จากกรณีที่เหมืองโมนิโก้ ได้ขอใช้พื้นที่ป่าจากกรมป่าไม้ เพื่อดำเนินการกิจการเหมืองแร่ ซึ่งยังเหลือระยะเวลาสัมปทาน อีก 5 ปีหลังจากได้หยุดดำเนินการไปตั้งแต่ปี 2542 เหมืองดังกล่าวที่ตั้งอยู่ในบริเวณติดกับพื้นที่มรดกโลกเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก ทางมูลนิธิสืบนาคะเสถียรจึงได้จัดสัมมนา เรื่อง "เหมืองแร่โมนิโก้กับบริเวณเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรกับภาวะคุกคามมรดกโลก" โดยเชิญผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วม
นายโรเบิร์ต สไตล์แมตซ์ นักวิชาการจากกองทุนสัตว์ป่าโลก (WWF) ซึ่งทำการวิจัยด้านสัตว์ป่าและการอนุรักษ์ร่วมกับเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร และชุมชนกระเหรี่ยงในหมู่บ้านทิไลป้า-จะแก กว่า 10 ปี กล่าวว่า จากการทำงานวิจัยในพื้นที่ทั้งการเฝ้าติดตามประชากรสัตว์ป่า และการพูดคุยกับชาวบ้าน พบว่า ในช่วงที่มีการประกอบกิจการเหมืองแร่ได้มีการล่าสัตว์ป่าไปเป็นจำนวนมากทั้งเพื่อเป็นอาหารคนงานและเพื่อนำไปขาย ทำให้สัตว์ป่าลดลงอย่างอย่างรวดเร็วเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะกระทิงจะถูกล่ามากที่สุด แต่ในช่วงเกือบ 10 ปีที่เหมืองปิดตัวลงเนื่องจากใบอนุญาตการใช้พื้นที่ป่าหมดอายุนั้น ร่องรอยของสัตว์ป่าได้เพิ่มมากขึ้น ทั้ง เก้ง กวาง สมเสร็จ ซึ่งบ่งชี้ว่าป่าได้ฟื้นตัวกลับมาแล้ว
อย่างไรก็ตาม ระหว่างการสัมมนา นายเหลือง ชัยวัฒน์ ประธานบริษัทเหมืองโมนิโก้ ได้เข้ามาร่วมการสัมมนา และกล่าวโจมตีนายโรเบิร์ตว่า เป็นชาวต่างชาติที่มาทำลายประเทศไทย พร้อมทั้งระบุว่าบริษัทโมนิโก้หยุดดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2542 ลงทุนไปราว 80 ล้านและยังเหลือประทานบัตรอยู่ 5 ปี โดยในพื้นที่ยังเหลือแร่ประมาณ 1,000 ตัน ขณะนี้กำลังทำเรื่องขออนุญาตการขอใช้ประโยชน์จากพื้นที่ป่าอยู่ โดยได้รับการอนุมัติจาก กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงมหาดไทยแล้วเหลือเพียงแค่ทางกรมอุทยานฯ และกรมป่าไม้เท่านั้นที่ยังไม่อนุญาต
ด้าน นายเอิบ เชิงสะอาด หัวหน้าเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร กล่าวว่า ขณะนี้กรมป่าไม้และกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ยังไม่อนุญาตให้บริษัทโมนิโก้เข้าใช้ประโยชน์ที่ดินในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร เนื่องจากอยู่ระหว่างการผนวกผืนป่า จำนวน 67,500 ไร่ เข้าอยู่ในพื้นที่มรดกโลกทุ่งใหญ่นเรศวร-ห้วยขาแข้ง ซึ่งได้ส่งแผนที่ให้กฤษฎีกาพิจารณาในขั้นตอนสุดท้ายจึงจะเสร็จสมบูรณ์ และการพิจารณาพปิดถนนนั้นเป็นไปโดยปกติในฤดูฝนเพื่อให้ป่าได้ฟื้นสภาพและกันบรรดารถออฟโรดที่จะเข้าไป
ส่วนที่นายเหลืองระบุว่าการปิดถนนของเขตรักษาพันธ์ทำให้ชาวกะเหรี่ยง 7 หมู่บ้านในพื้นที่ต้องเดินเท้าเข้าออกทำให้มีผู้เจ็บป่วยที่ไม่สามารถมารักษาพยาบาลจนเสียชีวิตนั้น นายเอิบปฏิเสธว่าไม่เคยมีกรณีดังกล่าว ชาวบ้านยังคงเข้าออกได้ตามปกติ พร้อมทั้งยืนยันว่า การอนุญาตให้บุคคลเข้าออกหรือไม่นี้เป็นอำนาจของหน่วยงาน