หลายองค์กรที่ได้รับบทเรียนจากการต่อสู้กับรัฐในสมัยรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้ใช้โอกาสในการตั้งรัฐบาลชุดที่มาจากการรัฐประหาร ขอให้สะสางปัญหาที่เกิดขึ้นอีกครั้ง
หนึ่งในนั้น คือ เครือข่ายปฏิรูปที่ดินเพื่อคนจนภาคใต้ ได้เรียกร้องให้มีการปฏิรูปที่ดินเพื่อคนจน โดยเรียกร้องผ่านคณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชนภาคใต้ ที่กำลังรวบรวมปัญหาภาคประชาชนเพื่อนำเสนอต่อรัฐบาลชุดปัจจุบัน
เป็นข้อเรียกร้องที่ให้รัฐยึดที่ดินสวนปาล์มของเอกชน เฉพาะที่ดินเช่าจากรัฐที่หมดอายุสัญญาเช่า รวมทั้งที่ดินที่อยู่ในการครอบครองโดยมิชอบด้วยกฎหมายกว่าแสนไร่ มาจัดสรรให้คนจน เพื่อยุติปัญหาคนจนบุกรุกป่าขยายพื้นที่การเกษตรอีก
ในหนังสือเรื่อง "เปิดโปงความจริงการตรวจสอบสัญญาเช่าสวนป่า" จัดทำโดยเครือข่ายปฏิรูปที่ดินเพื่อคนจนภาคใต้ จัดพิมพ์เมื่อเดือนกรกฎาคม 2549 มีนางศยามล ไกยูรวงศ์ เป็นบรรณาธิการ ได้บันทึกและอธิบายเรื่องราวอันเป็นที่มาของข้อเรียกร้องดังกล่าวไว้ว่า เป็นผลมาจากการเคลื่อนไหวของกลุ่มเกษตรกรที่ไม่มีที่ดินทำกิน และเครือข่ายองค์กรประชาชนในจังหวัดสุราษฎร์ธานี กระบี่ และนครศรีธรรมราช เมื่อต้นปี 2546 คัดค้านการต่อสัญญาเช่าสวนป่าของกรมป่าไม้ ที่ให้นายทุนทั้งชาวไทยและต่างชาติเช่าทำสวนปาล์ม
ปฏิรูปที่ดิน-บทสะท้อนนโยบายรัฐล้มเหลว
จากการศึกษาและรวบรวมข้อมูลของเครือข่ายองค์กรภาคประชาชน จังหวัดสุราษฎร์ธานี ขณะเข้าร่วมเป็นคณะทำงานแก้ปัญหาป่าไม้กับภาครัฐ ระหว่างปี 2544 - 2545 พบว่า สาเหตุการบุกรุกป่า มาจาก 3 ปัจจัยหลัก คือ
- ไม่มีที่ดินทำกินของตัวเอง
- ครอบครัวขยาย รายได้ไม่เพียงพอเลี้ยงครอบครัว
- สูญเสียที่ดินจากการส่งเสริมการเกษตรตามนโยบายรัฐ ที่ขัดกับวิถีชีวิตดั้งเดิม นำมาสู่การล่มสลายของการประกอบอาชีพ
กรณีตัวอย่าง ชาวนาในจังหวัดนครศรีธรรมราช ที่ล้มละลายต้องละทิ้งทุ่งนาถึง 3 ช่วง คือ ช่วงหลังปี 2500 ที่ราคาข้าวผันผวน จำต้องเปลี่ยนอาชีพและอพยพไปต่างถิ่น ช่วงปี 2529 เกิดกระแสการเลี้ยงกุ้งแบบอุตสาหกรรม ที่นาถูกเปลี่ยนเป็นนากุ้ง ซึ่งทำรายได้เป็นกอบเป็นกำในเวลาอันรวดเร็ว โดยไม่ใส่ใจสภาวะแวดล้อมจะถูกทำลาย และช่วงปี 2535 เกิดภาวะขาดน้ำจืดทำเกษตรในพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง อันเป็นผลจากการทำลายป่าต้นน้ำ และภาวะน้ำเค็มรุกเข้ามาหลายสิบกิโลเมตร แม้รัฐแก้ปัญหาตามโครงการพัฒนาลุ่มน้ำปากพนัง และส่งเสริมเกษตรกรรมเชิงเดี่ยว ก็ไม่สามารถแก้ปัญหาได้
เครือข่ายองค์กรประชาชนในจังหวัดสุราษฎร์ธานี กระบี่ และนครศรีธรรมราช ได้ใช้อำนาจตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของทางราชการ พ.ศ. 2540 ให้สำนักงานป่าไม้จังหวัดสุราษฎร์ธานี และจังหวัดกระบี่ เปิดเผยข้อมูลพื้นที่เช่าป่า พบว่ามีพื้นที่สวนป่า และพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ที่เปิดให้บริษัทเอกชนทั้งไทยและต่างชาติเช่ากว่า
ตามกฎหมายการเช่าอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชยกรรมและอุตสาหกรรม พ.ศ. 2542 เปิดโอกาสให้ต่างชาติสามารถเช่าที่ดินแปลงใหญ่เกินกว่า
เครือข่ายองค์กรภาคประชาชนจังหวัดสุราษฎร์ธานีเห็นว่า การป้องกันการขยายตัวของพื้นที่เกษตรกรรมเชิงเดี่ยวเข้าไปในพื้นที่ป่า ไม่สามารถใช้มาตรการทางกฎหมายอย่างเดียวได้ แต่รัฐควรใช้มาตรการปฏิรูปที่ดินแบบมีส่วนร่วมอย่างเป็นธรรมและเท่าเทียมจึงเสนอมาตรการป้องกันการบุกรุกทำลายป่า โดยการปฏิรูปที่ดิน จัดสรรให้กับคนจนที่ไม่มีที่ดินทำกินหรือมีไม่เพียงพอ เนื่องจากคนกลุ่มนี้มีความเสี่ยงสูงที่จะบุกรุกพื้นที่ป่า เพื่อเปลี่ยนเป็นพื้นที่เกษตร
"ขบวนการคนจน" ตรวจสอบที่ดินรัฐ
ขบวนการเคลื่อนไหวภาคประชาชน เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2545 โดยชาวบ้านประมาณ 3,000 คน จากจังหวัดสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราชและกระบี่ ประชุมหาทางแก้ปัญหาป่าไม้และที่ดินทำกิน ณ สำนักสงฆ์บ้านคลองครามเหนือ ตำบลท่าอุแท อำเภอกาญจนดิษฐ์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมเข้าชื่อแสดงความจำนงให้รัฐปฏิรูปที่ดินให้กับคนจน และจัดทำข้อเสนอต่อรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เรียกร้องให้ยกเลิกการต่อสัญญาเช่าพื้นที่ป่าแก่นายทุนที่เช่าพื้นที่ป่า เกินกว่า
กระแสข่าวการเรียกร้องที่ดินทำกินจากรัฐแพร่สะพัด จนชาวบ้านหลายแห่งในจังหวัดสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช กระบี่ และชุมพร เปิดเวทีสาธารณะให้ความรู้เรื่องสิทธิในการแก้ปัญหาป่าไม้และที่ดินทำกิน มีการรวบรวมรายชื่อผู้ไม่มีที่ดินทำกินกว่า 25,000 ราย ยื่นหนังสือแสดงความจำนงขอที่ดินทำกินจากรัฐ ผ่านเครือข่ายองค์กรประชาชนจังหวัดสุราษฎร์ธานี
อันนำมาสู่การชุมนุมครั้งใหญ่ ที่หน้าศาลากลางจังหวัดสุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธุ์ 2546 จนล่วงเลยมา 4 วัน นายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในขณะนั้น จึงสั่งตั้งคณะทำงานแก้ปัญหากรณีราษฎรชุมนุมเรียกร้องที่ดินทำกินจากรัฐบาล จังหวัดสุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2546 โดยมีตัวแทนภาคประชาชน 14 คน ภาครัฐ 11 คน มีเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานเข้าตรวจสอบพื้นที่ป่า เพื่อนำพื้นที่หมดอายุสัญญาเช่ามาปฏิรูปให้คนจน
คณะทำงานฯ มีหน้าที่รวบรวมข้อมูลการเช่าพื้นที่ป่าไม้ในภาคใต้ทั้งหมด ได้รวบรวมข้อมูลการเช่าพื้นที่ป่าไม้ ตั้งแต่ 200 ไร่ขึ้นไป ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช และกระบี่ เพื่อให้เป็นพื้นที่นำร่องในการแก้ปัญหา และประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นำที่ดินที่สิ้นสุดสัญญาเช่ามาปฏิรูปหรือให้เช่า และนำมาจัดสรรให้กับเกษตรกรรายย่อย
นับว่าเป็นไปตามเป้าหมายของเครือข่ายองค์กรภาคประชาชนจังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อให้การทำงานร่วมกับภาครัฐในการตรวจสอบที่ดินเช่าที่หมดอายุ เป็นไปอย่างครอบคลุมและสอดคล้องกับสภาพ จึงได้เปลี่ยนชื่อองค์กรเป็น เครือข่ายปฏิรูปที่ดินเพื่อคนจนภาคใต้ อันประกอบด้วย ประชาชนที่ไม่มีที่ดินทำกิน หรือมีไม่เพียงพอต่อการครองชีพ มีถิ่นฐานเดิมมาจากเกือบทุกจังหวัดในภาคใต้ ส่วนใหญ่เป็นแรงงานรับจ้างในภาคเกษตรกรรม เช่น ทำสวนยางพาราและสวนปาล์ม ภาคประมง และสมาชิกองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกจังหวัดนครศรีธรรมราช
ทว่า หลังจากตั้งคณะทำงานชุดดังกล่าวเป็นเวลากว่า 2 เดือน กลับไม่มีความคืบหน้าใดๆ ไม่มีการประชุมคณะทำงานเกิดขึ้น
คณะทำงานฯ ในส่วนของภาคประชาชนจึงตัดสินใจเข้าตรวจสอบการถือครองพื้นที่เช่าของนายทุนในพื้นที่จังหวัดกระบี่และสุราษฎร์ธานี เพื่อรวบรวมข้อมูลเสนอต่อรัฐบาลเพียงฝ่ายเดียว
การตรวจสอบของคณะทำงานภาคประชาชนเกิดขึ้นหลายครั้ง มีการเจรจาต่อรองให้ชาวบ้านออกจากที่ดินสวนปาล์มที่เข้าไปตรวจสอบ เพื่อหลีกทางให้คณะทำงานของรัฐ ขณะที่ชาวบ้านยืนยันว่า นายทุนที่เช่าที่ดินจะต้องออกไปด้วยเช่นกัน เนื่องจากหมดสัญญาเช่าแล้ว จนกระทั่งเกิดการสลายกลุ่มชาวบ้านที่เข้าไปปักหลักอยู่ในที่ดินที่เข้าไปตรวจสอบ ถึง 2 ครั้ง คือ เมื่อวันที่15 ตุลาคม 2546 และวันที่ 30 ธันวาคม 2546
พบ 3 รูปแบบครอบครองที่ดินรัฐ
ข้อเท็จจริงที่คณะทำงานภาคประชาชนเข้าตรวจสอบที่ดินในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีและกระบี่ พบว่ามีรูปแบบการครอบครองทำประโยชน์ที่ดินรัฐ 3 รูปแบบ คือ
1. บุกรุกหรือเข้าครอบครองโดยมิได้รับอนุญาตจากหน่วยงานที่รับผิดชอบ
2. ทำประโยชน์เกินกว่าที่ขออนุญาตไว้
3. หมดอายุสัญญาเช่า แต่ยังคงเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ต่อไป
เมื่อจัดแบ่งพื้นที่ที่ตรวจสอบ มีกรณีตัวอย่าง 4 กรณี ดังนี้
1. พื้นที่ป่าอนุรักษ์ 19 ป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาแก้วและควนยิงวัว และนิคมสหกรณ์อ่าวลึก มีการเช่าพื้นที่ป่าเพื่อปลูกปาล์มน้ำมัน โดยบริษัท จิตรธวัชสวนปาล์ม จำกัด และบริษัทเชียงแสนอุตสาหกรรมการเกษตร จำกัด รวมทั้งบริษัทอื่นๆ ในตำบลเขาใหญ่ อำเภออ่าวลึก และอำเภอปลายพระยา จังหวัดกระบี่ พบรูปแบบการครอบครองที่ดินของรัฐทั้ง 3 รูปแบบ
2. กรณีสวนป่ากาญจนดิษฐ์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี พบรูปแบบการครอบครองทำประโยชน์ในพื้นที่ของรัฐรูปแบบที่ 2
3. กรณีบริษัท ชัยบุรีปาล์มทอง ในเขตพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติในท้องที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี พบรูปแบบการครอบครองทำประโยชน์ในพื้นที่ของรัฐรูปแบบที่ 2 และ 3
4. กรณีการจัดเช่าที่ดินราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียน สฎ. 848 จังหวัดสุราษฎร์ธานี ให้บริษัท นำบี้พัฒนาการเกษตร จำกัด บริษัท กุ้ยหลิมพัฒนาการเกษตร(ไทย) จำกัด และบริษัท สามชัยสวนปาล์ม จำกัด เช่าประกอบกิจการสวนปาล์ม พบรูปแบบการครอบครองทำประโยชน์ในพื้นที่ของรัฐทั้ง 3 รูปแบบ
ต่อมา วันที่ 13 มกราคม 2547 มีการประชุมคณะทำงานแก้ไขปัญหากรณีราษฎรเข้าครอบครองพื้นที่สวนปาล์มในพื้นที่ที่เอกชนขอใช้ประโยชน์ ที่ทำเนียบรัฐบาล ผู้เข้าประชุมประกอบด้วย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ที่ประชุมมีมติให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง และผู้ว่าราชการจังหวัด ตกลงกับผู้ประกอบการให้แบ่งที่ดินออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกมีจำนวนเนื้อที่ครึ่งหนึ่ง ให้ผู้ประกอบการได้รับการต่ออายุสัญญาเช่าต่อไปได้ ส่วนอีกครึ่งหนึ่งให้นำมาจัดแบ่งแปลงให้ราษฎรรายละไม่เกิน
มติของที่ประชุมดังกล่าว สวนทางกับมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2546 ที่ให้ยุติการอนุญาตต่ออายุสัญญาเช่า แล้วนำพื้นที่ดังกล่าวมาจัดสรรให้กับผู้ยากไร้ ไม่มีที่ดินทำกินของตัวเอง อีกทั้งยังขัดกับเจตนารมณ์ในการเรียกร้องของเครือข่ายฯ ที่ขอให้รัฐบาลยุติการต่อสัญญาเช่ากับนายทุนในพื้นที่เกินกว่า 200 ไร่ เพื่อนำมาจัดสรรให้คนจนที่ไร้ที่ดินทำกิน หรือเกษตรกรที่มีที่ดินไม่เพียงพอ เพื่อป้องกันมิให้คนกลุ่มนี้บุกรุกป่าทำการเกษตร
จากนั้น สำนักงานธนารักษ์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้เข้าไปจัดสรรสวนปาล์มเอกชน ที่หมดสัญญาเช่าที่จากราชพัสดุ ในอำเภอพุนพิน และอำเภอเคียนซา จังหวัดสุราษฎร์ธานีแล้ว นำมาแบ่งครึ่ง ส่วนแรกให้เอกชนรายเดิมเดิมเช่าต่อ ส่วนที่เหลือนำมาจัดสรรให้ประชาชนที่มีปัญหาที่ดินทำกิน โดยแบ่งออกเป็นแปลงละไม่เกิน
สำหรับเกษตรกรที่ได้รับการจัดสรรที่ดินมี 362 คน เป็นเกษตรกรที่ได้ลงทะเบียนคนจนไว้แล้ว และผ่านการคัดเลือกโดยวิธีประชาคมหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ และคณะกรรมการศูนย์อำนวยการต่อสู้เพื่อเอาชนะความยากจน จังหวัดสุราษฎร์ธานี ตามหลักเกณฑ์ว่าต้องเป็นคนในพื้นที่ก่อน
ทำให้ทางเครือข่ายปฏิรูปที่ดินเพื่อคนจนภาคใต้ มีข้อโต้แย้งว่า ในบางจังหวัดไม่มีที่ดินที่จะนำมาจัดสรรให้ราษฎร อีกทั้งกลุ่มคนจนที่ไร้ที่ดินทำกินหรือมีไม่เพียงพอ เป็นสมาชิกเครือข่ายปฏิรูปที่ดินคนจนภาคใต้ และร่วมกันเรียกร้องให้มีการปฏิรูปที่ดิน มาจากหลายจังหวัด รวมประมาณ 20,000 ครอบครัว ดังนั้นรัฐบาลควรแก้ไขมติดังกล่าวด้วย
ระบุเอกชนครอบครอง120,523ไร่โดยมิชอบ
นอกจากนี้ ข้อมูลการสรุปผลการตรวจสอบพื้นที่ที่เข้าทำประโยชน์โดยไม่มีการขออนุญาตท้องที่จังหวัดกระบี่ โดยเครือข่ายปฏิรูปที่ดินเพื่อคนจนภาคใต้ และองค์กรประชาชนเพื่อตรวจสอบการใช้ประโยชน์ที่ดินรัฐ จังหวัดกระบี่ พบว่ามีเนื้อที่
สำหรับกรณีที่เครือข่ายปฏิรูปที่ดินเพื่อคนจนภาคใต้ และองค์กรประชาชนเพื่อตรวจสอบการใช้ประโยชน์ที่ดินรัฐ จังหวัดกระบี่ ยื่นหนังสือถึงผู้อำนวยการนิคมสหกรณ์อ่าวลึก จังหวัดกระบี่ตรวจสอบนั้น ได้มีหนังสือชี้แจงกลับมาว่า
1. ที่ดินของบริษัท ไทยร่วมพัฒนาการเพาะปลูก จำกัด หรือ ไทย - มาเลย์ ท้องที่หมู่ที่ 2 ตำบลเขาเขน อำเภอปลายพระยา จังหวัดกระบี่ อยู่ในเขตนิคมสหกรณ์อ่าวลึกบางส่วน
2. ที่ดินบริษัท สหกาญจนอินดัสตรี จำกัด ท้องที่หมู่ที่ 2 ตำบลเขาเขน อำเภอปลายพระยา จังหวัดกระบี่ อยู่ในเขตนิคมสหกรณ์อ่าวลึก
3. ที่ดิน บริษัท เชียงแสนการเกษตร จำกัด ท้องที่หมู่ที่ 1 ตำบลเขาเขน และท้องที่หมู่ที่ 8 ตำบลปลายพระยา อำเภอปลายพระยา จังหวัดกระบี่ อยู่ในเขตนิคมสหกรณ์อ่าวลึก
4. ที่ดินบริษัท ไพรสณฑ์ปาล์ม จำกัด ท้องที่หมู่ที่ 1 และหมู่ที่ 2 ตำบลเขาเขน อำเภอปลายพระยา จังหวัดกระบี่ อยู่ในเขตนิคมสหกรณ์อ่าวลึก
5. ที่ดินของนางขจิต เพชรานนท์ ไม่มีข้อมูล หากอยู่ในที่สาธารณประโยชน์ กรมที่ดินเป็นผู้รับผิดชอบ
คนจนถูกจับ-นายทุนยังเก็บผลประโยชน์
กระบวนการตรวจสอบโดยภาคประชาชนยุติลง เมื่อถูกกองกำลังของรัฐเข้าสลายการชุมนุม เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2546
นับแต่นั้นมา กระบวนการตรวจสอบโดยภาคประชาชน ถูกทำให้เป็นเรื่องผิดกฎหมาย คนจนบุกรุกและลักทรัพย์ของคนรวย โดยไม่มีการพูดถึงการครอบครองและใช้ประโยชน์ที่ดินรัฐโดยมิชอบด้วยกฎหมายของบริษัทผู้ประกอบการ และไม่ยอมดำเนินการใดๆ กับผู้ประกอบการที่ละเมิดกฎหมาย แต่กลับปล่อยให้มีการเก็บเกี่ยวผลผลิตปาล์มน้ำมันอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน
มีเพียงนิคมสหกรณ์อ่าวลึกเท่านั้น ที่เข้าแจ้งความกับสถานีตำรวจภูธรอำเภอปลายพระยา จังหวัดกระบี่ ให้ดำเนินคดีกับ 4 บริษัทที่บุกรุกที่ดินนิคมสหกรณ์อ่าวลึก ได้แก่ บริษัท ไทยร่วมพัฒนาการเพาะปลูก จำกัด, บริษัท สหกาญจนอินดัสตรี จำกัด, บริษัท เชียงแสนการเกษตร จำกัด และบริษัท ไพรสณฑ์ จำกัด
ทว่า ยังไม่มีการจับกุมดำเนินคดี มาจนถึงบัดนี้...
ส่วนชาวบ้านที่เข้าตรวจสอบการครอบครองและใช้ประโยชน์ที่ดินรัฐ กลับถูกจับกุมดำเนินคดีไปแล้ว 43 ราย รวม 17 คดี ใช้เงินประกันตัวแล้ว 8 ล้านบาท อีก 14 คน ที่ถูกออกหมายจับและประสงค์จะเข้ามอบตัว ต้องใช้วงเงินประกันตัว 3,780,000 บาท ขณะนี้ยังไม่สามารถหาหลักทรัพย์มาประกันตัวได้
นี่คือ ชะตากรรมจากการลุกขึ้นสู้ของชาวบ้าน ที่รอรัฐบาลใหม่เข้ามาสะสาง
หมายเหตุ : ข้อมูลจากหนังสือ "เปิดโปงความจริงการตรวจสอบสัญญาเช่าสวนป่า" ของเครือข่ายปฏิรูปที่ดินเพื่อคนจนภาคใต้, ศยามล ไกยูรวงศ์ บรรณาธิการ, กรกฎาคม 2549
000
บริษัทที่เข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้จังหวัดกระบี่-สุราษฎร์ธานี
จังหวัดกระบี่
บริษัท | วัตถุประสงค์ | ปีที่หมดอายุ | เนื้อที่ (ไร่) | |
1 | บริษัท จิตรธวัชสวนปาล์ม จำกัด* | ปลูกปาล์มน้ำมัน | 2543 | 13,950 |
2 | บริษัท เจียรวานิชน้ำมันปาล์ม จำกัด | ปลูกปาล์มน้ำมัน | 2556 | 20,000 |
3 | บริษัท ยวนสาวการเกษตร จำกัด | ปลูกปาล์มน้ำมัน | 2545 | 3,816 |
4 | บริษัท ยวนสาวการเกษตร จำกัด | ปลูกปาล์มน้ำมัน | 2545 | 4,390 |
5 | นายประเสริฐ กิตติธรกุล | ปลูกปาล์มน้ำมัน | 2545 | 2,200 |
6 | นายวิศิษฐ์ วุฒิชาติวานิช | ปลูกปาล์มน้ำมัน | 2545 | 1,500 |
7 | หจก.กระบี่รวมภัณฑ์ | ปลูกปาล์มน้ำมัน | 2545 | 1,000 |
8 | บริษัท ฟูจูการเกษตร จำกัด | ปลูกปาล์มน้ำมัน | 2545 | 9,500 |
9 | นายสุบินท์ ฉายะบุระกุล | ปลูกปาล์มน้ำมัน | พฤษภาคม2546 | 1,844 |
10 | บริษัท กรานี่การเกษตร จำกัด | ปลูกปาล์มน้ำมัน | 2545 | 9,750 |
11 | นายพัฒน์ ซ้ายเส้ง | ปลูกไม้ยืนต้นและมะม่วงหิมพานต์ | 2545 | 1,000 |
12 | นายสุนทร เจียวก๊ก | ยางพาราและมะม่วงหิมพานต์ | 2545 | 500 |
13 | หจก.ศรีปราณี | ยางพาราและมะม่วงหิมพานต์ | ตุลาคม 2546 | 580 |
14 | หจก.ศรีวิไลปาล์ม ปลูกปาล์มนำมัน | ปลูกปาล์มน้ำมัน | 2545 | 1,206 |
000
จังหวัดสุราษฎร์ธานี
บริษัท | วัตถุประสงค์ | ปีที่หมดอายุ | เนื้อที่ (ไร่) | |
1 | บริษัท น้ำบี้พัฒนาการเกษตร* | ปลูกปาล์มน้ำมัน | 2542 | 20,000 |
2 | บริษัท กุ้ยหลิมพัฒนาการเกษตร* | ปลูกปาล์มน้ำมัน | 2542 | 20,000 |
3 | บริษัท ประจักษ์วิวัฒน์ จำกัด | ปลูกปาล์มน้ำมัน,ยางพารา, มะม่วงหิมพานต์ | 2557 | 10,600 |
4 | บริษัท ชัยบุรีปาล์มทอง จำกัด* | ปลูกปาล์มน้ำมัน | 2543 | 15,500 |
5 | บริษัท พันธ์ศรี จำกัด | ปลูกปาล์มน้ำมัน | 2558 | 20,000 |
6 | บริษัท พรทวีปาล์ม จำกัด | ปลูกปาล์มน้ำมัน | 2560 | 5,543 |
7 | บริษัท ภูสวัสดิ์ จำกัด | ปลูกปาล์มน้ำมัน | 2567 | 700 |
8 | บริษัท พรทวีปาล์ม จำกัด | ปลูกปาล์มน้ำมัน | 2560 | 701 |
9 | บริษัท ไทยอุตสาหกรรมและสวนปาล์ม จำกัด | ปลูกปาล์มน้ำมัน | 2566 | 8,250 |
10 | นางนันทนา บุญร่ม | ปลูกยางพารา | 2544 | 375 |
11 | บริษัท ไทยบุญทอง จำกัด* | ปลูกปาล์มน้ำมัน | 2543 | 3,000 |
12 | บริษัท สุราษฎร์ปาล์มทอง จำกัด | ปลูกปาล์มน้ำมัน | 2543 | 1,168 |
13 | บริษัท ประมงวิชิต จำกัด | ปลูกยางพารา | 2543 | 8,600 |
14 | หจก.เหมืองแร่กมลา | ปลูกยางพารา | 2560 | 4,302 |
15 | บริษัท แสงสวรรค์ปาล์มน้ำมันและอุตสาหกรรม จำกัด | ปลูกปาล์มน้ำมัน | 2558 | 20,000 |
16 | บริษัท สามชัยสวนปาล์ม จำกัด | ปลูกปาล์มน้ำมัน | กุมภาพันธุ์2546 | 1,850 |
หมายเหตุ : * เครือข่ายฯ เข้าตรวจสอบแล้ว
ที่มา : กรมป่าไม้, หนังสือพิมพ์โฟกัสภาคใต้ ฉบับที่ 304 ประจำวันที่ 25 - 31 ตุลาคม 2546
000
บันทึกประวัติศาสตร์คนจนเข้าตรวจสอบพื้นที่เช่าของรัฐ
9 พฤษภาคม 2546 | คณะทำงานภาคประชาชนพร้อมด้วยชาวบ้าน 150 คน เดินสำรวจป่าบริเวณตำบลเขาต่อ อำเภอปลายพระยา จังหวัดกระบี่ และเข้ากั้นแนวเขตป่า เนื่องจากป่าบริเวณดังกล่าวถูกบุกรุกและปลูกปาล์มน้ำมัน ห่างจากหน่วยป้องกันรักษาป่า |
17 มิถุนายน 2546 | คณะทำงานพร้อมชาวบ้าน 300 คน เข้าตรวจสอบที่ดินเช่าของบริษัท จิตรธวัชสวนปาล์ม จำกัด บริเวณป่าเขาแก้ว ป่าควนยิงวัว ตำบลนาเหนือ อำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่ หลังจากพบข้อมูลว่าเป็นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ โดยขอให้บริษัทนำหลักฐานมายืนยัน แต่ไม่ได้รับความร่วมมือ ทั้งจากบริษัทและหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง กลับยังถูกข่มขูคุกคามจากผู้ที่อ้างว่า เป็นผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่และตำรวจ จึงต้องรายงานไปยังกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม |
23 มิถุนายน 2546 | นายทองหล่อ พลโคตร โฆษกกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมนาย มีเพียงรายงานการตรวจสอบว่าเป็นพื้นที่ของ บริษัท เชียงแสนการเกษตร จำกัด เนื้อที่ 972 - 1 - ในช่วงเดียวกัน เครือข่ายปฏิรูปที่ดินเพื่อคนจนฯ จากอำเภอกาญจนดิษฐ์ และอำเภอดอนสัก จังหวัดสุราษฎร์ธานี อำเภอสิชล และอำเภอขนอม จังหวัดนครศรีธรรมราช ชุมนุมเรียกร้องให้ตรวจสอบสวนป่ากาญจนดิษฐ์ เนื่องจากสงสัยว่า องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (ออป.) บุกรุกเกินกว่าที่ขอใช้จากกรมป่าไม้ ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี จึงตั้งคณะทำงานตรวจสอบ แต่ไม่ได้รับความร่วมมือจาก ออป. ทำให้การตรวจสอบไม่แล้วเสร็จ ชาวบ้านต้องเรียกร้องให้ตรวจสอบอีกครั้ง แต่ปรากฏว่าสวนป่ากาญจนดิษฐ์ไม่ยอมรับผลการตรวจสอบ อ้างว่าจำนวนเนื้อที่และการกำหนดพิกัดในแผนที่มีความผิดพลาด |
6 กรกฎาคม 2546 | คณะทำงานพร้อมชาวบ้าน 400 คน เข้าตรวจสอบและกันแนวเขตที่ดินของ บริษัท จิตรธวัช สวนปาล์ม จำกัด แปลงที่ 2 โดยใช้เครื่องตรวจพิกัด หรือ จีพีเอส และส่งข้อมูลไปทำแผนที่ แต่ภาครัฐไม่ยอมส่งเจ้าหน้าที่เข้าร่วมตรวจสอบและไม่ให้เอกสารใดๆ ตามที่ชาวบ้านร้องขอ |
1 สิงหาคม 2546 | ชาวบ้านเครือข่ายปฏิรูปที่ดินเพื่อคนจนภาคใต้ 400 คน เข้าอาศัยที่แคมป์ของกรมทางหลวง ที่บ้านท่าเรือ ตำบลท่าเรือ อำเภอบ้านนาเดิม จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อเตรียมเข้าตรวจสอบที่ดินเช่าที่หมดสัญญา |
13 สิงหาคม 2546 | หม่อมหลวงประทีป จรูญโรจน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานีขณะนั้น แต่งตั้งคณะทำงานเข้าตรวจสอบที่ดินของบริษัทชัยบุรีปาล์มทอง จำกัด อำเภอชัยบุรี โดยจะเข้ารังวัดใน วันที่ 18 สิงหาคม 2546 โดยมีชาวบ้านร่วมตรวจสอบด้วย 10 คน |
14 สิงหาคม 2546 | เครือข่ายปฏิรูปที่ดินเพื่อคนจนภาคใต้ เปิดเวทีปราศรัยที่หน้าตลาดอ่าวลึก เนื่องจากถูกข้าราชการและผู้มีอิทธิพลข่มขู่ หลังจากเข้าตรวจสอบที่ดินหลายแปลง |
15 สิงหาคม 2546 | คณะทำงานภาคประชาชน เข้าตรวจสอบที่ดินของบริษัท จิตรธวัชสวนปาล์ม จำกัด แปลงที่ 3 ในพื้นที่ตำบลปากน้ำ อำเภอปลายพระยา จังหวัดกระบี่ |
17 สิงหาคม 2546 | คณะทำงานภาคประชาชน เข้าตรวจสอบที่ดินของบริษัท นำบี้ พัฒนาการเกษตร จำกัด ในพื้นที่ตำบลตะปาน อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งได้เช่าที่จากกรมป่าไม้ นอกจากนี้เครือข่ายปฏิรูปที่ดินเพื่อคนจนภาคใต้ พร้อมคณะทำงานภาคประชาชน ได้เข้าตรวจสอบที่ดินของบริษัท นำบี้ฯ เป็นชุดที่ 2 ด้วย |
20 สิงหาคม 2546 | สมาชิกเครือข่ายปฏิรูปที่ดินเพื่อคนจนภาคใต้ พร้อมคณะทำงานภาคประชาชนเข้าตรวจสอบพื้นที่สวนปาล์ม ริมถนนเซาท์เทิร์นซีบอร์ด ตำบลปากน้ำ อำเภอปลายพระยา จังหวัดกระบี่ เบื้องต้นทราบว่า เป็นของนางขจิต เพชรานนท์ และที่สาธารณะทุ่งสงวนเลี้ยงสัตว์ แต่มีต้นปาล์มน้ำมันและสวนยางพาราปลูกเต็มแปลง เวลา 20.00 น. วันเดียวกัน นายทองหล่อ และนายจตุพร มาประชุมกับหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง แต่คณะทำงานฝ่ายเครือข่ายปฏิรูปที่ดินเพื่อคนจนภาคใต้ ไม่เข้าร่วม เนื่องจากการประชุม 2 ครั้งก่อนหน้านี้ ไม่มีผลในทางปฏิบัติ ส่วนนายทองหล่อเองก็ไม่มีอำนาจตัดสินใจ ขณะเดียวกันรัฐมนตรี 4 กระทรวง ประกอบด้วย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประชุมหาทางแก้ปัญหาที่ดินสุราษฎร์ธานี - กระบี่ |
26 สิงหาคม 2546 | คณะรัฐมนตรีมีมติปัญหากรณีราษฎรเข้าครอบครองสวนปาล์ม ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ที่เอกชนขอใช้ประโยชน์ ดังนี้ 1. ให้เร่งรัดสำรวจพื้นที่ที่เอกชนขอใช้ประโยชน์ทุกพื้นที่ที่หมดอายุและยังไม่หมดอายุการอนุญาต โดยมอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช และกระบี่ แต่งตั้งคณะทำงานที่ประกอบด้วย ภาครัฐ ผู้ได้รับอนุญาตให้เช่าและผู้แทนภาคประชาชนที่เดือดร้อน เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ทุกฝ่ายยอมรับกัน และให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จใน 15 วัน 2. นำผลการดำเนินการในข้อ 1 มาพิจารณาวางกรอบและแนวทางในการดำเนินการเกี่ยวกับการให้เข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่ดังกล่าวอย่างเป็นธรรมต่อไป โดยมีหลักการและแนวทางดังนี้ 2.1. พื้นที่ที่หมดอายุการอนุญาตให้ยุติการอนุญาตต่อไว้ก่อน 2.2. พื้นที่ที่ยังไม่หมดอายุการอนุญาต หากผิดเงื่อนไขการอนุญาตก็ให้พิจารณายกเลิกการอนุญาตเข้าทำประโยชน์ 2.3. พื้นที่ที่ยังไม่หมดอายุการอนุญาตและปฏิบัติตามเงื่อนไขสัญญา มอบให้หน่วยงานที่รับผิดชอบพิจารณาทบทวนกรอบการดำเนินงาน กรอบเวลาของมการอนุญาต และกรอบอัตราค่าตอบแทนที่เหมาะสม และเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ให้พื้นที่ตามข้อ 1 และข้อ 2 มาจัดระเบียบการอนุญาตให้เข้าไปใช้ประโยชน์ โดยจะพิจารณาให้กับผู้ไม่มีที่ดินทำกินและเป็นคนในพื้นที่เป็นหลัก |
27 สิงหาคม 2546 | นาย ที่ประชุม เรียกร้องให้ชาวบ้านออกนอกพื้นที่ที่จะเข้าตรวจสอบ แต่ฝ่ายชาวบ้านยืนยันจะอยู่ต่อจนกว่าจะมีมาตรการการตรวจสอบที่ชัดเจน หรือถ้าจะให้ออกก็ต้องให้นายทุนที่ครอบครองที่ดินนานกว่าที่รับอนุญาตหลายปี ออกจากพื้นที่ไปด้วย |
7 กันยายน 2546 | คณะทำงานภาคประชาชน และชาวบ้านเครือข่ายปฏิรูปที่ดินเพื่อคนจนภาคใต้ 600 คน เข้าตรวจสอบสวนปาล์ม บริษัท จิตรธวัชสวนปาล์ม จำกัด แปลงที่ 3 |
12 กันยายน 2546 | นาย 1. ไม่ต่อใบอนุญาตการใช้ประโยชน์ที่ดินป่าสงวนแห่งชาติ 2. ให้มีการสำรวจข้อมูลการผิดเงื่อนไขการอนุญาต 3. นำพื้นที่ที่ไม่ได้ต่อใบอนุญาต มาจัดสรรกับเกษตรกรโดยพิจารณาคนในพื้นที่ก่อน 4. ให้ประชาชนที่ชุมนุมอยู่ในแปลงที่ดินเดินทางกลับภูมิลำเนาภายใน 3 วัน เพื่อให้คณะทำงานเข้าไปแก้ไขปัญหาร่วม 5. พื้นที่สวนปาล์มที่หมดอายุการอนุญาต รัฐต้องส่งเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปควบคุมทุกพื้นที่ ทางเครือข่ายปฏิรูปที่ดินเพื่อคนจนภาคใต้ ไม่ยอมรับเรื่องการออกจากพื้นที่ ภายใน 3 วัน ถ้าหากชาวบ้านาถอยออกจากพื้นที่ นายทุนต้องถอยด้วย เนื่องจากทุกแปลงที่ชาวบ้านเข้าไป เป็นแปลงที่มีการตรวจสอบเบื้องต้นแล้วว่าเป็นพื้นที่ ที่สิ้นสุดการอนุญาต |
17 กันยายน 2546 | นาย หลังจากนั้นชาวบ้านทยอยออกจากพื้นที่แปลงตรวจสอบ มาปักหลักรอผลการตรวจสอบบริเวณริมถนนเซาท์เทิร์นซีบอร์ด อำเภอบ้านนาเดิม จังหวัดสุราษฎร์ธานี และอำเภอปลายพระยา จังหวัดกระบี่ เมื่อเวลาล่วงเลยมา 20 วัน แต่ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ จากภาครัฐในการตรวจสอบดังกล่าว ทำให้ชาวบ้านประมาณ 2,000 คน เข้าไปตรวจสอบการครอบครองและการใช้ประโยชน์ที่ดินของ บริษัท ไทยร่วมพัฒนาการเพาะปลูก จำกัด (มาเลย์) หมู่ที่ 4 ตำบลเขาเขน อำเภอปลายพระยา จังหวัดกระบี่ ต่อไป |
14 ตุลาคม 2546 | เวลาประมาณ 13.00 น. ทางการใช้เฮลิคอปเตอร์โปรยใบปลิวบริเวณสวนปาล์มไทยร่วมพัฒนาการเพาะปลูก จำกัด ให้ชาวบ้านออกนอกไปจากสวนปาล์ม ภายในเวลา 12.00 น. มิฉะนั้น จะใช้กำลังสลายการชุมนุม ต่อมา เวลาประมาณ 14.00 น. มีตำรวจกว่า 1,000 นาย เข้าปิดล้อมบริเวณปากทางเข้าสวนปาล์มบริษัท ไทยร่วมฯ และมีการเจรจาระหว่างตัวแทนรัฐบาลกับชาวบ้านกว่า 3 ชั่วโมง แต่ไม่ได้ข้อยุติ ต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ได้ประสานงานเพื่อให้เกิดการเจรจาอีกครั้งเวลา 10.00 น. ในวันต่อมา |
15 ตุลาคม 2546 | เวลา 09.00 น. ตำรวจท้องที่ ตำรวจตระเวนชายแดน เจ้าหน้าที่ป่าไม้ อาสาสมัครรักษาดินแดน พ้อมอาวุธครบมือ เข้าสลายการชุมนุมของชาวบ้านในแปลงของบริษัท ไทยร่วมฯ ก่อนเวลานัดหมายเจรจา มีการล็อคตัวกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ที่จะมาร่วมเจรจาไว้ที่ที่ว่าการอำเภอปลายพระยา จังหวัดกระบี่ มีการจับกุมดำเนินคดีชาวบ้าน 11 คน เจ้าหน้าที่องค์กรพัฒนาเอกชนอีก 1 คน ส่านชาวบ้านที่เหลือได้ถูกสอบสวนจัดทำทะเบียนประวัติแล้วปล่อยตัวกลับบ้าน |
30 ธันวาคม 2546 | เวลาประมาณ 09.00 น. ตำรวจตระเวนชายแดนกว่า 2,000 นาย เข้าสลายการชุมนุมของเครือข่ายปฏิรูปที่ดินเพื่อคนจนภาคใต้ ที่แคมป์กลางบริเวณ จุดตัดถนนเซาท์เทิร์นซีบอร์ดกับทางหลวงหมายเลข 41 บ้านท่าเรือ ตำบลท่าเรือ อำเภอบ้านนาเดิม จังหวัดสุราษฎร์ธานี มีการดำเนินคดีกับชาวบ้าน 4 คน |
ที่มา : ศยามล ไกยูรวงศ์ บรรณาธิการ, เปิดโปงความจริงการตรวจสอบสัญญาเช่าสวนป่า, เครือข่ายปฏิรูปที่ดินเพื่อคนจนภาคใต้, พีพีพรินท์ติ้ง & นกเช้าสำนักพิมพ์, กรกฎาคม 2549
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)