ประชาไท - เมื่อวันอังคารที่ 26 ธ.ค.49 ศาลอุทธรณ์อิรักได้มีคำพิพากษายืนโทษประหารชีวิตซัดดัม ฮุสเซ็น อดีตประธานาธิบดีอิรักและสมุนอีก 2คน ด้วยการแขวนคอภายใน 30 วัน ฐานก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ ในคดีฆ่าสังหารหมู่ชาวชีอะห์จำนวน 148 คน ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งในเมืองดูญิล
ทั้งนี้ ซัดดัม ได้เขียนจดหมายถึงชาวอิรักในเรือนจำก่อนที่การอุทธรณ์ดังกล่าวจะล้มเหลวโดยระบุว่า "ผมขอสละชีพ หากเป็นพระประสงค์ของพระเจ้า"
ขณะที่กอห์ลิล ดูไลมี หนึ่งในทีมทนายของซัดดัมในจอร์แดนกล่าวว่า ซัดดัมเขียนจดหมายดังกล่าวขึ้นตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน หลังจากที่เขาต้องคำพิพากษาของศาลชั้นต้นให้ประหารชีวิตด้วยการแขวนคอ แต่จดหมายดังกล่าวเพิ่งจะถูกนำมาเผยแพร่ต่อสาธารณชนหลังจากที่การอุทธรณ์ของเขาไม่เป็นผล
"มันถูกปล่อยออกมาช้าเนื่องจากขั้นตอนซึ่งทางสหรัฐฯ เป็นผู้สร้างนั้นต้องดำเนินการยาวนาน" ดูไลมีกล่าว
นอกจากนี้ ซัดดัมยังได้เขียนตำหนิสหรัฐฯ และอิหร่านด้วยว่า เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการนองเลือดในอิรักระหว่างชาวสุหนี่และชาวชีอะห์ และยังได้สั่งเสียชาวอิรักว่า "ผมขอให้พวกคุณจัดเลี้ยงอำลาผม เมื่อดวงวิญญาณของผมเดินทางไปสู่อ้อมอกของพระผู้เป็นเจ้า" และระบุว่า "อิรักจงเจริญ อิรักจงเจริญ ปาเลสไตน์จงเจริญ ญีฮัดและมูญาฮีดีนจงเจริญ"
องค์กรสิทธิมนุษยชน ต่อต้านการประหารชีวิตอดีตผู้นำอิรัก
อย่างไรก็ตาม หลังศาลอุทธรณ์อิรัก พิพากษายืนโทษประหารชีวิตซัดดัม และพวก ทั้งองค์การนิรโทษกรรมสากลและฮิวแมน ไรท์ วอทช์ ออกแถลงการณ์ไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ โดยทั้งสององค์กรยืนยันในการต่อต้านการลงโทษประหารชีวิต ขณะเดียวกันยังระบุว่า การพิพากษาของศาลอุทธรณ์มาจากกระบวนการพิจารณาคดีและไต่สวนในศาลชั้นต้นที่ไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ พร้อมเรียกร้องรัฐบาลอิรัก ยกเว้นไม่ลงโทษประหารชีวิตอดีตประธานาธิบดีซัดดัม ด้วยการแขวนคอตามคำพิพากษา
ด้านผู้นำกลุ่มมุสลิมนิกายสุหนี่อิรักระบุว่า การดำเนินคดีอดีตประธานาธิบดีซัดดัมและพวก เป็นความพยายามทางการเมืองของอดีตศัตรูของนายซัดดัม ที่ปัจจุบันมีอำนาจในรัฐบาลนำโดยกลุ่มมุสลิมชีอะห์ และอาจจะนำไปสู่การจุดชนวนความรุนแรงระหว่างนิกายในอิรัก ให้ขยายขอบเขตออกไปอีก
ชาวอิรักหลั่งไหลไปสมัครเป็นเพชฌฆาตประหารซัดดัม
นาย
ด้านนาย
กระแสโลกแตกทาง ทั้งหนุนและไม่หนุนประหาร
ด้านกระแสนานาชาติต่างมีปฏิกริยาแตกต่างกันไป หลังศาลอุทธรณ์อิรักตัดสินยืนคำพิพากษาเดิม นายสก็อต สแตนเซล โฆษกทำเนียบขาวสหรัฐฯ กล่าวว่า "คำพิพากษาดังกล่าวถือเป็นเหตุการณ์สำคัญของชาวอิรักที่พยายามจะใช้หลักของกฎหมายแทนที่หลักของผู้นำเผด็จการ"
"มันถึงเวลาแล้วที่ซัดดัม ฮุสเซ็น ต้องรับโทษตามขั้นตอน และสิทธิที่ถูกต้องตามกฎหมายที่เขาได้ปฏิเสธต่อชาวอิรักมาโดยตลอด ดังนั้น วันนี้จึงเป็นวันสำคัญสำหรับประชาชนชาวอิรัก"
ขณะที่อังกฤษยืนยันท่าทีเดิมในหลักการของอังกฤษคือไม่เห็นด้วยการตัดสินลงโทษด้วยการประหารชีวิต แต่ก็ว่า ศาลอิรักมีอิสระเต็มที่ในการพิจารณาคดีนี้
ด้านอินเดีย ซึ่งเคยมีความสัมพันธ์อันดีกับอิรัก ออกมาเรียกร้องให้ทางการอิรักลดหย่อนโทษให้กับอดีตผู้นำอิรัก เช่นเดียวกับกลุ่มสิทธิมนุษยชนซึ่งก็เรียกร้องให้รัฐบาลอิรักไม่ใช้โทษประหารกับซัดดัมโดยว่า การใช้โทษประหารและการที่จำเลยไม่สามารถต่อสู้ในชั้นศาลได้เลยนั้น เป็นเรื่องไม่ถูกต้องและการตัดสินคดีนี้ก็ยังมีข้อบกพร่องอยู่มาก พร้อมเรียกร้องให้ทบทวนอย่างรอบคอบ
ทำเนียบขาวรับทหารตายในสงครามอิรักมากกว่าตึกเวิร์ลเทรดถล่ม
สำหรับสถานการณ์หลังสหรัฐฯนำทหารบุกโค่นอำนาจซัดดัม ทำเนียบขาวสหรัฐ ระบุว่า ยอดทหารสหรัฐที่เสียชีวิตในอิรักเพิ่มขึ้นเป็น 2,976 นาย มากกว่ายอดผู้เสียชีวิตจากเหตุก่อวินาศกรรม 11 กันยายน 2544 ที่มีผู้เสียชีวิต 2,973 คน
ล่าสุด มีรายงานทหารสหรัฐเสียชีวิตอีก 4 นายรอบกรุงแบกแดดเมื่อวันอังคาร ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตใน 1 เดือนนี้มีจำนวนอย่างน้อย 93 นาย
ด้านผลสำรวจของสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ระบุว่า เสียงสนับสนุนประธานาธิบดีบุช ในการจัดการปัญหาอิรักตกลงเหลือร้อยละ 28 ลดลง 6 จุดในเดือนตุลาคม โดยมีผู้ตอบแบบสอบถามถึงร้อยละ 70 ยอมรับว่า ไม่เห็นด้วยกับนโยบายการทำสงครามของผู้นำสหรัฐ
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)