Skip to main content
sharethis

ชาวสะเอียบจับตามติ ครม.23 ม.ค.หลัง กระทรวงเกษตรชงแก่งเสือเต้นเข้าที่ประชุม จี้รัฐอย่าใช้ภาวะวิกฤตการเมืองดัน "แก่งเสือเต้น" แจงบทบาทรัฐบาลรักษาการไม่ควรอนุมัติโครงการขนาดใหญ่ ชี้มีเรื่องอื่นต้องทำอีกเยอะ ลั่นหากอนุมัติเดินหน้าเคลื่อนไหวแน่


 


ตามที่นายธีระ สูตะบุตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้แถลงเมื่อวันที่ 17 ม.ค.ที่ผ่านมา หลังประชุมร่วมกับกรรมมาธิการเกษตร สภานิติบัญญัติแห่งชาติว่า กรรมาธิการเกษตรเห็นด้วยที่กระทรวงจะนำโครงการสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้นขึ้นมาศึกษาต่อถึงผลดีผลเสีย เพราะโครงการดังกล่าวสามารถแก้ไขปัญหาน้ำท่วมและน้ำแล้งในระยะยาวได้ โดยในอังคารที่ 23 ม.ค.นี้จะนำเรื่องเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เพื่อเสนอสถานภาพล่าสุดของโครงการโดยให้ ครม.เห็นชอบว่า จะดำเนินการอย่างไรต่อไปนั้น


 


นายเส็ง ขวัญยืน ผู้ใหญ่บ้าน ม.9 ต.สะเอียบ อ.สอง จ.แพร่ กล่าวว่า กรณีเขื่อนแก่งเสือเต้นนั้นชาวบ้านสะเอียบแสดงจุดยืนชัดเจนมาโดยตลอดว่าไม่เห็นด้วย พร้อมกันนี้ได้แสดงเหตุผลถึงความไม่เหมาะสม และปัญหาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะผืนป่าสักทองผืนสุดท้าย ทั้งยังเสนอทางเลือกอื่นในการจัดการปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้ง แต่ดูเหมือนว่าไม่มีรัฐบาลชุดใดรับฟัง ยังคงมุ่งมั่นเดินหน้าจะสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้นต่อไปไม่เว้นแม้กระทั่งรัฐบาลชุดนี้ที่เป็นรัฐบาลชั่วคราว ซึ่งโดยมารยาทและบทบาทที่จะอยู่บริหารประเทศอีกไม่เกิด 1 ปีนั้น ไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะพิจารณาอนุมัติโครงการขนาดใหญ่และส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตชุมชนรวมทั้งสิ่งแวดล้อม


 


"ไม่อยากให้รัฐบาลพูดถึงเรื่องการสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้นเลย เรายังมีปัญหาเรื่องอื่นๆ อีกหลายเรื่องที่ต้องเร่งแก้ไข ก็น่าจะเร่งทำเรื่องอื่นไปก่อน ที่สำคัญอย่าพยายามฉวยโอกาสวิกฤตทางการเมืองมาผลักดันโครงการใหญ่ๆ อย่างนี้ เพราะที่ผ่านมาอย่างเขื่อนปากมูลที่อนุมัติสร้างในสมัย รสช. ถามว่าปัจจุบันผลเป็นอย่างไรบ้าง ได้ผลแค่ไหน เพราะมีแต่สร้างปัญหาต่างๆ ตามมา และนี่คือบทเรียนความล้มเหลวที่สำคัญบทหนึ่งที่ต้องมีการทบทวน" นายเส็ง กล่าว


 


ผู้ใหญ่บ้าน ม.9 ต.สะเอียบ กล่าวต่อว่า หากที่ประชุม ครม.วันที่ 23 ม.ค.นี้ พิจารณาเห็นชอบอนุมัติให้มีการสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้น แน่นอนว่าชาวสะเอียบทั้งหมดที่ร่วมต่อสู้คัดค้านโครงการนี้มาตลอดระยะ 18 ปี จะลุกฮือเคลื่อนไหวเพื่อคัดค้านต่อไป


 



 


นายสายัณห์ ข้ามหนึ่ง เจ้าหน้าที่โครงการแม่น้ำเพื่อชีวิต กล่าวว่า โครงการสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้นนั้นหลังจากมีกระแสข่าวว่าจะมีการนำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของ ครม.ในวันที่ 23 ม.ค.นี้นั้น ทำให้วันที่ 19 ม.ค.ที่ผ่านมาชาวบ้าน 4 หมู่บ้าน ต.สะเอียบได้แถลงข่าวและออกแถลงการณ์คัดค้านโครงการโดยระบุเหตุผลการคัดค้านอย่างชัดเจนว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งเรื่องน้ำท่วมและน้ำแล้งนั้นไม่ได้เกิดจากการไม่มีเขื่อนแก่งเสือเต้นแต่อย่างใด เพราะที่ผ่านมาเขื่อนทุกเขื่อนไม่สามารถป้องกันปัญหาเหล่านี้ได้ ดังนั้นรัฐบาลน่าจะมองปัญหาเรื่องน้ำทั้งระบบ ก่อนที่จะตัดสินใจสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้นขึ้น ซึ่งมีผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ ป่าไม้ และที่อยู่อาศัยของชาวบ้านเป็นจำนวนมาก และที่สำคัญรัฐบาลรัฐบาลรักษาการไม่ควรถือโอกาสยามวิกฤตเช่นนี้อนุมัติโครงการเขื่อนแก่งเสือเต้น และไม่ควรเอาหน่วยงานของรัฐที่ชาวบ้านให้ความเชื่อถือ และไว้วางใจว่าเป็นหน่วยงานที่มีความยุติธรรมต่อสังคม เข้ามายุ่งเกี่ยวกับการสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้น


 


นายสายันห์ กล่าวต่อว่า ในวันนี้ตัวแทนชาวบ้านสะเอียบจำนวนหนึ่งได้เข้าพบรองผู้ว่าราชการ จ.แพร่ เพื่อขอท่าทีที่ชัดเจนของผู้ว่าฯต่อโครงการดังกล่าว แต่ตอนนี้ยังไม่ได้รับความชัดเจนใดๆ อย่างไรก็ตาม แนวทางการเคลื่อนไหวที่ชัดเจนของชาวสะเอียบจะออกมาอย่างไรนั้น คงต้องรอผลการประชุม ครม.ต่อกรณีโครงการดังกล่าวในวันที่ 23 ม.ค.นี้ก่อน ซึ่งหลังได้ความชัดเจนมาแล้วจะมีการหารือเพื่อกำหนดแนวทางการเคลื่อนไหวต่อไป


 


 


..............................................................


แถลงการณ์  4  หมู่บ้านตำบลสะเอียบ


ที่ได้รับผลกระทบจากการสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้น


หยุดฟื้น  หยุดหนุน หยุดปัดฝุ่น หยุดโครงการเขื่อนแก่งเสือเต้น


  ขื่อเมืองตำบลสะเอียบ  19  มกราคม  2550


 


            ตามที่กรรมาธิการด้านการเกษตรและสหกรณ์  สภานิติบัญญัติแห่งชาติ และรองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ปัดฝุ่นและสนับสนุนการสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้น ตามที่เป็นข่าว วันที่  17  มกราคม  2550 


พวกเราชาวบ้านตำบลสะเอียบและเยาวชนกลุ่มตะกอนยมตำบลสะเอียบ รู้สึกไม่สบายใจต่อข่าวที่เกิดขึ้นในลักษณะนี้เป็นอย่างมากที่อ้างว่าการสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้นเป็นการแก้ปัญหาเรื่องน้ำอย่างเบ็ดเสร็จ ทั้งน้ำท่วมและน้ำแล้ง  ตลอดถึงผู้ได้รับผลกระทบจากเขื่อนแก่งเสือเต้น  12  จังหวัดนั้น 


พวกเราคิดว่าเป็นการให้ข้อมูลกับสังคมที่ไม่ถูกต้อง อาจเกิดการเข้าใจผิดและสร้างความสับสนให้กับผู้ได้รับผลกระทบตลอดลุ่มน้ำยม  ทั้งผู้ถูกน้ำท่วมโดยธรรมชาติและภัยแล้ง  ในลุ่มน้ำยมตลอดถึงลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนบนที่เกิดน้ำท่วมเมื่อปลายปี  2549  ที่ผ่านมา 


พวกเราเห็นว่าเป็นการปกปิดข้อมูลความเป็นจริงที่เกิดขึ้นเสียมากกว่า น้ำท่วมไม่ได้เกิดจากการไม่มีเขื่อนแก่งเสือเต้นแต่อย่างใด  น่าจะเกิดจากการบริหารจัดการน้ำของหน่วยงานที่รับผิดชอบมากกว่า  พวกเราได้ติดตามข่าวสารเรื่องน้ำมาโดยตลอด  หรือเป็นการจงใจจากหน่วยงานที่ต้องการสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้น  เพื่อให้เกิดความชอบธรรมที่จะสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้นขึ้น


            พวกเราขอสรุปปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งเรื่องน้ำท่วมและน้ำแล้งว่า ไม่ได้เกิดจากการไม่มีเขื่อนแก่งเสือเต้นแต่อย่างใด    เพราะที่ผ่านมาเขื่อนทุกเขื่อนไม่สามารถป้องกันปัญหาเหล่านี้ได้ พวกเราคิดว่ารัฐบาลน่าจะมองปัญหาเรื่องน้ำทั้งระบบ ก่อนที่จะตัดสินใจสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้นขึ้น ซึ่งมีผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ  ป่าไม้  และที่อยู่อาศัยของราษฎรเป็นจำนวนมาก และรัฐบาล


1. ไม่ควรถือโอกาสยามวิกฤตเช่นนี้แอบอนุมัติโครงการเขื่อนแก่งเสือเต้น


2. ไม่ควรเอาหน่วยงานของรัฐที่ชาวบ้านให้ความเชื่อถือ และไว้วางใจว่าเป็นหน่วยงานที่มีความยุติธรรมต่อสังคม เข้ามายุ่งเกี่ยวกับการสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้น เพื่อเป็นเครื่องมือของการแสวงหาผลประโยชน์จากการสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้น ซึ่งก่อให้เกิดความไม่เชื่อถือจากผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้นต่อหน่วยงานนั้นของรัฐ อาจก่อให้เกิดความไม่สงบสุขขึ้นในประเทศ  โดยเฉพาะสถานการณ์ทุกวันนี้  พวกเราอยากให้เกิดความสงบสุขขึ้นกับแผ่นดิน


 


            สำหรับโครงการสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้น  เราขอยืนยันว่าจะไม่ยอมให้เกิดขึ้นโดยเด็ดขาด  พวกเราขอเอาชีวิตและเลือดเนื้อเป็นเดิมพัน


 


                                                         ตัวแทนชาวบ้าน  4  หมู่บ้านตำบลสะเอียบ


                                                         เยาวชนกลุ่มตะกอนยมตำบลสะเอียบ


 


..............................................................


ที่มา : สำนักข่าวประชาธรรม

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net