"สันต์- เหวง" จี้นายกฯ คนดีลาออก

นายแพทย์สันต์ หัตถีรัตน์ ประธานมูลนิธิวีรชนประชาธิปไตยและนายแพทย์เหวง โตจิราการ ประธานสมาพันธ์ประชาธิปไตย เดินทางมายื่นจดหมายเปิดผนึกถึง พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ผ่าน ร.อ.ทวิช ศุภวรรณ หัวหน้าฝ่ายประสานมวลชน ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล โดยมีข้อเรียกร้องขอให้พล.อ. สุรยุทธ์ พิจารณาตนเองลาออก เนื่องจากมีการกระทำเข้าข่ายทำผิด พรบ.ป่าไม้ (2484) และพรบ.ป่าสงวนแห่งชาติ (2507)

 

ในจดหมายเปิดผนึกระบุว่า แม้พล.อ.สุรยุทธ์ จะอ้างการครอบครองที่ดินบนเขายายเที่ยง"ว่าได้มาโดยการซื้อจากนายเบ้า สินนอก และมีการชำระภาษีบำรุงท้องที่อย่างถูกต้อง ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2537 พร้อมกับอ้างการรับรองโดยมติคณะรัฐมนตรีปี 2541 แล้ว แต่การครอบครองดังกล่าวก็เป็นสิ่งมิชอบเนื่องจากขัดต่อเจตนารมณ์ของกฎหมาย ที่ต้องการออมชอมให้คนยากจนไร้ที่ทำกินได้มีโอกาสใช้ที่ดินป่าสงวนทำการเกษตรกรรมเพื่อยังชีพโดยห้ามบุคคลอื่นซื้อขายต่อและบุคคลภายนอกก็ไม่มีสิทธิที่จะไปครอบได้ ทั้งนี้ สมาพันธ์ประชาธิปไตย เรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของรัฐทำการตรวจสอบผู้ที่ครอบครองที่ดินป่าสงวนแห่งชาติหรือป่าเสื่อมโทรมทั้งหมดและดำเนินการทางกฎหมายอย่างเข้มงวด

 

นายแพทย์เหวงกล่าวว่า "นายกรัฐมนตรีได้ยอมรับโดยปริยายว่าการครอบครองที่ดินดังกล่าวไม่น่าจะถูกต้อง โดยใช้คำว่า ก้ำกึ่ง ดังนั้นจึงขอให้นายกฯ พิจารณาตัวเองดีกว่าปล่อยให้เรื่องนี้ฉาวโฉ่ จะทำให้เกียตริภูมิเกียรติยศเสียหายมากกว่านี้ และถ้าหากท่านคิดว่าการบริหารประเทศจำเป็นต้องอาศัยคุณธรรมจริยธรรมในระดับสูง ท่านอาจจะต้องพิจารณาตัวเองลาออก เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นก็เข้าข่ายการกระทำที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย

 

"ส่วนที่มีการพยายามพูดกันว่าคนทำผิดในข้อหาดังกล่าวมีตั้งหลายแสนราย ตรงนี้ต้องแยกให้ออก ถ้าคนเหล่านั้นเป็นราษฎรที่ยากจนจริงๆ ก็เป็นหน้าที่ของรัฐที่ต้องโอบอุ้มราษฎรยากจนสิ้นไร้ไม้ตอก ให้มีเอกสารที่สามารถแสดงการใช้ประโยชน์ในที่ดินได้"

 

นอกจากนั้นทางสมาพันธ์ฯ ได้เรียกร้องขอให้ พล.อ.สุรยุทธ์ ทบทวนการตั้งศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ(ศปศ.คมช.)และกองอำนวยการรักษาความปลอดภัย เนื่องจากไม่มีเหตุผลและความชอบธรรมใดๆ

 

ทั้งนี้ นายแพทย์เหวง กล่าวว่า "ขณะนี้ยังไม่มีสถานการณ์ถึงขั้นเป็นภัยคุกคามต่อชาติบ้านเมืองโดยรวม และการอ้างคลื่นใต้น้ำก็ฟังไม่ขึ้น เพราะเป็นเพียงการเคลื่อนไหวของกลุ่มเล็กๆ ตามพื้นที่ต่างๆ ไม่เป็นอันตรายต่อความมั่นคง และในขณะที่ไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะตั้งศูนย์ดังกล่าว แต่กลับจะมีการนำเงิน 555 ล้านบาท จึงทำให้เกิดข้อสงสัยว่าจะใช้เงินไปทำอะไร เนื่องจาก มีพรบ. บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งนายกรัฐมนตรีสามารถ ระดมกำลังมาจัดการปัญหาต่างๆ ได้อยู่แล้ว และทหารก็ได้รับงบประมาณในปีนี้มากกว่าเดิม 34 เปอร์เซ็นต์หรือแสนกว่าล้าน จากปีก่อนๆ 8 หมื่นล้าน เพราะฉะนั้นไม่มีเหตุผลที่ต้องทุ่มงบประมาณเพื่อตั้งศูนย์ดังกล่าวอีก"

เอกสารประกอบ

จดหมายเปิดผนึกถึงฯพณฯนายกรัฐมนตรี

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท