Skip to main content
sharethis


ตามที่กลุ่มนักศึกษาโปรแกรมวิชาเอกชาติพันธุ์ศึกษาอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ชั้นปีที่ 1 รุ่นที่ 1 ประจำปีการศึกษา 2549 สถาบันชาติพันธุ์และสันติศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฎเชียงราย (มรภ.เชียงราย) จำนวน 15 คน เข้าร้องเรียนต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติถึงพฤติกรรมของนายสมบัติ บุญคำเยือง ผอ.สถาบันชาติพันธุ์และสันติศึกษา มรภ.เชียงราย ว่าชักชวนเด็กมาเรียนโดยอ้างว่าทางสถาบันฯจะมีทุนการศึกษา มีที่พัก มียานพาหนะให้ใช้ฟรี แต่เมื่อเด็กมาเรียนกลับพบว่าต้องเสียค่าใช้จ่ายเองทุกอย่าง ทำให้เด็กซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ จนโอกาสและจนฐานะเกือบทั้งหมดต้องเผชิญกับปัญหาหนี้สินในการเรียนทั้งนั้น


กระทั่ง เมื่อวันที่ 16 ก.พ.ที่ผ่านมา นักศึกษากลุ่มดังกล่าว ได้เดินทางไปยังสำนักงานอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย เพื่อยื่นหนังสือร้องเรียนต่อ ผศ.ดร.มาณพ ภาษิตวิไลธรรม อธิการบดี มรภ.เชียงราย โดยเรียกร้องให้ทาง มรภ.เชียงราย แก้ปัญหาที่เกิดจากพฤติกรรมของ ผอ.สถาบันชาติพันธุ์และสันติศึกษาโดยด่วน


อย่างไรก็ตาม กลุ่มนักศึกษาชาติพันธุ์ดังกล่าว ต้องพบกับความผิดหวัง เนื่องจากคณะผู้บริหาร มรภ.เชียงรายติดภารกิจดูงานที่ประเทศญี่ปุ่นและจะกลับเมืองไทยในวันที่ 22 ก.พ.นี้. ทำให้นักศึกษาไม่ได้พบกับอธิการบดีหรือคณะผู้บริหารตามที่ได้ตั้งใจไว้ จึงทำได้เพียงการยื่นหนังสือกับเจ้าหน้าที่สำนักงานอธิการบดี โดยกลุ่มนักศึกษาดังกล่าวได้ร้องขอให้เจ้าหน้าที่สำนักงานอธิการบดีลงเลขรับหนังสือฉบับดังกล่าวด้วย เพื่อเป็นการยืนยันว่านักศึกษากลุ่มดังกล่าวยื่นหนังสือร้องเรียนต่ออธิการบดีแล้ว


ทั้งนี้ ในกลุ่มนักศึกษาชนเผ่าที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว ต่างรู้สึกแปลกใจที่หลังจาก "ประชาไท" ได้เสนอข่าวดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่อง แต่จวบจนถึงบัดนี้ ทางอธิการบดี มรภ.เชียงราย และนายสมบัติ บุญคำเยือง ผอ.สถาบันชาติพันธุ์และสันติศึกษา มรภ.เชียงราย กลับเก็บตัวเงียบ ไม่ได้ออกมาชี้แจงหรือออกมาคลี่คลายปัญหาที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด


ล่าสุด กลุ่มนักศึกษาชาติพันธุ์ทั้ง 15 คน ได้ออกมาเขียนจดหมายเพื่อระบายความอัดอั้นและอึดอัดต่อกรณีที่ ผอ.ผอ.สถาบันชาติพันธุ์และสันติศึกษาได้หลอกลวงให้นักศึกษามาเรียนแล้วปล่อยให้เจอปัญหาดังที่กล่าวมาข้างต้น


ซึ่งนักศึกษาทั้ง 15 คน ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ที่เขียนจดหมายระบายออกมาครั้งนี้ ก็เพื่อต้องการบอกให้สังคมได้รับรู้ว่า ทำไมพวกเขาถึงต้องออกมาเรียกร้องเช่นนี้...


"ประชาไท" จึงขอนำมาทยอยเสนออย่างละเอียด...



...ทำไมต้องเรียกร้อง ?



 นายจีรศักดิ์ วังชัย


ชาวลัวะ อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดน่าน


นักศึกษาชาติพันธุ์ศึกษาทุกคนดั้นด้นมาจากบ้านเกิด บ้านไกล เพื่อมาตามหาฝัน ขวนขวายหาความรู้และใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน พวกผมแต่ละคนแต่ละครอบครัวมีฐานะค่อนข้างยากจน รายได้ไม่แน่นอน และไม่รู้ว่า ตนจะมีโอกาสได้เรียนต่อในสถาบันที่ดีหรือไม่ กระทั่ง มาพบกับท่านอาจารย์ สมบัติ บุญคำเยือง ผอ. สถาบันชาติพันธุ์ศึกษา


ตอนนั้น ผมกับเพื่อนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 อาจารย์ฝ่ายแนะแนว และผู้อำนวยการของโรงเรียนมัธยมพระราชทานเฉลิมพระเกียรติเข้าร่วมรับฟังคำแนะแนวจากอาจารย์สมบัติ บุญคำเยืองว่า ถ้าไปเรียนที่สถาบันชาติพันธุ์ศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฎเชียงราย ทางอาจารย์สมบัติ จะมีโควต้าให้แก่นักเรียน เป็นโควต้าพิเศษสำหรับกลุ่มชาติพันธุ์ นักเรียนส่วนมากในโรงเรียนเราก็เป็นกลุ่มชาติพันธุ์เกือบทั้งหมด พวกผมคิดว่า น่าจะเป็นสิ่งที่ดี แล้วยังบอกอีกว่า ถ้ามาเรียนคณะนี้จะมีทุนการศึกษาให้จำนวน 200,000 บาทต่อปี ถ้าผลการเรียนดีทางสถาบันฯ จะส่งให้เรียนต่อในระดับที่สูงต่อไป มีที่พักให้ฟรี มีโอกาสไปศึกษาและไปฝึกงานที่ต่างประเทศ ขอเพียงแค่พวกผมมาเรียน ทางอาจารย์สมบัติก็จะเป็นจัดการเรื่องทั้งหมด


คล้ายกับว่า อาจารย์สมบัติจะเป็นผู้ดูแลเรื่องค่าใช้จ่าย และชีวิตความเป็นอยู่ต่อจากพ่อแม่ เพราะอาจารย์สมบัติได้เคยไปคุยกับผู้ปกครองของพวกผมด้วย


ทุกคนคิดว่า สถาบันชาติพันธุ์ศึกษาเป็นคณะใหม่และให้โอกาสแก่กลุ่มชาติพันธุ์


พวกผมจึงลงชื่อเพื่อที่จะไปรายงานตัวที่มหาวิทยาลัยราชภัฎเชียงราย โดยทางโรงเรียนและอาจารย์ชั้นมัธยมเป็นคนช่วยเหลือค่าพาหนะ ค่าเดินทาง


จากอาจารย์สมบัติเคยบอกว่า ทุกอย่างฟรี เมื่อมาถึงก็ต้องเสียเงินรายงานตัวคนละ 800 บาท บางคนนำเงินมามากหน่อยก็ได้รายงานตัว บางคนที่คิดว่า ทางอาจารย์สมบัติจะจัดการให้และไม่ได้นำเงินมามากนักก็ไม่ได้รายงานตัว เมื่อเป็นเช่นนี้ เพื่อนๆ บางคนจึงตัดสินใจไม่เรียนในคณะนี้อีกต่อไป แต่ผมไม่ยอมทิ้งความต้องการที่จะเรียน และเชื่อว่า อาจารย์จะทำตามสัญญาที่ให้ไว้


การไปรายงานตัวเพื่อยืนยันการเป็นนักศึกษาในรอบที่สอง พวกผมต้องจ่ายเงินเพิ่มอีกจำนวน 1,800 บาท พร้อมรับชุดนักศึกษา และสมัครเข้าในชมรมต่างๆ เมื่อเสร็จธุระที่มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย พวกผมก็พากันเข้าไปทำงานก่อสร้างพหลโยธิน ซอย 6 เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร ได้ค่าแรงวันละ 190 บาท บางวันผมทำโอทีถึง 5 ทุ่มได้เงินกลับมาเรียน 4,000 กว่าบาท


วันที่ 28 พฤษภาคม 2549 ผมกับเพื่อนพากันมาที่มหาวิทยาลัยราชภัฎเชียงรายอีกครั้ง เพราะใกล้กำหนดการเปิดภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2549 แต่เมื่อมาถึงก็ไม่เจอเพื่อนผู้หญิงที่มากันก่อนหน้านั้น 3 วัน มารู้ภายหลังว่า พวกเขากลับบ้านไปแล้ว จากการสอบถามเพื่อนพบว่า ทางอาจารย์สมบัติไม่เข้ามาดูแล ไม่รับผิดชอบ ในที่สุดเงินของพวกเขาก็หมดเลยพากันกลับบ้าน


วันที่ 2 เดือนมิถุนายน พ.ศ. 2549 อาจารย์สมบัติก็สั่งให้นายกิตติพงษ์ ขัตติ เพื่อนของผมและเจ้าหน้าที่สำนักงานไปจังหวัดน่านเพื่อไปรับกลุ่มเพื่อนที่กลับบ้านไป แต่อาจารย์ก็รับกลับมาแค่สองคน คือ นางสาวนิภา แซ่ลิ้ม กับ นางสาวเบญจพร หอมดอก


วันที่ 5 เดือนมิถุนายน พ.ศ.2549 เริ่มเรียนวันแรก สิ่งที่อาจารย์สมบัติได้พูดไว้ก็เริ่มเป็นจริงเป็นจังขึ้น คือ ให้พวกผมเข้าไปพักอยู่ที่บ้านชนเผ่าอิ้วเมี่ยน โดยไม่ต้องเสียเงินค่าที่พัก แต่อาจารย์สมบัติก็ไม่เคยมาดูแลความเป็นอยู่ของพวกผมเลย ขับรถผ่านไปผ่านมาก็ไม่เคยแวะเวียนมาเข้ามาดูว่า นักศึกษาเป็นอย่างไร


ปลายเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2549 อาจารย์สมบัติเรียกพวกเราทั้งหมดประชุม และบอกว่า จะขอทุนจากธนาคารออมสินให้กับพวกเรา 15 ทุน แต่พวกเราต้องเรียนให้ได้เกรด 3.00 ขึ้นไป ผมเริ่มมีความหวัง และเชื่อว่า ตัวเองจะสามารถเรียนให้ได้ตามที่อาจารย์บอก


เมื่อเวลาผ่านไป เรื่องทุนก็เงียบหายไป มหาวิทยาลัยก็ให้พวกผมจ่ายค่าเทอมแล้ว พวกผู้ชายที่เข้าไปอยู่ในบ้านอิ้วเมี่ยนเริ่มหมดเงินใช้จ่าย พวกที่มีเงินมากกว่าก็ช่วยเหลือกันไป บางอาทิตย์พ่อแม่ของเพื่อนบางคนเอาอาหารมาให้บ้าง พี่ๆ ที่สถาบันซื้อกับข้าวมาทำกินด้วยกันบ้าง แต่พวกผมก็ต้องออกไปเก็บผัก เก็บหน่อจากป่ามาทำกินกันเองอยู่เป็นประจำ


เมื่อถามอาจารย์สมบัติว่า เมื่อไรที่จะได้รับทุน อาจารย์สมบัติก็บอกว่า กำลังขอ เมื่อมีการประกาศ ปรากฏว่า ทุนที่ขอไปนั้นไม่มีรายชื่อของนักศึกษาชาติพันธุ์ได้แม้แต่คนเดียว และกลุ่มพวกผมที่อยู่บ้านอิ้วเมี่ยนก็พยายามติดตามว่า ทำไมไม่ได้ทุน หรือว่าอาจารย์ไม่ได้ขอหรือขอไม่ได้ ปรากฏว่า อาจารย์สมบัติซ้ำเติมพวกผมว่า ที่ไม่ได้ทุนเพราะการเรียนของนักศึกษาไม่ดี ใช้ไม่ได้ ไม่ได้ตั้งใจเรียน ทำอะไรก็ไม่ได้เรื่อง


ผมคิดว่า อันที่จริงแล้วไม่ว่านักศึกษาที่ใด ประเทศไหนก็ตาม เมื่อเจอกับสภาพที่พวกผมเจอจะต้องรู้สึกเครียด ไม่มีอิสระ ไม่มีสมาธิที่จะเรียนให้ดีได้แน่ เพราะต้องกินแบบอดมื้อกินมื้อ ถูกสั่งให้ทำโน่นทำนี่ตามที่อาจารย์ต้องการ ถูกยึดโทรทัศน์ ต้องอ่านหนังสือที่อาจารย์ให้อ่านอย่างเดียวเป็นกองๆ และต้องเสียค่าถ่ายเอกสารเองเป็นส่วนใหญ่


เทอมที่สอง พวกผมถูกสั่งให้ย้ายออกจากบ้านอิ้วเมี่ยน ไม่มีที่พัก ไม่มีเงิน ยังดีที่มีพวกพี่ๆ และอาจารย์อีกสามคนที่คอยช่วยเหลือหาที่พัก และทุนการศึกษามาช่วยประทังชีวิต


นี่นะหรืออาจารย์ที่น่าเคารพนับถือ ทำไม ทำกับลูกศิษย์ได้โดยไม่คิดสักนิดว่า พวกผมจะรู้สึกอย่างไร


นี่นะหรืออาจารย์ที่ผมเคารพเหมือนพ่อของผม แต่สุดท้าย คือ ทิ้งขว้างไม่เหลือเยื่อใย.



อย่าทำอย่างนี้กับพวกหนูเลย...!!!



 นางสาวอรวรรณ ไพรคีรีพฤกษา


ชาวปกาเกอญอ อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่


วันนั้นหนูกับเพื่อนชื่อหนึ่ง(ศิริพร รัตนคีรีกุล)ไปปฐมนิเทศนักศึกษาใหม่ที่มหา" ลัย เสร็จกลับมา มีเพื่อนชื่อ ริน (พัชรินทร์ พฤกษาฉิมพลี) กับ เหมียว(สนทนา มณีรัตนชัยยง) มาปรึกษาว่า มีเจ้าหน้าที่สถาบันชาติพันธ์มาหาบอกว่า เรียนชาติพันธุ์นี้ดีมีทุนให้ และที่สำคัญมีโอกาสได้ไปต่างประเทศหลายประเทศ จุดนี้แหละที่ทำให้หนูและเพื่อนๆ อยากเรียนมากขึ้น สักหนึ่งอาทิตย์ รินกับเหมียวก็ย้ายตามด้วยเหตุผลที่เจ้าหน้าที่บอก


หลังจากที่หนูเรียนไปเรียนมาก็รู้สึกไม่อยากเรียนแล้วและเริ่มไม่ค่อยชอบคณะนี้สักเท่าไร ตอนนั้นคิดว่า ตัวเองจะย้ายคณะไปอยู่เอกพัฒนาสังคม


ปลายเดือนมิถุนายน 2549 อาจารย์สมบัติบอกให้พวกเราเข้าประชุมร่วมกับอาจารย์ทุกคน อาจารย์สมบัติบอกว่า คณะนี้ดีอย่างโน้นดีอย่างนี้เรียนแล้วจะได้ทุน ถ้าได้เกรดเฉลี่ย 3.00 ขึ้นไปจะได้ทุนทุกคน ไม่ต้องห่วงเรื่องทุน มีโอกาสได้ไปต่างประเทศบ่อยๆ ถ้าจบออกมามีงานรองรับไม่ต้องห่วงในเรื่องนี้ ถ้าใครที่ไม่เก่งจริงๆ อย่างน้อยก็มีงานที่สถาบันชาติพันธุ์รองรับอยู่เรื่องงานไม่ต้องห่วง...จุดนี้แหละที่ทำให้หนูมั่นใจในการเรียนต่อที่นี่


จบออกมามีงานทำ คือ ความหวังของครอบครัวหนู...


หนูพยายามตั้งใจเรียนมากขึ้น แต่มาถึงตอนนี้ไม่มีสิ่งที่อาจารย์เคยสัญญาไว้เลย หนูรู้สึกผิดหวังในตัวอาจารย์มาก


อาจารย์สมบัติค่ะ อย่าทำอย่างนี้กับพวกหนูเลย สงสารเด็กจนๆ อย่างพวกหนูเถอะค่ะ.



หลอกเด็กได้ลงคอ



นางสาวเบญจพร หอมดอก


ชาวลัวะ อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดน่าน




ตั้งแต่รู้จักอาจารย์สมบัติในตอนแรกก็รู้สึกว่า เขาเป็นคนดี แต่...ที่ไหนได้หลอกเด็กชาติพันธุ์จนๆ ได้ลงคอ


วันที่ 13 ธันวาคม 2548 ข้าพเจ้าจำได้แม่นยำว่า อาจารย์สมบัติ บุญคำเยืองได้ขึ้นมาแนะแนว ณ โรงเรียนมัธยมพระราชทานเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดน่าน และได้แจกใบสมัครไว้ให้กับพวกเรา อาจารย์สมบัติได้พูดว่า โควตาของมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงรายหมดเขตรับสมัครไปแล้ว ที่อาจารย์สมบัติมี คือ โควตาพิเศษให้กับเด็กชาติพันธุ์ หลังจากนั้นอาจารย์สมบัติก็พูดว่า คนที่เข้าไปเรียนจะมีทุนให้เรียนฟรี ปีละ 200,000 บาท


อาจารย์บอกว่า รู้จักกับรัฐมนตรีจาตุรนต์ สามารถขอทุนให้ได้ เรื่องที่พักก็มีให้ฟรี ไม่ต้องเสียค่าอะไร แต่เสียค่าลงทะเบียนจองเฉยๆ หลังจากนั้นไม่ต้องเสียอะไรอีก วันนั้นคนครึ่งห้องต่างพร้อมใจกันกรอกใบสมัครและมั่นใจที่จะเรียนคณะชาติพันธุ์กันหมด


หลังจากนั้น วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2549 ข้าพเจ้ากับเพื่อนๆ รวม 16 คนเดินทางไปลงทะเบียน ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย โดยรถส่วนตัวของอาจารย์ที่ปรึกษา 1 คัน และรถโรงเรียน 1คัน พอลงทะเบียนเสร็จเหตุการณ์ก็ยังปกติอยู่ จากนั้นพี่ออย(เจ้าหน้าที่สถาบันชาติพันธุ์ศึกษา) มาบอกให้รายงานตัวอีกรอบหนึ่งใน วัน ที่ 5 พฤษภาคม 2549 พวกเราก็พากันกลับบ้าน


พวกเรานัดหมายกันอีกครั้งใน วันที่ 3 พฤษภาคม 2549 การเดินทางจากหมู่บ้านของข้าพเจ้าถึงตัวเมืองห่างกันประมาณ 100 กว่ากิโลเมตร เสียค่ารถคนละ 110 บาทใช้เวลาเดินทาง 1 วันเต็มๆ ตอนนั้น ข้าพเจ้ากับเพื่อนไปถามที่ขนส่งว่า รถไปเชียงรายออกกี่โมง คนที่ขนส่งตอบว่า 09.00 น.พวกเราต้องพักค้างคืนอยู่ที่โรงแรมสุขเกษม เช่าห้อง 1 ห้องราคา 220 บาท อยู่กัน 6 คน คืนนั้น พวกเราคุยถึงเรื่องไปเรียนที่คณะชาติพันธุ์ และมีเพื่อน 2 คนที่โทรไปถามเรื่อง ค่าใช้จ่าย และตัดสินใจไม่เรียนมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงรายแล้ว


แปดโมงเช้า วันที่ 4 พฤษภาคม 2549 พวกเราสี่คน ผู้หญิงสาม ผู้ชายหนึ่ง คือ อ้อย นัย ฝน กวาง ออกไปรอรถที่ขนส่ง เราเดินทางจากน่าน ตั้งแต่เก้าโมง ถึงเชียงรายก็สี่โมงเย็นแล้ว ไม่มีคนรู้จักสักคนเลย พอดีเดินไปแล้วถามพี่คนหนึ่งว่า มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงรายไปทางไหน เขาตอบว่า เดี๋ยวต่อรถราชภัฏไปนะ พวกเราก็ต่อรถไปกับพี่ แต่เราไม่มีที่พัก พี่เขาก็บอกให้เราพักกับเขาด้วย แต่เรายังมีเพื่อนผู้ชายตามมาทีหลังอีก


เวลาประมาณตี 2-3 เพื่อนผู้ชายสองคน คือ ต๋อง พงศ์ โทรมาบอกว่า ถึงเชียงรายแล้ว ข้าพเจ้ากับอ้อยก็ออกไปรับ และลุงยามหน้ามหาวิทยาลัยช่วยหาที่พักให้เขาทั้งสอง พอรุ่งเช้า พวกเราก็ไปหาอาจารย์สมบัติเพื่อขอคุยด้วย แต่พี่ที่เป็นเจ้าหน้าที่บอกว่า อาจารย์สมบัติไม่ว่าง ติดสอน และแนะนำให้พวกเราไปลงทะเบียน ซึ่งพวกเราต้องจ่ายเงินเพิ่มอีกคนละ 1,800 บาท วันนั้น อ้อยกับฝน ไม่ได้จ่ายเงินเพราะไม่ได้เตรียมเงินมา


จากนั้น ข้าพเจ้ากับเพื่อนๆ ก็ลงไปทำงานก่อสร้างที่กรุงเทพ ผู้หญิงอย่างเราได้เงินวันละ 140 บาท พวกผู้ชายได้ 190 บาท บางวันเราก็ทำโอที ช่วงนั้นฝนตกด้วย ข้าพเจ้าได้เงินจากการทำงานก่อสร้างประมาณ 3,000 บาท


วัน ที่ 27 พฤษภาคม 2549 ข้าพเจ้ากับ ฝน นุช จุง แต๋ว เดินทางจากน่านไปถึงมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย เพื่อรายงานตัวเข้าหอพักภายในมหาวิทยาลัย จากนั้นได้พบกับรอด (นายรอด อาจารย์) จึงชวนกันไปขอเข้าพบอาจารย์สมบัติอีกครั้ง เพื่อถามเรื่องที่อาจารย์เคยพูดไว้ อาจารย์ตอบว่า คนที่ยังไม่ได้ลงทะเบียนให้กลับไปเอาเงินที่บ้านมาลงทะเบียน หลังจากคุยกับอาจารย์สมบัติเสร็จ พวกเรารู้สึกสับสนมาก เพราะไม่เป็นไปตามที่อาจารย์สมบัติเคยพูดไว้ และไม่มีใครมาดูแลเลย นอกจากพี่นาแล (เจ้าหน้าที่สถาบันชาติพันธุ์)


ผ่านไปสามวัน (30 พฤษภาคม 2549) เงินที่พวกเราเตรียมมาเริ่มหมด ข้าพเจ้ากับเพื่อนคุยกันและตัดสินใจย้ายกลับไปสมัครเรียนที่มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ วิทยาเขตทุ่งสีทอง จังหวัดน่าน


ไม่กี่วันต่อมา (2 มิถุนายน 2549) เพื่อนข้าพเจ้าบอกว่า อาจารย์สมบัติให้พี่นาแล โทรมาหาและอาจารย์จะขับรถมารับพวกเราเด็กน่านกลับไปเรียนที่ชาติพันธุ์ภายในวันนี้ ข้าพเจ้าแปลกใจมากที่อาจารย์ให้ความสนใจกับพวกเรามากอย่างนี้ แต่ตอนนั้นข้าพเจ้าก็ไม่อยากไปเรียนที่ชาติพันธุ์แล้ว


คืนนั้น ตั้งแต่สองทุ่มสี่สิบห้าถึงสี่ทุ่มกว่า อาจารย์คุยกับพ่อแม่เพื่อชักจูงให้ข้าพเจ้าไปเรียน อาจารย์ว่า จะมีทุนให้ เมื่อได้ทุนแล้วอาจารย์จะให้พ่อแม่ใส่ชุดลัวะมารับทุนการศึกษากับข้าพเจ้าด้วย อาจารย์จะมีที่พัก ถ้าเป็นลัวะจะสร้างบ้านลัวะให้อยู่ พวกเราจะมีโอกาสได้ไปเรียนต่างประเทศ มีงานทำแน่นอน ได้เป็นฑูต ได้ทำงานในกระทรวงการต่างประเทศ ถ้าข้าพเจ้าไปเรียนทุกอย่างฟรีหมด แม้แต่สมุดดินสอก็จะแจกให้ฟรี เอาแค่หัวใจไปเรียนก็พอแล้ว


พ่อแม่ของข้าพเจ้าเป็นคนยากจน เมื่อได้ยินคนที่เป็นอาจารย์พูดเช่นนั้นก็เชื่อว่า อาจารย์จะทำตามที่พูดทุกอย่าง...พอข้าพเจ้ากลับมาเรียนจริงๆ มันไม่ใช่อย่างนั้นเลย ทั้งค่าเทอม ค่าหอพัก และค่าครองชีพที่อาจารย์สมบัติเคยสัญญาไว้ไม่เป็นไปตามที่อาจารย์พูดเลย อาจารย์ไม่เคยมาดูแล ไม่เคยมาสนใจพวกเราอีกเลย ปล่อยให้พวกพี่ๆ และอาจารย์คนอื่นเข้ามารับภาระ อาจารย์สมบัติทำอย่างนี้ก็เท่ากับผลักดันให้เราไปกู้เงินทั้งๆ ที่เราไม่เต็มใจที่จะกู้เลย เกือบทุกคนในชั้นกู้เงินจนเป็นหนี้กันหมด


ทำไม อาจารย์ต้องหลอกพวกหนูด้วย.



นี่หรือที่เขาเรียกว่า "อาจารย์"



นางสาว ศิริพร รัตนคีรีกุล


ชาวปกาเกอญอ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่




ก่อนที่ดิฉันจะจบนั้นดิฉันได้บอกให้เพื่อนซื้อใบสมัครของมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงรายให้หนึ่งเล่ม ประมาณห้าวันดิฉันก็ได้รับใบสมัคร เพื่อนบอกว่า เล่มละ 50 บาท พอได้มาดิฉันก็รีบเปิดดูว่ามีคณะไหนที่น่าสนใจมากที่สุด ดิฉันสะดุดตาคณะนี้มากที่สุด นั่นก็คือ ชาติพันธุ์ศึกษาอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง


ดิฉันถามเพื่อนว่า คณะนี้เรียนเกี่ยวกับอะไรเพื่อนก็บอกว่า ไม่รู้เหมือนกัน น่าจะเป็นคณะที่เปิดใหม่ฟังดูแล้วไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่นัก ก็กลับบ้านไปถามรุ่นพี่ที่จบจากมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย เขาก็บอกว่า คณะนี้เป็นคณะที่เปิดใหม่จะเรียนเกี่ยวกับชนชาติพันธุ์ ดิฉันดีใจมากเพราะตรงกับความต้องการที่จะเรียนพอดีเลย


เมื่อถึงวันเปิดเทอมจริงๆ ดิฉันก็ได้เจอกับอาจารย์สมบัติ บุญคำเยือง จำได้ว่าคำถามแรกที่ถามดิฉัน ถามว่าชื่ออะไร เรียนที่ไหน เคยได้ทุนการศึกษาไหม ดิฉันตอบว่าไม่เคยได้ทุนเลย อาจารย์สมบัติบอกว่า จะมีทุนให้เป็นทุนออมสิน ยังไม่พอยังบอกอีกว่า เรียนคณะนี้แล้วจบออกมาจะทำงานเกี่ยวกับนักวิจัย และจะมีงานรองรับที่เชียงรายประมาณ 10 ตำแหน่งจะได้ไปฝึกงานที่ต่างประเทศด้วย


ดิฉันดีใจมาก...สุดท้ายความดีใจนั้นก็เป็นแค่ความฝันไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของทุนการศึกษา หรือเรื่องของการทำงานต่างๆ เป็นต้น ยิ่งร้ายไปกว่านั้นอาจารย์สมบัติไม่เคยพูดถึง เรื่องทุนการศึกษาอีกเลย อาจารย์กลับกลายเป็นคนละคน ไม่สนใจนักศึกษาชาติพันธุ์แม้แต่น้อยว่าใครจะเดือดร้อนยังไง จะอยู่ยังไง


นี่หรือที่ เขาเรียกว่า "อาจารย์"



ไร้สัจจะ!



นายประสิทธิ์ ศรีใส


ชาวปลัง อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย


การที่ใครสักคนแนะนำชักจูงผู้อื่นให้หลงเชื่อตนเอง โดยมีข้อเสนอ และแรงจูงใจหลายๆอย่างเพื่อให้ผู้อื่นหลงเชื่อ แต่เมื่อเขาได้ในสิ่งที่เขาประสงค์แล้ว กลับไม่ทำสิ่งที่ได้กล่าวไว้ถือเป็น การหลอกลวงต้มตุ๋น หรือไม่!


เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อมีชายคนหนึ่งยื่นข้อเสนอให้เครือข่ายผู้รู้ชาติพันธุ์ว่า เขาจะจัดหาทุนให้กลุ่มชาติพันธุ์ละหนึ่งทุน ส่งให้เรียนฟรีจนจบปริญญาตรี ใครบ้างที่อยากปฏิเสธ และต้องรีบคว้าโอกาสนี้ไว้ให้ลูกหลานของตน แม้จะต้องลาออกจากงานมาเรียนก็ยังทำ


ต่อมาชายคนนี้ก็ประกาศต่อหน้านักศึกษา อาจารย์และเจ้าหน้าที่ทุกคนในตอนปลายเดือนมิถุนายน 2549 ว่า จะมีทุนให้เรียนฟรีถึง 15 ทุน ถ้านักศึกษาคนไหนได้เกรด 3.00 ขึ้นไป แต่ที่สุดแล้ว ไม่มีสิ่งที่เขาได้เคยพูดไว้ ไม่มีทุนใดๆ ที่ให้นักศึกษา มีเพียงคำเหยียบย่ำซ้ำเติมว่า นักศึกษาไม่มีความสามารถพอ เขาจึงไม่อยากขอทุนให้


เพราะความยากจนของเราและเชื่อในสัจจะของเขา ความลำบากยากเข็ญจึงเข้ามาเยือนเราอย่างไม่รู้ตัว ที่พักที่เขาเคยบอกว่า จะมีให้ กลับกลายเป็นศูนย์การเรียนรู้ชนเผ่าอิ้วเมี่ยนซึ่งความจริงแล้ว ที่นี่ ไม่ได้มีไว้เพื่อเป็นหอพักนักศึกษา แต่เครือข่ายผู้รู้ตั้งใจเป็นสถานที่เรียนและที่พักชั่วคราวมากกว่า แต่เขาก็ให้พวกเรา 10 กว่าชีวิตมาอยู่ด้วยกัน เราพออยู่ได้ตามสภาพ


ผ่านไปช่วงระยะหนึ่ง เขาเริ่มใช้ "มาตรการยึด" เริ่มจากยึด TV ของพวกเรา และให้ทุกคนที่อยากดู TV ไปดูใกล้ๆ กับห้องทำงานของเขาบนตึก ยึดเวลาที่พวกเราควรจะได้พักผ่อนหรืออ่านหนังสือวิชาอื่นเพื่อมาเรียนในวิชาที่เขาสอนและยามที่เขาต้องการใช้งาน การยึดครั้งสุดท้ายเป็นการไล่พวกเราออกจากบ้านเมี่ยนในทางอ้อม คือ ยึดอุปกรณ์ในการทำอาหาร จาน ชามที่เราเคยใช้กันมาโดยตลอด ดีที่ช่วงนั้นใกล้สอบพวกเราจึงยื้อเอาไว้จนสอบเสร็จ เปิดเทอมใหม่ พวกเราทุกคนต่างกระจัดกระจายไปอยู่ตามหอพักต่างๆ ทุกคนมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ครอบครัวของทุกคนก็เช่นกัน


เขาเป็นคนที่ไม่มีสัจจะ ไม่มีความรับผิดชอบต่อสิ่งที่ได้รับปากไว้ ทำไม คนที่เรียกว่าอาจารย์กลับทำพฤติกรรมเยี่ยงนี้


หรือว่า ทุกอย่างที่เขาทำมานั้นก็เพียงเพื่อนำเรามาหาผลประโยชน์ส่วนตัว นำพวกเรามาเป็นเครื่องมือในการต่อรองของบประมาณต่างๆ แต่พวกเรากลับไม่เคยได้รับอะไรจากเขาเลย ตัวอย่างง่ายๆ ยามที่พวกเราทุกข์ยาก อดๆ อยากๆ แม้แต่ข้าวซักมื้อ เงินสักบาทก็ไม่เคยมี ดีที่เรามีพี่ๆ เจ้าหน้าที่สถาบันชาติพันธุ์ช่วยเหลือ แม้จะเป็นสิ่งเล็กน้อยก็ถือได้ว่า เป็นน้ำใจจากเจ้าหน้าที่ที่มีจิตใจดีงาม


ผมขอยืนยันว่า เขาคนนั้นมีชื่อว่า นายสมบัติ บุญคำเยือง.


 


 


 


 


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net