Skip to main content
sharethis

 


 


มรช. สั่งยุบสถาบันชาติพันธุ์และสันติศึกษาด่วน ก่อน "ครูหยุย" เข้าสอบข้อเท็จจริง เตะหลักสูตรชาติพันธุ์ไว้ใต้ปีกวิทยาลัยนานาชาติภูมิภาคลุ่มน้ำโขง นศ.รุดพบ ผอ.ใหม่ถามข้อข้องใจ หลักสูตรไม่ยุบแต่ให้ นศ. พิจารณาตัวเอง พร้อมตำหนิ นศ.เป็น "ตัวปัญหา" ขณะที่มีกระแสข่าวลือหึ่งฝ่ายบริหารหิ้ว ผอ.สมบัติไปจีน


 


วันนี้ (2 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวได้ติดตามความคืบหน้าหลังจากที่ นศ.ชาติพันธุ์ ได้ลงไปยื่นหนังสือร้องเรียนพฤติกรรมของนายสมบัติ บุญคำเยือง ผอ.สถาบันชาติพันธุ์และสันติศึกษาต่อ "ครูหยุย" นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ ประธานกรรมาธิการกิจการเด็ก สตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิการและความมั่นคงของมนุษย์ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และคณะกรรมาธิการได้หยิบยกประเด็นนี้เป็นเรื่องเร่งด่วน โดยจะลงพื้นที่จังหวัดเชียงรายเพื่อเรียกทุกฝ่ายเข้ามาชี้แจงข้อเท็จจริงในวันเสาร์ที่ 3 มีนาคม 2550 เวลา 16.00 น.นี้


 


มีรายงานแจ้งว่า ขณะที่กลุ่ม นศ. ชาติพันธุ์ทั้งหมดได้เดินทางกลับไปที่จังหวัดเชียงรายเพื่อเตรียมการรองรับกรรมาธิการชุดนี้ นศ.ได้รับแจ้งข่าวจากทางสถาบันว่า ทางมหาวิทยาลัยได้ออกประกาศมหาวิทยาลัย ณ วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2550 ลงนามโดย ผศ.ดร. มาณพ ภาษิตวิไลธรรม อธิการบดี ให้ยุบและโอนภารกิจตลอดจนบุคลากรในสังกัดของสถาบันชาติพันธุ์และสันติศึกษา และสถาบันวิจัยและพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรมกลุ่มประเทศลุ่มน้ำโขงไปเป็นของ "วิทยาลัยนานาชาติภูมิภาคลุ่มน้ำโขง" และแต่งตั้ง รศ.ดร.มาฆะ ขิตตะสังคะเป็นผู้อำนวยการวิทยาลัยฯ นศ.จึงเดินทางเข้าไปยังมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงรายเพื่อขอเข้าพบ ผอ.คนใหม่


 


นางสาวเบญจพร หอมดอก ตัวแทนนักศึกษาชาวลัวะชั้นปีที่ 1 เปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวว่า ตนเองรู้สึกแปลกใจมาก ว่าทำไมมหาวิทยาลัยต้องยุบสถาบันชาติพันธุ์ของเราด้วย สถาบันมีความผิดอะไร เมื่อวานที่เราไปกรุงเทพฯ ครูหยุยบอกกับเราว่า สถาบันของเรามีหลักการที่ดีมากที่ให้พี่น้องชาติพันธุ์ เครือข่ายผู้รู้ และพี่ๆ องค์กรพัฒนาเข้ามามีส่วนร่วมกับสถาบัน แต่ปัญหาอยู่ที่บุคคลและระบบภายใน


 


"อาจารย์มาฆะชี้แจงกับพวกเราว่า หลักสูตรชาติพันธุ์ศึกษาอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงที่พวกเราเรียนยังคงมีการเรียนการสอนอยู่ แต่ไม่มีการฝึกงานที่ต่างประเทศแต่อย่างใด การเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องของการบริหารในกลุ่มอาจารย์ผู้สอนและเจ้าหน้าที่ ภายใต้โครงสร้างของวิทยาลัยนานาชาติอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง โดยจะเปิดรับ นศ.ใน 6 ประเทศลุ่มน้ำโขงเข้ามาเรียน เรื่องนี้เป็นเรื่องของการขยายบ้านให้ใหญ่ขึ้น ไม่ใช่ปัญหาที่ นศ.จะต้องมาเดือดเนื้อร้อนใจอะไร อาจารย์ยังกล่าวอีกว่า อาจารย์ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับปัญหาที่ ผอ.ชาติพันธุ์ฯ คนเก่าทำเอาไว้เพราะตอนนี้อาจารย์สมบัติได้ลาออกไปแล้ว และกำลังจะไปเรียนต่อที่โอ๊คแลนด์ ประเทศนิวซีแลนด์ แต่ถ้าจะให้อาจารย์ช่วยเหลือเรื่องทุนก็เป็นได้"


 


นางสาวเบญจพร กล่าวต่อว่า ผอ.คนใหม่ยังอ่านวัตถุประสงค์ของหลักสูตรให้พวกเราฟัง และถามพวกเราทุกคนว่า จะเอาอย่างไรพวกเราจะเรียนหลักสูตรนี้ต่อไปหรือไม่ จะไปไหวไม่ เพราะหลักสูตรนี้เป็นหลักสูตรที่ยาก ถ้าไม่ไหวก็ยังสามารถถอนตัวได้ทัน อาจจะไปเรียนสาขาอื่นที่ตัวเองชอบ ย้ายไปเรียนสถาบันอื่นที่ตนเคยอยากจะเรียนก่อนมาเรียนที่นี่ก็ได้ อาจารย์จะได้คุยกับทางมหาวิทยาลัยให้ และถ้าจะเอาเกรดที่ได้จากที่นี่ ย้ายโอนไปที่อื่นก็จะจัดการให้ จากนั้น ผอ. คนใหม่ได้มอบหลักสูตรชาติพันธุ์ศึกษาให้หนึ่งเล่มเพื่อศึกษา


 


อย่างไรก็ตาม นางสาวเบญจพร ได้กล่าวอีกว่า ผอ. คนใหม่ยังกล่าวตำหนิพวกเราอีกว่า การเป็นนักศึกษาต้องมีกฎระเบียบและมีวินัยเหมือนนักศึกษาในราชภัฏทั่วไป ไม่ควรไปด่าทอให้มหาวิทยาลัยเสียๆ หายๆ ไม่ควรไปเขียนป้ายด่า ไปยืนโจมตี ซึ่งสิ่งที่ทำนั้นเป็นการผิดวินัยนักศึกษา  


 


"ถ้าจะไปป่าวๆ ไปชูธง ชูป้าย ระวังหน่อยนะ สงสารราชภัฏหน่อยนะ พวกคุณไปโผล่หน้าหนังสือพิมพ์ไม่นานคนก็ลืม แต่ราชภัฏยากที่สร้างขึ้นมา ได้เสียป้ายไป เสียอะไรไปแล้ว เป็นมหาวิทยาลัยอะไรไปแล้ว" อาจารย์มาฆะทิ้งท้ายกับพวกเราไว้อย่างนี้"


 


ด้านนายสุรพจน์ มงคลเจริญสกุล ได้ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์อย่างท้อใจว่า หลังจากผมเข้าไปพบ ผอ. คนใหม่ ผมบอกตรงๆ ว่ารู้สึกอึ้ง ชักไม่แน่ใจว่า ถ้าพวกเราอยู่ต่อไปจะมีปัญหาอะไรตามมาหรือไม่ เราจะปรึกษา ผอ.วิทยาลัยได้ไหม ถ้า ผอ.มองว่าเราเป็นตัวปัญหา ทำให้มหาวิทยาลัยเสื่อมเสียชื่อเสียง ทั้งๆ ที่พวกเราออกมาเพื่อปกป้องชื่อเสียงมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงรายไม่ให้กลายเป็นสถานที่ที่ไร้คุณธรรม ไร้สัจจะ และไม่ปลอดภัยสำหรับเด็กผู้หญิง


 


"จริงๆ ผมอยากจะบอก ผอ.คนใหม่ว่า หนึ่งปีที่ผ่านมา พวกเราไปร่วมงานที่ช่วยสร้างชื่อเสียงให้แก่มหาวิทยาราชภัฏเชียงราย จังหวัดเชียงราย และประเทศไทยมาโดยตลอด ทั้งการต้อนรับผู้นำมุสลิม 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ การจัดนิทรรศการด้านชาติพันธุ์ในงานต่างๆ ของมหาวิทยาลัยและจังหวัด การร่วมงานแสดงในงานพืชสวนโลก และการจัดงานวันเด็ก แต่นี่ถ้ามองภายในวิทยาลัย แค่เราต้องเจอกับเจ้าหน้าที่ อาจารย์บางกลุ่มที่เคยกระทำกับพวกเราก็หนักพออยู่แล้ว ยังเจอ ผอ.คนใหม่พูดจาอย่างนี้กับเราอีก ถ้ามองในมหาวิทยาลัย เวลาพวกเราไปเรียนรวมกับเพื่อนคณะอื่น เพื่อนๆ ก็อาจมองเราไม่ดี ถ้าเราจะไปขอทุนหรือไปลงสมุดบันทึกความดี เขาจะปั๊มให้พวกเราไหม ลึกๆ ในจิตใจของเรารู้สึกแย่มาก"


 


ผู้สื่อข่าวพยายามตรวจสอบข่าวการไปเรียนต่อต่างประเทศของ อดีต ผอ.ชาติพันธุ์ กับ แหล่งข่าวต่างๆ พบว่า ขณะนี้ ผอ.ชาติพันธุ์ ยังไม่ได้เดินทางไปเรียนต่อระดับปริญญาเอกที่ประเทศนิวซีแลนด์แต่อย่างใด มีแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือได้รายงานว่า อดีต ผอ.ชาติพันธุ์ อดีตรอง ผอ. ชาติพันธุ์ และอธิการบดี มรภ.เชียงรายได้เดินทางไปราชการที่ประเทศสาธารณรัฐประชาชาจีนด้วยกัน


 


ทั้งนี้ก่อนหน้านั้น นักศึกษาชั้นปีที่ 1 รุ่นที่ 1 สาขาชาติพันธุ์ศึกษาอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย (มรช.) ได้เดินทางเข้าร้องเรียนต่อนายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ ประธานคณะกรรมการกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิการ และความมั่นคงของมนุษย์ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และนายวรากรณ์ สามโกเศศ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งนายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ ได้มีกำหนดการลงพื้นที่ จ.เชียงราย เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยในวันที่ 3 มี.ค.จะเข้าพบกับผู้นำชนเผ่าทุกชาติพันธุ์ รวมทั้งผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย ขณะที่ในวันที่ 4 มี.ค.จะเข้าพบอธิการบดี มรช. จากนั้นจะเชิญนายวิจิตร ศรีสอ้าน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา(กกอ.) รวมถึงผู้ดูแลกองทุนกู้ยืมเรียนระหว่างรัฐกับเอกชน(กรอ.) เพื่อหาทางแก้ไขปัญหา


 


แต่สุดท้าย ทางมหาวิทยาลัยได้ออกประกาศมหาวิทยาลัย ณ วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2550 ลงนามโดย ผศ.ดร. มาณพ ภาษิตวิไลธรรม อธิการบดี ให้ยุบและโอนภารกิจตลอดจนบุคลากรในสังกัดของสถาบันชาติพันธุ์และสันติศึกษา และสถาบันวิจัยและพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรมกลุ่มประเทศลุ่มน้ำโขงไปเป็นของ "วิทยาลัยนานาชาติภูมิภาคลุ่มน้ำโขง" เสียก่อน


 


อย่างไรก็ตาม มีรายงานล่าสุดว่าวันนี้(3 มี.ค.)เวลา 14.30 .ทางสมัชชาชนเผ่าแห่งประเทศไทย จะจัดประชุมด่วนเพื่อออกแถลงการณ์ กรณี มหาวิทยาลัยราชภัฎเชียงรายประกาศยุบสถาบันชาติพันธุ์และสันติศึกษา และกรณี ผู้อำนวยการศูนย์ชาติพันธุ์และสันติศึกษา หลอกลวงเด็กชนเผ่า และมีพฤติกรรมละเมิดทางเพศลูกศิษย์ ณ หอประชุม 700 ปี ภายในสนามกีฬาสมโภช 700 ปี จังหวัดเชียงใหม่


 


 



 


นายสมบัติ บุญคำเยือง


อดีต ผอ.สถาบันชาติพันธุ์และสันติศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย


 


 


 


 


 


 


 


 



รศ.ดร.มาฆะ ขิตตะสังคะ


ผอ.วิทยาลัยนานาชาติภูมิภาคลุ่มน้ำโขง มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net