าวเพราะรู้ดีกว่าคนที่จบปริญญาตรีก็หลงผิดได้ จึงอยากให้เป็นตัวอย่างกับคนอื่นที่อาจจะหลงผิด และอาจจะกระทำการผิดเช่นเดียวกันทั้ง 3 คน ส่วนที่กล่าวหาว่าตนได้ว่า จ้างนายไทกร พลสุวรรณ ไปจ้างพรรคเล็กใส่ร้ายนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ก็ไม่เป็นความจริง


นายบัณฑิต ศิริพันธุ์ ทนายความพรรคประชาธิปัตย์ ให้การในประเด็นกล่าวหา นายพชร ยุติธรรมดำรง อัยการสูงสุด รับใช้ระบอบทักษิณ โดยนายบัณฑิตระบุว่า เพราะการคัดเลือกอัยการสูงสุดคนนี้ มีคนที่เป็นเครือข่ายของพ.ต.ท.ทักษิณ ร่วมเป็นคณะกรรมการอัยการอยู่ด้วย โดยนายพิมล รัฐปัตย์ ประธานคณะกรรมการ กอ.ก็เป็นที่ปรึกษาใน บริษัท ชินคอร์ป นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ น้องเขย พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งในวันที่มีการลงมติเลือกนายพชร เป็นอัยการสูงสุดนั้นเป็นที่วิพากษ์ วิจารณ์ในหมู่อัยการและสื่อมวลชน แม้การคัดเลือกจะมีการเสนอชื่อรองอัยการที่เหมาะสมหลายคนแต่ก็เป็นการเสนอในหลักการเท่านั้น เพราะข้อเท็จจริงการคัดเลือกมีธง อยู่ในใจ โดยดูได้จากผลของการคัดเลือก


รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อวันที่ 7 มี.ค.ที่ผ่านมา ทีมกฎหมายของพรรคไทยรักไทย ได้ยื่นหนังสือคัดค้านคำสั่งของตุลาการรัฐธรรมนูญ ที่ไม่อนุญาตให้นำ พ.ต.ท.ทักษิณ มาให้การต่อศาล เนื่องจากทีมงานด้านกฎหมายเห็นว่าเมื่อทางอัยการสูงสุดทำหนังสือคัดค้านคำให้การ พ.ต.ท.ทักษิณมาแล้ว หากไม่มีการซักค้านในประเด็นที่คัดค้าน จะทำให้คำให้การของ พ.ต.ท.ทักษิณขาดความน่าเชื่อถือ และมีผลต่อดุลพินิจ ของตุลาการ อย่างไรก็ตามคณะตุลาการยังไม่มีคำสั่งในเรื่องดังกล่าวแต่อย่างใด


"ดร.เสรี"ไขก๊อกพ้นวอร์รูมรัฐบาล เหตุเสนองานแล้วถูกบิดเบือน


กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

- ดร.เสรี วงศ์มณฑา หนึ่งในคณะกรรมการประชาสัมพันธ์ในภาวะวิกฤตและประชาสัมพันธ์เชิงรุก ได้ตัดสินใจลาออกจากคณะกรรมการชุดดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

แหล่งข่าวในคณะกรรมการประชาสัมพันธ์ของรัฐฯ เปิดเผยว่า ดร.เสรี รู้สึกอึดอัดใจกับการทำงานตลอด 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากเมื่อเสนอโปรเจกอะไรไปก็ไม่เคยผ่านความเห็นชอบจากประธานคณะกรรมการฯ หรือไม่งานที่เสนอไปมักจะถูกดัดแปลงไปในด้านที่เกิดผลเสียต่อรัฐบาล จึงทำให้ดร.เสรี ลำบากใจกับการทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย



" ดร.เสรีได้ยื่นใบลาออกต่อนายธีรภัทธ์ เสรีรังสรรค์ ประธานคณะกรรมการชุดนี้นานแล้ว แต่กลับถูกยับยั้งไว้ ล่าสุดดร.เสรีได้เดินทางไปพบกับนายกรัฐมนตรีที่ทำเนียบรัฐบาลกับนายธีรภัทธ์ เพื่อเสนอแผนการประชาสัมพันธ์ผลงานรัฐบาลด้วยความเกรงใจ ก่อนที่ตัดสินใจเด็ดขาดว่าจะวางมือจากงานนี้อย่างแน่นอน" แหล่งข่าวที่ใกล้ชิดดร.เสรีระบุ


คณะกรรมการประชาสัมพันธ์ในภาวะวิกฤตและประชาสัมพันธ์เชิงรุกหรือที่เรียกกันติดปากว่า "วอร์รูมรัฐบาล" ถูกจัดตั้งขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือรัฐบาลภายใต้การนำของพล.อ.สุรยุทธ์ ในด้านการประชาสัมพันธ์ผลงานและตอบโต้ข้อกล่าวหาต่างๆที่กำลังถาโถมเข้ามาอย่างต่อเนื่อง


" ดร.เสรี เคยบอกไว้ว่า หากจะจ้างพี่ให้เป็นพรีเซ็นเตอร์สินค้า พี่ก็ต้องดูว่าสินค้านั้นด้วยว่ามีคุณภาพหรือไม่ ถ้าไม่มีหรือทำแล้วมีแต่เสีย พี่ก็ขอไม่ทำดีกว่า " คนใกล้ชิดกล่าวเปรียบเปรยคำพูดของดร.เสรีให้ฟัง


 


กมธ.รับฟังความเห็นประชาชนเปิดเวที ครั้งแรกใน จ.นราธิวาส ร่วมแสดงความเห็นร่างรัฐธรรมนูญ


กรมประชาสัมพันธ์

-กรรมาธิการรับฟังความคิดเห็นและการมีส่วนร่วมของประชาชนภาคใต้ จัดสัมมนาในพื้นที่นราธิวาส เพื่อระดมความคิดเห็น ข้อเสนอแนะจากทุกภาคส่วนในการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ของประชาชน มีผู้เข้าร่วมสัมมนากว่า 300 คน ประกอบด้วย ผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานเอกชน และประชาชนในพื้นที่จาก 13 อำเภอ

โดยการสัมมนาครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกที่มีการจัดขึ้นในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ซึ่งมีนายพิศาล ทองเลิศ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เป็นประธานในพิธีเปิด และเป็นประธานในการมอบกล่องรับฟังความคิดเห็นแจกจ่ายไปตามอำเภอต่างๆ ทั้ง 13 อำเภอของ จ.นราธิวาส โดยทางคณะกรรมาธิการวิสามัญร่างรัฐธรรมนูญประจำจังหวัดนราธิวาส จะเป็นผู้รวบรวมความคิดเห็นเป็นระยะ


นายเสรี นิมะยุ กรรมาธิการรับฟังความคิดเห็นและการมีส่วนร่วมของประชาชนภาคใต้ ในฐานะสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ จ.นราธิวาส เปิดเผยว่า ในความคิดเห็นส่วนตัวเห็นว่าในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มักเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงอยากให้มีกฎหมายรองรับเกี่ยวกับด้านสิทธิเสรีภาพของประชาชนในพื้นที่เพื่อที่จะป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นกับประชาชน อย่างเช่นในอดีตที่ผ่านมา แต่ทั้งนี้ สิทธิเสรีภาพก็จะต้องอยู่บนพื้นที่ฐานของกฎหมายด้วย


บรรยากาศภายในการสัมมนามีการพูดถึงกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเป็นการเลือก ส.ส., ส.ว.ว่า ควรให้มีการเลือกตั้งใหม่หรือไม่ หรือแม้แต่การเลือกนายกรัฐมนตรีว่าควรจะมาจากการเลือกตั้งหรือไม่


กองปราบแจ้งข้อกล่าวหา นายทหารรีดไถ 40 ล้าน อ้างแลกเก้าอี้ รมต.


เว็บไซต์แนวหน้า

- พล.อ.วินัย ภัททิยกุล ปลัดกระทรวงกลาโหม และเลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) กล่าวถึงกรณีที่ พ.อ.ณัฐพร สายทองคำ นายทหารประจำกองบัญชาการทหารสูงสุด เดินสายออกรีดไถบุคคลสำคัญ เพื่อเสนอเก้าอี้รัฐมนตรีในรัฐบาลชุดนี้จำนวน 40 ล้านบาทว่า ตนยังไม่ทราบรายละเอียด ซึ่งต้องตรวจสอบข้อมูล หากเป็นเรื่องจริงต้องลงโทษตามกฎหมาย ซึ่งเขามีการอ้างชื่อตนเพื่อไปเสนอขายตำแหน่ง แต่ตนไม่รู้ว่าบุคคลนี้เป็นใคร แต่เขามาอ้างชื่อตน


ด้าน พล.อ.ท.ดนัย นันทศิริ เจ้ากรมกำลังพลทหาร กองบัญชาการทหารสูงสุด กล่าวว่า ขณะนี้ตำรวจกองปราบได้แจ้งข้อกล่าวหากับ พ.อ.ณัฐพร ว่าเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว และแจ้งให้ พล.อ.บุญสร้าง รับทราบแล้ว ทั้งนี้ พ.อ.ณัฐพร เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 15







ความมั่นคง


ออสซี่เตือนระวังภัยเดินทางมาไทย คาดอาจถูกโจมตีอีก


ผู้จัดการออนไลน์/เอเจนซี - สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า วันที่ 8 มี.ค. กระทรวงการต่างประเทศออสเตรเลียได้ออกคำเตือนภัยด้านการท่องเที่ยว ในการเดินทางมาประเทศไทย นับเป็นการเตือนเช่นนี้ครั้งที่สองภายในระยะเวลาเพียง 2 สัปดาห์เศษ โดยให้เหตุผลว่า ข่าวกรองซึ่งได้รับมาบ่งชี้ถึงภัยคุกคามระดับสูงที่จะมีการโจมตีด้วยระเบิดจากพวกหัวรุนแรงอีก


คำเตือนภัยนี้ชี้ว่า ความเสี่ยงที่จะเกิดการโจมตีในไทยนั้น มีต้นตอจากความรุนแรงของกลุ่มแบ่งแยกดินแดนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และกล่าวว่า "ความรุนแรงที่เพิ่มขึ้นในภาคใต้ของไทย อาจนำไปสู่การโจมตีในที่แห่งใดก็ได้ในประเทศไทย อาทิ กรุงเทพฯ ตลอดจนพื้นที่นักท่องเที่ยวอื่นๆ ดังเช่น ภูเก็ต และ พัทยา"



อย่างไรก็ดี ทางด้านพล.ท.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แม่ทัพภาคที่หนึ่ง ซึ่งดูแลความมั่นคงปลอดภัยในกรุงเทพฯ แถลงว่า ยังไม่ได้รับรายงานใดๆ ว่ามีภัยคุกคามดังที่กล่าวอ้างนี้







ภาคใต้


สั่งคุมเข้มผู้ประกอบการนราฯRKKขู่ล้างแค้นไทยพุทธ60ศพ


ผู้จัดการรายวัน - พล.ต.ต.ยงยุทธ เจริญวานิช ผบก.ภ.จ.นราธิวาส ได้ปล่อยแถวเจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วยปฏิบัติการณ์พิเศษจังหวัดนราธิวาส เพื่อออกปฏิบัติหน้าที่ดูแลความปลอดภัยในเขตเทศบาลเมืองนราธิวาสในทุกเส้นทางจนกว่าจะมีการปิดร้านตามปกติในเวลา 24.00 น. หลังมีกระแสข่าวกลุ่มผู้ก่อเหตุความไม่สงบ อาร์เคเค.จะสังหารชาวไทยพุทธให้ครบ 60 ชีวิตในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ หลังจากกลุ่มกองกำลังติดอาวุธอาร์เคเค ถูกยิงเสียชีวิต 5 คน จากการปะทะกับเจ้าหน้าที่ทหารพรานบนเทือกเขาตะเว ต.บองอ อ.ระแงะ เมื่อวันที่ 2 มี.ค.ที่ผ่านมา


ด้าน พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ.และประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) เปิดเผยภายหลังประชุมร่วมกับ พล.ท.วิโรจน์ บัวจรูญ แม่ทัพภาค 4 และตำรวจจาก 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ศูนย์ปฎิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติส่วนหน้า จ.ยะลา ว่า การแยกเยาวชนออกจากกองกำลัง RKK นั้น กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบเริ่มปลุกระดมเยาวชนเหล่านี้ตั้งแต่เป็นวัยรุ่นจนถึงรุ่นหนุ่ม เมื่อถึงเวลาคนเหล่านี้ก็ลุกขึ้นมาทำงาน ไม่มีอะไรที่ผิดแปลก เพียงแต่เราต้องรวบรวมเด็กเหล่านี้มาทำความเข้าใจ ส่วนไหนที่ทำความเข้าใจได้ก็ทำ ส่วนไหนทำความเข้าใจด้านการเมืองไม่ได้ เราก็ต้องว่ากันทางอื่น ส่วนรายงานข่าวเรื่องการก่อเหตุร้าย หากไม่พูดถึงข่าวลวง ข่าวปล่อย ขณะนี้เราเชื่อว่าการทำงานของฝ่ายตรงข้ามไม่มีขีดความสามารถเท่าที่ควร


"คิดว่าเราคุมสภาพของพื้นที่ได้ทั้งหมด ส่วนการระวังป้องกันกรณีวันที่ 13 มีนาคมนี้ เป็นวันสถาปนาขบวนการ BRN นี่คือข่าวปล่อย มาตรการระวังป้องกันที่เรามีอยู่แล้วจะต้องให้กระชับมากขึ้น ขณะนี้กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบยังไม่ได้เปลี่ยนเป้าหมายในการทำร้าย เพียงแต่กระบวนการของเราต้องปรับมาตรการในการลวง การพราง และการปิดลับให้ดี ไม่มีปัญหา ง่าย" พล.อ.สนธิกล่าว


ศอ.บต.เตรียมทุ่มงบฯ เกือบ 30 ล้านบาท ให้ มอ.ปัตตานี


กรมประชาสัมพันธ์ - ศอ.บต.เตรียมทุ่มงบฯ เกือบ 30 ล้านบาท ให้ มอ.ปัตตานี เร่งสร้างความมั่นใจในความปลอดภัย และการอำนวยความสะดวกภายใน เพื่อดึงนักศึกษาจากต่างพื้นที่ร่วมสร้างหลากหลายทางวัฒนธรรมในสถานศึกษา หลังพบมีจำนวนลดลงต่อเนื่อง


นายพระนาย สุวรรณรัฐ ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ผอ.ศอ.บต.) แจ้งว่า ศอ.บต.เตรียมสนับสนุนงบประมาณให้กับมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี (มอ.ปัตตานี) ตามที่ร้องขอจำนวน 28 ล้านบาทเศษ ใช้ในการปรับปรุงอาคาร สถานที่ รวมทั้งการจัดสร้างสิ่งสาธารณูปโภคพื้นฐานเพิ่มเติม เพื่อให้เกิดความสะดวก ปลอดภัยแก่นักศึกษาและบุคลากรภายในมหาวิทยาลัยฯ มากขึ้น เนื่องจากอาคารบางส่วนมีการใช้งานมานาน สภาพชำรุดทรุดโทรม และเริ่มคับแคบจากจำนวนนักศึกษาเพิ่มขึ้น


นอกจาก มอ.ปัตตานีจะรองรับหลานของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ภาคใต้เป็นส่วนใหญ่แล้ว ยังมีการรับนักศึกษาจากภูมิภาคอื่นมาศึกษาร่วมกัน เพื่อก่อให้เกิดความหลากหลายทางวัฒนธรรมขึ้นในสถานศึกษา เกิดการเรียนรู้ซึ่งกันและกัน และสามารถอยู่ร่วมกันได้ภายใต้สังคมพหุวัฒนธรรม แต่เนื่องจากปัจจุบันได้เกิดปัญหาความไม่สงบในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ทำให้นักศึกษาจากภูมิภาคอื่นไม่มั่นใจในความปลอดภัย และมีแนวโน้มจะเข้ามาศึกษาน้อยลง จึงจำเป็นต้องเร่งสร้างแรงจูงใจ ความมั่นใจในความปลอดภัย ให้แก่นักศึกษาและผู้ปกครอง รวมทั้งการอำนวยความสะดวกให้แก่นักศึกษาและบุคลากรภายในมหาวิทยาลัย



ผศ.สมปอง ทองผ่อง รองอธิการบดีฯ กล่าวว่า ปัจจุบัน มอ.ปัตตานี มีนักศึกษา จำนวนทั้งสิ้น 8 พันคนเศษ เป็นนักศึกษาในพื้นที่ภาคใต้กว่าร้อยละ 90 โดยเป็นนักศึกษาในภูมิภาคอื่นไม่ถึงร้อยละ 10 ซึ่งเป็นจำนวนที่ลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงการเกิดเหตุความไม่สงบ นับเป็นปัญหาสำคัญประการหนึ่งของมหาวิทยาลัยฯ ในการสร้างความหลากหลายทางวัฒนธรรมให้เกิดขึ้นในสถานศึกษา จึงจำเป็นต้องสร้างแรงจูงใจหลายๆ แนวทาง เพื่อให้มีนักศึกษาจากภูมิภาคอื่นมาศึกษาเพิ่มขึ้น







เศรษฐกิจ


ดัชนีความเชื่อมั่นทุกประเภท ปรับตัวลดลง เพราะปัจจัยการเมือง


ศูนย์ข่าวแปซิฟิค - ดร.ธนวรรน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย แถลงผลสำรวจว่าดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวมอยู่ที่ 73.4 ลดลงจากเดือนมกราคมที่ระดับ 74.2 ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสในการหางานทำอยู่ ที่ 74.4 ลดลงจากเดือนมกราคมที่ระดับ 75.4 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคต อยู่ที่ 89.2 ลดลงจากเดือนมกราคมที่ระดับ 90.2 "ดัชนีความเชื่อมั่นในเดือนก.พ.นี้ ถือเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 60 เดือน"



ปัจจัยหลักที่กดดันให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดลงในเดือนก.พ. ได้แก่ การลาออกของ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล จากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง และการแต่งตั้ง นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เป็นประธานคณะกรรมการประสานงานและกระชับความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ปัญหาการเมืองขาดเสถียรภาพ ปัญหาราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น และเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น การสำรวจความเห็นประชาชนทั่วไปเกี่ยวกับความเชื่อมั่นที่มีต่อเศรษฐกิจนั้น ระดับดัชนีที่สูงกว่า 100 แสดงว่า ผู้บริโภคยังเห็นว่า ภาวะการณ์นั้นๆ อยู่ในระดับที่ปกติ แต่หากดัชนีต่ำกว่า 100 แสดงว่า ผู้บริโภครู้สึกไม่มั่นใจต่อระบบเศรษฐกิจ







คุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อม


แฉด.ญ.ไม่ถึง15ปีทั่วโลกทุก1ใน5 เป็นเหยื่อทางเพศจากคนใกล้ชิด


ผู้จัดการรายวัน /เอเอฟพี/รอยเตอร์ - ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก (ฮู) เตือนภัย เด็กหญิงอายุต่ำกว่า 15 ปีทั่วโลกทุก 1 ใน 5 คน ยังคงตกเป็นเหยื่อเหตุรุนแรงทางเพศจากคนใกล้ชิด ด้านผลสำรวจความเท่าเทียมทางเพศระบุ ญี่ปุ่นเป็นชาติที่เฉื่อยชามากที่สุดในการแก้ปัญหาความเท่าเทียมทางเพศในภาคบรรษัท



มาร์กาเร็ต ชาน ผู้อำนวยการฮูแถลงเนื่องในวันสตรีสากล 8 มีนาคม ว่า การก่อเหตุรุนแรงกับสตรีทั้งด้านร่างกายและทางเพศโดยผู้ชายที่มีความใกล้ชิดสนิทสนม มีปริมาณในระดับที่สูงมาก และยังส่งผลสืบเนื่องอันน่าตกใจต่อสุขภาพของสตรีด้วย


"ยิ่งไปกว่านั้น ผู้หญิงทุกๆ 1 ใน 5 คนรายงานว่า ได้เคยถูกกระทำมิชอบในทางเพศมาก่อนช่วงอายุ 15 ปี ซึ่งมีส่วนเกี่ยวโยงทำให้ผู้หญิงเหล่านี้มีสุขภาพย่ำแย่ในเวลาต่อมา" ชานกล่าวต่อ พร้อมกับย้ำว่า ผู้ชายที่มีความใกล้ชิดมักเป็นผู้ก่อเหตุมากกว่าคนแปลกหน้าหรือคนรู้จัก


ด้านหน่วยงานอื่นๆ เช่น กองทุนเพื่อการพัฒนาสตรีแห่งสหประชาชาติ (ยูนิเฟม) และกองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (ยูนิเซฟ) ออกแถลงการณ์ทำนองเดียวกันเนื่องในวันสตรีสากลว่า ถึงแม้ 104 ประเทศทั่วโลกจากทั้งหมด 192 แห่งจะถือว่า การข่มขืนเป็นการก่ออาชญากรรมรูปแบบหนึ่ง ทว่า การบังคับใช้กฎหมายควบคุมดูแลเรื่องนี้กลับยังทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร อีกทั้งยังถูกนำมาใช้เป็นอาวุธในการทำสงครามอย่างกว้างขวาง


ขณะที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติออกมาเรียกร้องให้ทั่วโลก ยุติการให้อภัยความผิดในเรื่องการก่อเหตุรุนแรงทุกรูปแบบต่อสตรีและเด็กในยามสงคราม และเร่งดำเนินการสอบสวนเอาผิดผู้ก่ออาชญากรรมดังกล่าว



นอกจากนั้น คณะมนตรีความมั่นคงยังย้ำถึงความสำคัญของบทบาทสตรีในการป้องกันและแก้ไขความขัดแย้ง สร้างเสริมสันติภาพ และยังเน้นถึงความสำคัญของการมีส่วนร่วมอย่างเท่าเทียมกันของผู้หญิงเพื่อการดังกล่าว อีกทั้งยังแนะให้ชาติสมาชิกยูเอ็นหาทางเพิ่มตัวแทนสตรีนั่งตำแหน่งระดับผู้ที่มีอำนาจในการตัดสินใจ ทั้งในระดับชาติ ภูมิภาคและสถาบันระหว่างประเทศ เพื่อเป็นกลไกในการป้องกัน บริหารจัดการ และแก้ปัญหาขัดแย้ง


แกรนต์ ธอร์นตัน อินเตอร์เนชันแนล บริษัทที่ปรึกษาสัญชาติอังกฤษ เปิดเผยผลสำรวจธุรกิจเอกชน 7,200 รายใน 32 ประเทศเนื่องในวันสตรีสากลว่า 38% ของบริษัททั่วโลก ไม่มีสตรีนั่งตำแหน่งระดับบริหารจัดการอาวุโสเลย ซึ่งเป็นตัวเลขที่ไม่เปลี่ยนแปลงเลยนับตั้งแต่ปี 2004 อย่างไรก็ตาม ชาติเอเชียบางแห่งมีการพัฒนาเรื่องนี้มากขึ้น โดยเกือบ 70% ของธุรกิจในชาติเอเชียต่างส่งเสริมให้สตรีนั่งตำแหน่งผู้บริหารระดับสูง เมื่อเทียบกับธุรกิจในชาติยุโรปที่ยอมให้สตรีมีความก้าวหน้าในหน้าที่การงานเกินระดับ 50% เล็กน้อยเท่านั้น



แต่สำหรับญี่ปุ่น ชาติที่เศรษฐกิจมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก กลับครองอันดับสุดท้ายในตาราง เนื่องจากมีธุรกิจเพียง 1 ใน 4 เท่านั้นที่ยอมให้ผู้หญิงนั่งตำแหน่งระดับอาวุโส ขณะที่ฟิลิปปินส์เป็นชาติที่มีความก้าวหน้ามากที่สุดในการลดช่องว่างทางเพศ โดยธุรกิจ 97% มีสตรีเป็นผู้บริหารระดับสูง



สถานะของผู้หญิงในชาติเอเชียอื่นๆ อาทิ จีน มาเลเซีย ฮ่องกง และไทยต่างมีคะแนนดีขึ้นเช่นกัน โดยกว่า 80% ของธุรกิจในชาติเหล่านี้ล้วนมีผู้หญิงนั่งตำแหน่งระดับอาวุโส



สตรีสตูลร่วมกิจกรรมวันสตรสากล


ผู้จัดการออนไลน์ - จังหวัดสตูลจัดงานสตรีสากล ประจำปี 2550 เสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับเครือข่ายองค์กรสตรีในพื้นที่ สตรีจากพื้นที่ ต่างๆ ในจังหวัดสตูล กว่า 1,000 พัน คน พร้อมใจกันเข้าร่วมกิจกรรม เนื่องในงานวันสตรีสากล ซึ่งทางสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จังหวัดสตูล ร่วมกับสำนักงาน พัฒนาชุมชนจังหวัดสตูล และคณะ กรรมการพัฒนาสตรีจังหวัดสตูล จัด ขึ้น ณ บริเวณสวนสาธารณะเทศบาลตำบลกำแพง อ.ละงู จ.สตูล


'โฆสิต' จี้แก้มลพิษมาบตาพุต


เว็บไซต์ไทยรัฐ - นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยหลังตรวจเยี่ยมพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จ.ระยอง ว่า ในวันที่ 16 มี.คงจะประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ โดยจะนำข้อสรุปที่หารือร่วมกับผู้บริหารการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ผู้บริหารโรงงานอุตสาหกรรมในมาบตาพุด และประชาชน 25 ชุมชนรอบพื้นที่นิคมฯ มาบตาพุด เพื่อให้บอร์ดสิ่งแวดล้อมอนุมัติ ก่อนนำมาใช้เป็นแผนปฏิบัติการ โดยแผนปฏิบัติการประกอบด้วย 58 โครงการ เพื่อเป็นยุทธศาสตร์กำจัดและควบคุมมลพิษ


โดยแผนดังกล่าวจะใช้นิคมฯ มาบตาพุดเป็นต้นแบบสำหรับอนุมัตินิคมฯ แห่งใหม่หรือพื้นที่พัฒนาลงทุนของรัฐบาล เช่น โครงการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคใต้ (เซาเทิร์นซีบอร์ด) คาดว่าจะใช้งบรวม 2,000 ล้านบาท ทั้งนี้ แผนปฏิบัติการจะต้องมีการยอมรับจากประชาชนในพื้นที่ หากไม่เห็นด้วยรัฐบาลก็จะไม่อนุมัติให้ดำเนินการ


ส่วนกรณีกระทรวงอุตสาหกรรมให้ชะลอการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) แก่นักลงทุนที่ยื่นขอลงทุนใน จ.ระยอง ช่วงเดือน ม.ค.จนถึงขณะนี้ เพราะปัญหามลพิษมาบตาพุดยังไม่ได้ข้อสรุป นายโฆสิตกล่าวว่า ขอให้รอต่อไปอีกระยะหนึ่ง จนกว่า 58 โครงการจะดำเนินการแล้วเสร็จ รัฐบาลจึงจะพิจารณาให้บีโอไอแก่นักลงทุนที่ต้องการลงทุนใน จ.ระยอง อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งรวมทั้งโครงการลงทุนปิโตรเคมีระยะที่ 3 ของ บมจ.ปตท.ด้วย


ประมงพื้นบ้านตรังร้องประมงจังหวัด เรือประมงพาณิชย์รุกพื้นที่หากิน


กรมประชาสัมพันธ์ -ชาวประมงในอำเภอสิเกาได้รับความเดือดร้อนจากการประมงของเรือพาณิชย์ขนาดใหญ่ เรียกร้องให้หน่วยงานภาครัฐเข้าไปดูแลให้การช่วยเหลือ


นายหมาดหา รันวาสี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 3 ตำบลเขาไม้แก้ว อำเภอสิเกา เปิดเผยว่า ขณะนี้ลูกบ้านซึ่งเป็นชาวประมงพื้นบ้านกำลังได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก เนื่องจากมีเรือพาณิชย์ขนาดใหญ่เข้ามาทำการประมงในพื้นที่ชายฝั่ง 3 พันเมตร โดยใช้เครื่องปั่นไฟ และใช้เครื่องมือประมงที่ผิดกฎหมาย อาทิ อวนขนาดใหญ่ อวนกะตักในการทำประมง ส่งผลกระทบต่อการทำมาหากินของชาวบ้านเป็นอย่างมาก เนื่องจากปริมาณสัตว์น้ำลดลง และชาวบ้านเองใช้เครื่องมือประมงขนาดเล็ก ทำให้ทำการประมงได้น้อยและไม่พอเพียงต่อการยังชีพ จึงร้องขอให้ทางประมงจังหวัดและผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าไปดูแล ไม่ให้เรือประมงผิดกฎหมายเข้ามาแย่งทรัพยากรที่เป็นแหล่งทำมาหากินของชาวบ้าน ก่อนชาวประมงพื้นบ้านจะเดือดร้อนไปมากกว่านี้







ต่างประเทศ


จีนสวนสหรัฐให้ดูตัวเองก่อนวิจารณ์ชาติอื่น


เว็บไซต์สำนักข่าวเนชั่น - รายงานประจำปีของคณะรัฐมนตรีจีน ระบุข้างต้นโดยว่าหลายปีที่ผ่านมา กระทรวงต่างประเทศสหรัฐเอาแต่ชี้นิ้วกล่าวโทษการละเมิดสิทธิมนุษยชนไปที่ประเทศและดินแดนกว่า 190 แห่ง ซึ่งรวมถึงจีนด้วย แต่กลับเลี่ยงไม่แตะต้องประเด็นนี้ของตัวเองทั้งที่เกิดขึ้นในและนอกประเทศ



รายงานอ้างถึงพลเรือนจำนวนมากที่เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจากความขัดแย้งในอิรัก, การทำร้ายนักโทษชาวอิรัก และการละเมิดอนุสัญญาเจนีวาในรูปแบบอื่น รวมถึงเหตุการณ์ที่กองทัพสหรัฐสังหารพลเรือนชาวอิรัก 24 คนที่เมืองฮาดิธาในอิรักเมื่อปี 2548


จีนเริ่มออกรายงานเมื่อหลายปีก่อนเพื่อตอบโต้รายงานประจำปีประเมินสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนทั่วโลกของกระทรวงต่างประเทศสหรัฐ ซึ่งมักระบุว่าจีนเป็นประเทศหนึ่งในโลกที่ละเมิดเรื่องนี้มากที่สุด และรายงานฉบับล่าสุดประจำปีนี้ก็กล่าวหาจีนเรื่องการละเมิดสิทธิและกักขังหน่วงเหนี่ยวนักข่าว นักเขียน และนักเคลื่อนไหว รวมทั้งจำกัดเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นโดยเฉพาะทางอินเทอร์เน็ต

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net