สำนักข่าวอิสระไทใหญ่ S.H.A.N. รายงานเมื่อวันที่ 17 ก.พ.50 โดยอ้างจากบทวิพากษ์วิจารณ์ของเครือข่ายเพื่อประชาธิปไตยและการพัฒนา (NDD - Network for Democracy and Development) ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 16 ก.พ. ว่า พลเอกอาวุโสตานฉ่วยเป็นห่วงกองทัพล่มสลาย สั่งเด็ดขาดกำจัดนายทหารคอรัปชั่นและละเลยหน้าที่

โดยคำกล่าวของพลเอกตานฉ่วยดังกล่าวมีขึ้นในระหว่างการประชุมประจำ 4 เดือนของกองทัพเมื่อเดือนกันยายนปีที่ผ่านมา โดยระบุว่า ในทุกๆ สี่เดือนมีทหารในกองทัพหลบหนี ปลดเกษียณ ลาออกไม่ต่ำกว่า 7 พันคน ส่วนทหารที่หลบหนีเป็นทหารที่อยู่แนวหลังมากกว่าแนวหน้า นอกจากนี้มีนายทหารอีกเป็นจำนวนมากไม่ให้ความสำคัญในการปฏิบัติหน้าที่ โดยมัวแต่หมกมุ่นอยู่กับการคอรัปชั่น สุรานารี จนทำให้ศักดิ์ศรีของนายทหารแทบจะไม่หลงเหลือ ขณะที่ผบ.กองพันบางคนก็ไม่เดินหน้าในการปฏิบัติหน้าที่

พลเอกอาวุโสตานฉ่วย กล่าวว่า ต่อไปกองทัพจะต้องดำเนินการขั้นเด็ดขาดต่อนายทหารและทหารที่ละเลยในการปฏิบัติหน้าที่อย่างจริงจัง ไม่เช่นนั้นจะส่งผลให้กองทัพต้องล่มสลายได้

ทั้งนี้ ที่กองทัพพม่าได้มีการปลดนายทหารออกจากกองทัพ และย้ายไปเป็นข้าราชการพลเรือนอย่างต่อเนื่องตลอดช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา เกี่ยวกับเนื่องกับคำกำชับของพลเอกอาวุโสตานฉ่วยนั่นเอง

บทวิพากษ์วิจารณ์ระบุอีกว่า ปัจจุบันในกองทัพพม่ามีนายทหารเป็นจำนวนมาก เนื่องจากมีนายทหารจบจากโรงเรียนนายทหารอยู่ทุกปี ซึ่งสังเกตได้ว่า แต่ละกองร้อยซึ่งตามหลักสากลต้องมีทหารไม่ต่ำกว่า 150 คน แต่ของพม่ามีไม่ถึง 30 คน และในนั้นมีพลทหารไม่ถึง 15 คน ที่เหลือเป็นนายทหาร ขณะที่ในส่วนของหมู่ ที่ตามหลักต้องมีไม่ต่ำกว่า 12 คน ของพม่ามีเพียง 5 -6 คน และในนั้นครึ่งหนึ่งเป็นนายทหาร

ส่วนสาเหตุที่นายทหารทำตัวสบาย หมกมุ่นอยู่กับสุรานารีและการคอรัปชั่นนั้น เพราะไม่ได้ออกรบและอยู่สุขสบายกันจนเกินไป นอกนั้นยังมีนายทหารที่มีเส้นสายอีกจำนวนไม่น้อยขอย้ายไปเป็นข้าราชการพลเรือน เนื่องจากมีรายได้ดีกว่า

อย่างไรก็ตาม บทวิพากษ์วิจารณ์ได้สรุปว่า แม้ว่าพลเอกอาวุโสตานฉ่วยจะพยายามใช้มาตรการทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้กองทัพล่มสลายก็ตาม แต่หากยังคงมีการแบ่งพรรคแบ่งพวกและแบ่งปันผลประโยชน์ไม่เท่าเทียมกันดังเช่นทุกวันนี้ กองทัพก็คงจะอยู่ได้ไม่นานและถึงกับต้องล่มสลายอย่างแน่นอน