ภาคใต้- เมื่อเวลาประมาณ 16 .10 น. คนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนสงครามกราดยิงรถยนต์นำขบวนของท่านผู้หญิงวิริยา เชาวกุล ประธานกรรมการเลขานุการมูลนิธิบำรุงขวัญตำรวจ ทหาร อาสาสมัครชายแดนในพระบรมชินูปถัมป์ จำนวน 1 ใน 7 คัน ระหว่างเดินทางกลับจากมอบสิ่งของให้ตำรวจและชาวบ้านยากจนในพื้นที่ อำเภอบันนังสตา จังหวัดยะลา

เหตุเกิดบริเวณหมู่ที่ 8 ตำบลกรงปินัง อำเภอกรงปินัง จังหวัดทำให้ตำรวจได้รับบาดเจ็บทันที 1 นาย ทราบชื่อ ด.ต.ตอฮาด หวาดสกุล อายุ 40 ปี ตำรวจ นปภ.ภ.จว.ยะลา โดยกระสุนเข้าบริเวณขาซ้าย นิ้วซ้าย จำนวน 2 นัด ขณะที่เจ้าหน้าที่ที่อยู่ภายในรถได้ยิงโต้ตอบด้วย ก่อนจะนำคนเจ็บส่งโรงพยาบาลศูนย์ยะลา

ก่อนหน้านี้เวลา 10.30 น. บนถนนสายจะแนะ - ศรีสาคร บริเวณบ้านไอบือแก หมู่ที่ 9 ตำบลศรีสาคร อำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส คนร้ายยิงนางศิริวรรณ ทรัพย์สนิท อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 128/ หมู่ 4 ตำบลช้างเผือก อำเภอจะแนะ จังหวัดนราธิวาส ขณะขับรถจักรยานยนต์บนถนนสายดังกล่าว โดยมีนางคล้อย เพ็งพัทรา อายุ 55 ปีอยู่บ้านเลขที่ 164/2 หมู่ 3 ตำบลตันหยงมัส อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาสนั่งซ้อนท้าย และด.ช.จีระศักดิ์ เพ็งพัทรา อายุ 2 ขวบ เป็นหลานของนางคล้อย นั่งคั้นกลาง โดยนางศิริวรรณ และด.ช.จีระศักดิ์ ได้รับบาดเจ็บ ส่วนนางคล้อยเสียชีวิต เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าคนร้ายก่อเหตุเพื่อสร้างสถานการณ์รายวัน

จากนั้นเวลาประมาณ 13.00 น.มีประชาชนพบวัตถุต้องสงสัยเป็นระเบิดแสวงเครื่อง ถูกนำมาวางไว้ข้างร้านทวิกกี้คาราโอเกะ บนถนนรวมมิตร ด้านข้างโรงแรมยะลาแกรนวิว ในเขตเทศบาลนครยะลา อำเภอเมืองยะลา โดยทหาร ตำรวจและชุดเก็บกู้ระเบิดได้เข้าควบคุมสถานการณ์แล้ว เบื้องต้นทราบว่า วัตถุต้องสงสัยดังกล่าวบรรจุอยู่ในกล่อง แล้วใส่ไว้ในถุงพลาสติกหูหิ้วอีกชั้นหนึ่ง โดยถูกนำมาวางไว้ใกล้ฟุตบาธข้างห้องคาราโอเกะสีเขียว ซึ่งเมื่อเช้าวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2550 ร้านคาราโอเกะแห่งนี้ถูกกลุ่มก่อกวนนำระเบิดแสวงเครื่องมาวางไว้ครั้งหนึ่งแล้ว แต่เจ้าหน้าที่สามารถเก็บกู้ได้ทัน

หมายจับเพิ่ม 3 มือบึ้มป่วน 4 จว.ใต้

นายพระนาย สุวรรณรัฐ ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ได้รายงานต่อที่ประชุมผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ ผ่านระบบวิดีทัศน์ทางไกลว่า สามารถออกหมายจับผู้ต้องสงสัยที่ก่อเหตุระเบิดใน 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ช่วงเทศกาลตรุษจีนที่ผ่านมาเพิ่มอีก 3 ราย

องค์การนิรโทษกรรมสากลประณามมือบึ้มป่วนใต้

เว็บไซต์ขององค์การนิรโทษกรรมสากล Amnesty International ออกแถลงการณ์ประณามเหตุความรุนแรงวางระเบิด เผาบ้านและยิงถล่มเจ้าหน้าที่พร้อมกันหลายสิบจุด ในจังหวัด ยะลา ปัตตานี นราธิวาส และสงขลา ในช่วงค่ำวันที่ 18 ก.พ.50 พร้อมกับเรียกร้องให้มีการสืบสวนโดยทันที และให้มีการดำเนินการทางกฎหมายกับผู้ต้องสงสัยอย่างยุติธรรมและได้รับการยอมรับจากนานาชาติ

สื่อฮ่องกงชี้ชายแดนใต้ของ ไทยสงบยาก

ด้านเอเอฟพี รายงานว่า หนังสือพิมพ์เซาท์ไชนามอร์นิงโพสต์ของฮ่องกงฉบับวันที่ 21 ก.พ. 50 รายงานสถานการณ์ความไม่สงบทางภาคใต้ของไทย โดยระบุว่า บ้านเมืองไทยนั้นจะไม่มีความมั่นคงโดยปราศจากกฎหมาย

สื่อฮ่องกงฉบับดังกล่าวรายงานว่า จากเหตุระเบิดหลายระลอกในจังหวัดทางภาคใต้ เมื่อวันอาทิตย์ (18) ที่ผ่านมาของไทย แสดงให้เห็นว่า ความพยายามรักษาความสงบของรัฐบาลใหม่ของไทยก็มีข้อบกพร่องไม่ต่างไปจากรัฐบาลของอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร

นอกจากนี้ ยังระบุว่า มีเพียงการประกาศยกเลิกอำนาจฉุกเฉิน ที่ตั้งขึ้นโดยกองกำลังรักษาความมั่นคง และการเข้ามาแทนที่ ด้วยรัฐบาลที่มาจากประชาชนอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ตามหลักสิทธิของประชาชนชาวไทย ไม่ว่าจะนับถือศาสนาใดก็ตามเท่านั้น ที่อาจเป็นโอกาสสำหรับประเทศที่จะมีความมั่นคงภายในประเทศ

ส่วนเรื่องปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้แม้จะมีคำมั่นสัญญาที่จะทำข้อตกลงสันติภาพเพื่อแก้ปัญหาภาคใต้โดยพล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ ผู้นำคณะปฏิรูปล้มอำนาจพ.ต.ท.ทักษิณ แต่แทบจะไม่น่าประหลาดใจเลยที่นโยบายของรัฐบาลก่อนหน้านี้ ยังคงไม่เปลี่ยนไป ขณะที่ วิธีแก้ปัญหาของรัฐบาลชุดนี้มีทีท่าว่าจะเป็นไปตามวิธีของทหาร

คาดเพลิงไหม้โรงงานยางยะลาสูญ100ล้าน

ส่วนเหตุเพลิงไหม้โกดังเก็บยางพาราของ บริษัทเซาท์แลนด์ รับเบอร์ จำกัด สาขายะลา ตั้งอยู่ริมถนนเพชรเกษม สายยะลา - บ้านเนียง เลขที่ 99 บ้านท่าสาป หมู่ที่ 1 ตำบลท่าสาป อำเภอเมืองยะลา ตั้งแต่เวลา 01.05 ของวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2550 นั้น จนเวลา 15.00 น. ของวันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ ทำได้เพียงฉีดน้ำเลี้ยงเพื่อไม่ให้ลุกลามไปยังจุดอื่นเท่านั้น

นายเกียรติ กิตติกุลเสรีธรรม ผู้จัดการบริษัทเซาท์แลนด์รับเบอร์ จำกัด สาขายะลา เปิดเผยว่า ยังไม่สามารถประเมินมูลค่าความเสียหายได้ เนื่องจากไม่สามารถตรวจสอบภายในโรงงานได้ โดยภายในโกดังมียางแผ่น ยางก้อนจำนวนหลายตันที่เตรียมไว้ส่งออกยังประเทศญี่ปุ่น แต่คาดว่าความเสียหายจะมีมูลค่ามากกว่า 100 ล้าน